ผังเมืองมีความสำคัญอย่างไร ถ้าจะซื้อบ้านหรือซื้อที่ดินทำไม่จึงควรดูให้เป็น?
เริ่มต้นกันมาในปี 2024 หลายๆคนคงตั้งเป้าหมายในชีวิตที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในหลายๆข้อ แต่ 1 ในนั้น คงจะเป็นการเลือกซื้อบ้านหรือที่ดินสักแห่งเพื่อเก็บไว้เป็นทรัพย์สินให้กับตัวเองและครอบครัว แต่ก่อนจะเลือกซื้อบ้านหรือที่ดินสักแห่งนอกจากจะต้องปวดหัวกับการเลือกหาโครงการที่ถูกใจ ในทำเลที่ถูกใจแล้ว อีก 1 สิ่งที่คนมักจะไม่ได้สนใจกันหรืออาจจะไม่รู้กันก็คือเรื่องของผังเมือง การที่ศึกษาแค่รายละเอียดโครงการหรือที่ดินในทำเลที่ถูกใจ มีทางเข้า-ออก ไม่เป็นที่ดินตาบอดก็พอแล้วรึเปล่า แล้วอย่างนั้นผังเมืองจะสำคัญอย่างไร? ถ้าจะคิดอย่างนั้นก็คงไม่ผิดแต่อาจจะไม่เห็นภาพรวมของการพัฒนา เพราะจริงๆแล้วถ้าลองมองให้ลึกไปมากกว่านั้น ผังเมืองรวมเป็นเครื่องมือที่เป็นตัวกำหนดว่าพื้นที่ในบริเวณไหนสามารถสร้างอะไรได้บ้างหรือสร้างอะไรไม่ได้บ้าง รวมถึงพื้นที่ในบริเวณนั้นๆมีวัตถุประสงค์ให้เกิดการพัฒนารูปแบบใด ดังนั้นเดียวบทความนี้จะมาเล่าให้ฟังกันว่าการกำหนดผังเมืองรวมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีการกำหนดแผนผังอะไรไว้บ้าง แล้วแต่ละแผนผังที่กำหนดขึ้นมามีผลต่อการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างไร?
โดยตามหลักการแล้วการวางแผนวางผังเมืองจะเป็นการคาดการณ์การเติบโตของเมืองในอนาคตช่วงเวลา 20-30 ปีข้างหน้า ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลหลายส่วนทั้งจำนวนประชากร แหล่งงาน สภาพเศรษฐกิจ เพื่อให้ได้มาซึ่งแผนผังที่จะตอบโจทย์การพัฒนาในอนาคต โดยผังเมืองรวมที่มีการบังคับใช้งานในปัจจุบันจะเป็นผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2556 (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3) ซึ่งในอนาคตอันใกล้กำลังจะมีการประกาศใช้ร่างผังเมืองฉบับใหม่ (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4) โดยในบทความนี้จะยกแผนผังที่ควรจะรู้ออกมาอธิบายใน 3 แผนผังหลัก คือ 1. แผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน 2. แผนผังโครงการคมนาคมและขนส่ง และ 3.แผนผังที่โล่ง
1. แผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน
แผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน เป็นแผนผังที่กำหนดว่าพื้นที่ใดสามารถสร้างอะไรได้บ้างสร้างอะไรไม่ได้บ้าง โดยจะมีการกำหนดแบ่งตามเฉดสีตามการใช้ประโยชน์ที่ดินในบริเวณนั้นๆ ทั้งพื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่พาณิชยกรรม พื้นที่ราชการ พื้นที่อุตสาหกรรม และพื้นที่สีเขียว โดยจะเป็นการกำหนดจากพื้นที่ที่มีความหนาแน่นมากในบริเวณพื้นที่ภายในเมือง กระจายออกสู่พื้นที่ที่มีความหนาแน่นน้อยภายนอกเมือง โดยแบ่งตามเฉดสี คือ สีแดง สีน้ำตาล สีส้ม จนไปจรดสีเหลืองและสีเขียว ซึ่งแต่ละสีก็จะมีข้อกำหนกการใช้ประโยชน์ที่ดินที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น
พื้นที่เขตสีแดง หมายถึง ที่ดินประเภทพาณิชยกรรม(พ.1-พ.5) ซึ่งจะมีข้อกำหนดน้อยสามารถพัฒนาได้ค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งพื้นที่ที่มีการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทพาณิชยกรรมส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในบริเวณเมืองชั้นใน อย่างเช่น พื้นที่อย่าง เขตบางรัก เป็นต้น
พื้นที่เขตสีน้ำตาล (ถัดออกมาจากพื้นที่สีแดง) หมายถึง ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก(ย.8-ย.10) ก็จะเป็นบริเวณที่สามารถพบโครงการคอนโดมิเนียมสูง อาคารสำนักงาน เป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น ในพื้นที่บริเวณเขตวัฒนา เขตยานนาวา เขตบางคอแหลม เขตดินแดง หรือ เขตธนบุรี เป็นต้น
พื้นที่เขตสีส้ม ซึ่งหมายถึงที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง (ย.5-ย.7) เป็นบริเวณที่จะพบการพัฒนา โครงการบ้านสรรแนวราบมากขึ้นโดยจะมีทั้งกลุ่มอาคารพาณิชย์ ทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยว ยกตัวอย่างเช่นในเขตพระโขนง เขตจอมทอง และเขตภาษีเจริญ เป็นต้น
พื้นที่เขตสีเหลือง (พื้นที่ชานเมือง) ซึ่งหมายถึงที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย(ย.1-ย.4) เป็นบริเวณที่จะพบการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรแนวราบเป็นหลัก ทั้งบ้านเดี่ยว หรือ ทาวน์เฮ้าส์ ยกตัวอย่างเช่นในเขตลาดพร้าว เขตวังทองหลาง เป็นต้น
พื้นที่เขตสีขาวมีกรอบและเส้นทแยงสีเขียว(พื้นที่ชานเมือง) ซึ่งหมายถึง ที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม(ก.1-ก.3) อย่างเช่นในโซนราชพฤกษ์ฝั่งตะวันตก กำหนดเป็น ก.2 ก็จะพบเป็นพื้นที่โล่งสีเขียวเป็นส่วนใหญ่กับพื้นที่พัฒนาโครงการแนวราบ ซึ่งจะเป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่มีที่ดินขนาดไม่น้อยกว่า 100 ตารางวาเป็นต้นไป
พื้นที่เขตสีเขียว ซึ่งหมายถึงที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม(ก.4-ก.5) ก็จะอยู่ในบริเวณเขตบางขุนเทียน เขตหนองจอง ซึ่งก็จะเป็นพื้นที่ที่คงไว้ให้เป็นธรรมชาติ และจะมีความหนาแน่นน้อยกว่าในบริเวณอื่นๆ มากไปกว่านั้นแผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน ยังมีการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินสีอื่นๆเพิ่มเติม อย่างเช่น พื้นที่สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นพื้นที่ราชการ หรือ พื้นที่สีม่วง ซึ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม รวมไปถึงแผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินยังมีรายละเอียดในการกำหนดบางพื้นที่โดยเฉพาะ เช่น พื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าที่จะกำหนดให้เป็นพื้นที่สีแดง ใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทพาณิชยกรรม (ตามหลักการ TOD หรือ Transit Oriented Development) เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ที่ดินในบริเวณที่มีพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐมาแล้ว ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นต้น
2. แผนผังโครงการคมนาคมและขนส่ง
จากแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดินแผนผังแรก เมื่อทุกท่านทราบกันแล้วว่าสีของแผนผังแต่ละสีหมายถึงอะไร แล้วทำเลที่อยู่อาศัยหรือทำเลที่จะเลือกซื้ออยู่ อยู่ในพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินแบบใดถูกกำหนดไว้เพื่อพัฒนาเป็นอะไรได้บ้างแล้ว อีก1แผนผังที่มีความสำคัญ ก็คือ แผนผังโครงการคมนาคมและขนส่ง ซึ่งแผนผังโครงการคมนาคมและขนส่ง จะเป็นแผนผังที่เป็นตัวกำหนดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางถนน ว่าภาครัฐจะมีการพัฒนาถนนสายใดบ้าง โดยจะใช้สัญลักษณ์ว่า ถนน ก, ถนน ข, ถนน ค จนไปถึง ถนน ช ซึ่งถนนแต่ละสายก็จะมีเขตทางของถนนกว้างไม่เท่ากัน โดยจะมีเขตทางกว้างตั้งแต่ 12 เมตร จนไปถึง 60 เมตร กำหนดไว้ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ดังนั้นถ้าใครไปซื้อบ้านหรือมีบ้านอยู่ในตำแหน่งที่มีการวางแผนจะตัดถนนสายใหม่ไว้พอดี ในอนาคตก็อาจจะมีโอกาสเกิดปัญหาขึ้นได้เพราะจะถูกเวนคืนที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาถนนก็เป็นได้ ยกตัวอย่างเช่น แผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานล่าสุดที่มีการกำหนดไว้ในแผนผังโครงการคมนาคมและขนส่ง ปี พ.ศ.2556 คือ ถนน ฉ1
ซึ่งจะเป็นถนนที่มีการกำหนดเขตทางกว้าง 50 เมตร (ถนนเส้นสีม่วงในภาพ) โดยจากข้อมูลล่าสุดมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเวนคืนแล้ว เมื่อ 1 มิ.ย. 2566 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัยมากถึง 3,439 แปลง และใช้งบเวนคืนมากถึง 10,731 ล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาเป็นถนน 4-6 เลน รวมระยะทางกว่า 21.9 กิโลเมตร เชื่อมต่อพื้นที่ของกรุงเทพมหานครด้านใต้