PropStat Exclusive: บทวิเคราะห์ศักยภาพทำเลอโศก

เกริก บุณยโยธิน 23 May, 2018 at 22.34 pm

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


เมื่อพูดถึงย่าน CBD (Central Business District) คุณนึกถึงภาพการดำเนินชีวิตของผู้คนเป็นแบบไหน? บรรยากาศการดำเนินชีวิตในย่าน CBD ดูจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ ขาดสีสัน เหมือนกับย่าน CBD อื่นๆในมหานครใหญ่ทั่วโลก หากนับเฉพาะย่าน CBD ปัจจุบันที่มีอยู่ในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็น สีลม สาทร ลุมพินี อโศก หรือพระรามเก้า คงไม่ผิดนักที่จะกล่าว่าย่านอโศกคือย่าน CBD ที่มีสีสันในการใช้ชีวิตมากที่สุด ในขณะที่ย่านสาทร สีลม ฯลฯ นั้นมีบรรยากาศของความรีบเร่งของคนเดินถนนเพื่อที่จะไปทำงาน รถราที่ทยอยเข้าออกอาคารสำนักงานขนาดใหญ่อยู่เต็มสองฝั่งถนน ซึ่งบรรยากาศเหล่านี้แทบจะเป็นคนละเรื่องกันกับในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่แทบจะไม่มีผู้คนเดินพลุกพล่านเหมือนอย่างวันปกติ

สาเหตุที่ย่านอโศกมีการดำเนินชีวิตของผู้คนที่แทบจะดูไม่ออกเลยว่านี่คือย่าน CBD ที่มีแต่คนทำงานแวะเวียนผ่านเข้ามา ทั้งๆที่พื้นที่อาคารสำนักงานในย่านนี้ก็มีรวมกันมากกว่า 7 แสนตารางเมตร แต่ก็ยังคงมีองค์ประกอบของการเป็น Residential Area ที่สมบูรณ์แบบ ก็เพราะปัจจัยสำคัญ 3 ประการก็คือ

 

1. เป็นย่านศูนย์กลางของกรุงเทพฯที่มีทางเลือกในการเดินทางที่เชื่อมโยงทุกรูปแบบเข้าไว้บนถนนเส้นเดียวกัน แตกต่างจากย่านสาทร และสีลม ที่ถึงแม้จะมีช่องทางสัญจรทางรถยนต์ที่กว้างกว่า แต่รถไฟฟ้าก็ยังไม่ได้เดินทางผ่านตลอดทั้งช่วงถนน อโศกเป็นย่านที่เชื่อมโยงรถไฟฟ้าทุกชนิดเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีเพชรบุรี และสถานีสุขุมวิท รถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก ซึ่งเป็นสถานีอินเตอร์เช้นจ์กัน และ Airport Rail Link สถานีมักกะสัน และนอกจากรถไฟฟ้าแล้ว และยังพ่วงด้วยเส้นทางคมนาคมทางเรือที่พาดผ่านท่าเรือมศว.ใจกลางอโศก และผู้ที่เดินทางด้วยรถยนต์ ก็ยังเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยทำเลที่อยู่ใกล้กับจุดขึ้นลงทางด่วนศรีรัช ตลอดจนรถขนส่งสาธารณะที่วิ่งผ่านแทบทุกสาย

 

2. อโศกคือย่านที่ถูกล้อมรอบด้วยย่าน Shopping Lifestyle District ชั้นนำในระดับโลกถึง 3 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นย่านพร้อมพงษ์ ที่ The EM District และย่านเพลินจิต-ชิดลม ภายใต้การนำของกลุ่ม CPN ที่นอกจากจะเดินทางได้อย่างรวดเร็วด้วรถไฟฟ้าแล้ว ก็ยังอยู่ในระยะที่เดินไม่ไกลจากอโศก และยังมี Stylish Shopping Mall ขวัญใจคนต่างชาติอย่าง Terminal 21 ที่ตั้งอยู่บนแยกอโศก-สุขุมวิท นับว่าเป็นย่าน CBD เพียงย่านเดียวที่มี Shopping Destination ระดับโลกรายล้อมมากขนาดนี้

 

3. ใกล้ชิดธรรมชาติ แม้จะอยู่ท่ามกลางศูนย์กลางเศรษฐกิจและพาณิชย์ เพราะสามารถเดินไปสวนสาธารณะขนาดใหญ่บริเวณใกล้เคียงถึงสองแห่ง อย่าง สวนเบญจกิตติ ที่ตอนนี้สร้างเฟส 2 เสร็จเรียบร้อยแล้วโดยเป็นการควบรวมกับสวนในพื้นที่ของโรงงานยาสูบเดิม และสวนเบญจศิริ ได้อย่างง่ายดาย

ผู้ที่อาศัยในย่านอโศกยังถูกเติมสีสันด้วย ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ร้านค้า พิพิธภัณฑ์ แกลลอรี่ ที่แทรกตัวอยู่ตามตรอกซอกซอย ให้ได้แวะเวียนเข้าไปชื่นชม นั่งพักเอนกาย อิ่มท้อง อิ่มใจ ได้ทุกที่ ในทุกวัน หรือจะใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงไปกับคลับ บาร์ ที่มีให้ปาร์ตี้กันได้ทุกค่ำคืน

อโศก สุดยอดพื้นที่ศักยภาพใจกลางเมือง ที่ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

พื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าอโศกเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานครโดยเฉพาะหลังจากที่เส้นทางรถไฟใต้ดินเปิดให้บริการ ส่งผลให้พื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าอโศกกลายเป็นสถานีร่วมของเส้นทางรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน อีกทั้งพื้นที่โดยรอบสถานีนี้ยังมีอาคารสำนักงานอีกมากมายหลายอาคารรวมไปถึงเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีโรงแรมระดับ 3 – 5 ดาวอยู่มากที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครเช่นกัน

เนื่องจากว่าพื้นที่รอบๆ สถานีรถไฟฟ้าอโศกมีศักยภาพในการใช้ชีวิตสำหรับชาวไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยว หรือว่าทำงานในกรุงเทพมหานคร  ย่านอโศกจึงเป็นที่หมายปองจากดีเวลลอปเปอร์หลายรายที่มองหาที่ดินแถวบริเวณนี้เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมของตัวเองขึ้นในพื้นที่ที่ถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งใน The Heart of Residential Area ท่ามกลางวิถีชีวิต CBD ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางไป New CBD อย่าง พระรามเก้า และพระรามสี่ได้ง่าย ทั้งจากทางรถยนต์ และรถไฟฟ้า และย่าน CBD แห่งนี้ ยังถูกพัฒนาต่อยอดให้เป็น Residential Area ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของ Expat ต่างชาติที่ทำงานในย่านนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยหากดีเวลลอปเปอร์รายไหนที่อยากจะสร้างชื่อเสียงกับตัวเอง และความคึกคักให้กับตลาด ก็ล้วนแล้วแต่เลือกที่จะปักหมุดสร้างโครงการระดับ Landmark ในย่านอโศกทั้งนั้น

 

อโศกฝั่งเหนือ ศูนย์รวมคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์

พื้นที่ที่อาจจะได้รับความสนใจจากดีเวลลอปเปอร์ในการหาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบต่างๆส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ฝั่งทิศเหนือของถนนสุขุมวิท หรือที่เรียกกันง่ายๆว่าฝั่งถนนเลขคี่ เนื่องจากพื้นที่ของฝั่งเลขคี่มีขนาดใหญ่กว่าฝั่งเลขคู่ชัดเจน การเดินทางภายในซอยต่างๆ สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้โดยสะดวกแม้ว่าหลายซอยจะมีขนาดเล็กก็ตาม โดยส่วนของถนนฝั่งเลขคู่ก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าใดนัก เพียงแต่พื้นที่ในฝั่งนี้มีขนาดเล็กกว่า อาจจะเป็นเพราะว่าซอยที่แยกจากถนนสุขุมวิทในฝั่งเลขคู่ส่วนใหญ่มีความลึกน้อยกว่าฝั่งเลขคี่แบบชัดเจน และถนนในฝั่งเลขคู่มีเพียงแค่ไม่กี่ซอยที่สามารถทะลุออกทางถนนพระรามสี่ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นซอยตัน

 

พื้นที่ในฝั่งซอยเลขคี่ของถนนสุขุมวิทบริเวณรอบๆ สี่แยกอโศกช่วงระหว่างซอยสุขุมวิท 19 – 23 นั้นเป็น 1 ในพื้นที่น่าสนใจของกรุงเทพมหานครเพราะไม่เพียงแต่จะหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้ยากแล้ว ราคาที่ดินก็สูงอันดับต้นของกรุงเทพมหานคร ศักยภาพในด้านต่างๆ ก็มีครบ เหมาะกับการพัฒนาโครงการคอนโดทั้ง High Rise และ Low Rise

 

โดยเฉพาะซอยสุขุมวิท 19 เป็นทำเลที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อด้วยถนนซอยภายใน สุขุมวิท 3 (ซอยนานา) ทะลุไปทาง สุขุมวิท 11,13,15 และสุขุมวิท 21 (อโศก) เพิ่มทางเลือกในการสัญจร โดยไม่ต้องออกถนนใหญ่ หรือจะใช้เป็นทางลัดเพื่อเข้าไปสู่ถนนอโศก ทางซอยสุขุมวิท 21/1 และ 21/3 ก็ได้ หรือจะเดินทางไปแหล่ง Shopping & Lifestyle district อย่างพร้อมพงษ์ ทองหล่อ ก็สามารถใช้เส้นทางจากซอย 23,31,33,35,39,49,53, ไปถึงทองหล่อได้ แบบเป็นต่อในทุกๆเรื่องของการเดินทาง อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของโรงเรียนชั้นนำอย่างวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนนานาชาติ NIST และมศว.

 

หรือหากต้องการไปขึ้นทางด่วนก็ไปง่ายหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นทางพิเศษศรีรัช ด่านเพชรบุรี ไปบางนา-ดาวคะนอง ออกทางซอยสุขุมวิท 15 ไปด่านสุขุมวิท ไปดินแดง-แจ้งวัฒนะ

 

สุขุมวิท 19 เชื่อมต่อทุกบริเวณในย่านเพชรบุรี – อโศก – ทองหล่อ

ยิ่งเมื่อพิจารณาพื้นที่ในฝั่งซอยเลขคู่รอบๆสี่แยกอโศกประกอบกันยิ่งพบว่าหากจะพัฒนาโครงการใดๆในฝั่งนี้ล้วนแล้วแต่ต้องไปพัฒนาเลยไปในบริเวณถนนรัชดาภิเษกเกือบจะทั้งหมดจะเหลือแต่ที่ดินขนาดใหญ่ราคาแพงบางแปลงที่อยู่ในย่านนานา ที่กำลังรอการพัฒนาต่อไป

 

โครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่นี้

ด้วยปริมาณของโครงการอสังหาฯประเภทต่างๆที่มีอยู่ในย่านอโศก และจำนวนที่ดินที่มีเหลืออยู่ไม่มาก จึงทำให้ราคาที่ดินในย่านนี้มีการปรับตัวสูงมากขึ้นอย่างรวดเร็วในแต่ละปี โดย ณ ปัจจุบันหลายๆแปลงก็ประกาศขายกันที่ราคามากกว่า 2 ล้านบาทต่อตารางวาไปแล้ว ส่งผลโครงการที่เกิดขึ้นในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมาจึงมีแต่โครงการคอนโดมิเนียมซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็เป็นผลดีเพราะว่าส่งผลให้โครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้ มีอัตราการขายสูงหรือว่าสามารถปิดการขายได้ค่อนข้างเร็วโดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในฝั่งสุขุมวิทซอยเลขคี่ ทั้งนี้โครงการที่เกิดขึ้นใหม่ในพื้นที่นี้ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาหรือจะเริ่มพัฒนาในปีนี้นั้น ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่พาณิชยกรรมที่มีทั้งโครงการมิกซ์-ยูสและโรงแรม เช่น

 

1.โรงแรม Solaria Nishitetsu Hotel ของบริษัท เอ็นเอ็นอาร์โฮเทล อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัดหรือบริษัท Nishi-Nippon Railroad จากประเทศญี่ปุ่น บริเวณปากซอยสุขุมวิท 14 ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เป็นโรงแรมความสูง 22 ชั้นจำนวนห้องรวมประมาณ 312 ห้อง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีนี้ โครงการนี้มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวผู้หญิงที่ต้องการที่พักระดับ 5 ดาวใกล้กับแหล่งช้อปปิ้ง เดินทางสะดวกในราคาระดับ 4 ดาวซึ่งโรงแรมนี้จะเข้ามาเติมความคึกคักให้กับพื้นที่นี้ได้แน่นอนเมื่อเปิดให้บริการ โรงแรมแบรนด์ญี่ปุ่นยังเห็นว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพจึงเข้ามาซื้อที่ดินราคาแพงเพื่อลงทุนสร้างโรงแรม

เครดิตภาพ: DEC Media (ยังไม่ใช่ภาพ Final Version ที่เผยแพร่อย่างเป็นทางการ)

 

2.โครงการ Singha Complex ตั้งอยู่บนพื้นที่ 11 ไร่ ของที่ดินหัวมุมถนนอโศก-เพชรบุรี ที่ ดินแปลงสวยอดีตสถานฑูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย โดยแบ่งพื้นที่ออกมา 2-0-98.2 ไร่ เพื่อสร้างเป็น THE ESSE at SINGHA COMPLEX โครงการ SINGHA COMPLEX ตั้งอยู่ใจกลางการเดินทาง สามารถเชื่อมต่อ MRT, APL ระบบเรือคลองแสนแสบ และการขับรถก็สะดวกเพราะสามารถใช้ได้ทั้งถนนเพชรบุรี อโศก และขึ้นทางด่วนพิเศษได้อย่างหลากหลาย แวดล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญในอนาคต หลักๆ เช่น 2 โรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่กำลังจะก่อสร้างอย่าง RSU international และ บำรุงราษฎร์ เพชรบุรี campus รวมทั้งมักกะสันคอมเพล็กซ์ โครงการขนาดใหญ่หลายร้อยไร่ที่สำคัญซึ่งกำลังรอความชัดเจนจากรัฐบาล ที่อยู่ห่างออกไปเพียง 400 เมตร

โดย SINGHA COMPLEX เป็นโครงการ mixed-use ที่รวมทุกรายละเอียดการใช้ชีวิต อาทิ สำนักงานเกรดเอ ไลฟ์สไตล์มอลล์ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบมีรสนิยม ที่มีบริษัทสถาปนิก World class Architecture อย่าง Kohn Pedersen Fox หรือ KPF มาเป็นที่ปรึกษาการออกแบบหลัก เพื่อให้ Singha Complex เป็น Iconic Design ของถนนอโศก-เพชรบุรี กับ Business District ใหม่ใน CBD ย่านอโศกที่จะเป็น magnet สำคัญของย่าน MRT เพชรบุรีนี้อีกด้วย  ภายในแบ่งเป็น 2 ส่วนคือพื้นที่ Retail Shop ร้านอาหารในชั้นล่างๆ และออฟฟิศอาคารสำนักงานระดับพรีเมี่ยมในส่วน Tower  อีกทั้งยังการันตีไปแล้วว่าชั้นบนๆจะเป็นออฟฟิศหลักของกลุ่มบุญรอดฯ

 

3.การพัฒนาศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยบริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มทีซีซีที่มีการขยายสัญญาเช่าเพิ่มเป็น 50 ปี โดยทางเอ็น.ซี.ซี. มีแผนจะปรับปรุงและโดยดัดแปลงอาคารศูนย์ประชุมฯ เดิมให้มีขนาดพื้นที่เพิ่มขึ้นจากประมาณ 20,000 ตารางเมตรเป็น 70,000 ตารางเมตรในอนาคต เพื่อรองรับงานต่างๆ ให้มากขึ้น กว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งการที่ศูนย์ประชุมนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่การเดินทางสะดวกอีกด้วย ทางกลุ่มกลุ่มทีซีซีจึงเห็นถึงความสำคัญและมีความพยายามในการต่อสัญญาเพิ่มและขยายพื้นที่เพิ่มเติมโดยคาดว่าจะมีการปิดศูนย์ประชุมในช่วงปลายปีพ.ศ.2561 และใช้เวลาในการปรับปรุงประมาณ 3 ปีจึงจะเปิดให้บริการอีกครั้ง

 

4.โครงการในอนาคตบนที่ดินสวนชูวิทย์ที่กำลังรอการพัฒนา สวนชูวิทย์บริเวณปากซอยสุขุมวิท 10 ของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่เคยเป็นสวนสาธารณะมาหลายปี ก็มีข่าวคราวออกมาจากทางฝั่ง L&H ว่าสนใจที่จะพัฒนาโครงการในรูปแบบ Mixed – Use ภายใต้สัญญาเช่า 30 + 3 ปี แต่ในที่สุดดีลนี้ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่ทาง L&H หวัง เนื่องจากทางฝั่งของคุณชูวิทย์มองว่าได้ราคาค่าเช่าน้อยเกินไป โดยคิดจาก 60% ของราคาขายที่เพิ่งเกิดขึ้นกับดีลที่ดินแปลงสุขุมวิทซอย 6 ที่เพิ่งถูกซื้อไปโดยบริษัท ไทย-โอบายาชิ ไปในราคาตารางวาละ 2.6 ล้านบาท ซึ่งก็ต้องจับตาดูต่อไปว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นดีเวลลอปเปอร์รายไหนที่จะคว้าที่ดินแปลงนี้ไปพัฒนา

นอกจากโครงการพาณิชยกรรมที่กล่าวถึงไปแล้วนั้น ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมในระดับราคาที่มากกว่า 300,000 บาทต่อตารางเมตรแน่นอน ที่มีแผนจะปิดขายในอนาคตในพื้นที่นี้ เพราะด้วยราคาที่ดินที่ดีเวลลอปเปอร์ได้มานั้นอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาทต่อตารางวา และมากกว่า 2 ล้านบาทต่อตารางวาทั้งสิ้น ในบริเวณข้างๆอาคารไทม์สแควร์ และข้างๆอาคารเลครัชดา ทำให้ราคาคอนโดมิเนียมที่จะพัฒนาบนที่ดินราคาสูงแบบนี้จึงต้องขายในราคามากกว่า 3 ล้านบาทต่อตารางเมตร แต่จะมากขึ้นไปถึงเท่าไหร่นั้นตอนนี้ยังไม่ชัดเจน ทั้งโครงการจากแสนสิริ และแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวลอปเม้นท์ฯ

 

พื้นที่รอบๆ สี่แยกอโศกเป็น 1 ในพื้นที่ของกรุงเทพมหานครที่ราคาที่ดินมากกว่า 2 ล้านบาทต่อตารางวาไปแล้ว ดังนั้น พื้นที่นี้จึงอาจจะมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมาไม่มากนัก ส่วนโครงการประเภทอื่นๆ นั้นก็มีมาก่อนนี้มากกว่า 10 ปีแล้วโดยเฉพาะโครงการอาคารสำนักงาน เมื่อมีโครงการคอนโดมิเนียมไม่มากนักแต่ศักยภาพที่ดินสูงมากแบบนี้ทำให้โครงการส่วนใหญ่ปิดการขายได้ในเวลาอันรวดเร็ว โครงการคอนโดมิเนียมสะสมทั้งหมดในพื้นที่นี้อยู่ที่ประมาณ 6,375 ยูนิต โดยแยกตามปีที่เปิดขายใหม่ได้ดังนี้ (นับเฉพาะบริเวณซอยสุขุมวิท 19 – 21 และ 23)

 

คอนโดมิเนียมสร้างเสร็จรายปีในช่วงตั้งแต่ปีพ.ศ.2543 – 2564

อโศกจุดเริ่มต้นของการพัฒนาโครงการคอนโดในระดับราคามากกว่า 200,000 บาทต่อตรม.

โครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในช่วงตั้งแต่ปีพ.ศ.2558 มีมากขึ้นเพราะเมื่อราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้นมามากกว่า 1.5 ล้านบาทต่อตารางวาในช่วงก่อนหน้านี้หลายปี ดีเวลลอปเปอร์ยังคงไม่มั่นใจว่าคอนโดมิเนียมที่จะเปิดขายในราคามากกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตรหรือใกล้เคียง 200,000 บาทต่อตารางเมตร จะเป็นที่ยอมรับในกลุ่มผู้ซื้อคนไทยมากน้อยเท่าใด ทำให้มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายไม่มากนักในพื้นที่รอบๆ สี่แยกอโศก ซึ่งเป็น 1 ในพื้นที่ที่มีราคาที่ดินสูง แต่เมื่อโครงการระดับราคาใกล้เคียง หรือมากกว่า 2 แสนบาทต่อตารางเมตร และมากขึ้นกว่านี้แน่นอนสำหรับโครงการที่จะเปิดขายใหม่ในปีพ.ศ.2561 และในอนาคต สามารถขายดีจนเกือบ Sold Out โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ริมถนนสุขุมวิท และในซอยที่ห่างจากระบบขนส่งสาธารณะในระยะไม่เกิน 300 เมตร จึงทำให้สี่แยกอโศกมีโครงการคอนโดมิเนียมในระดับราคานี้เปิดขายมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้มากเท่าใดนักเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ของกรุงเทพมหานคร

 

ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดในย่านอโศก

แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในพื้นที่อาจจะไม่สูงเพราะอยู่ที่ประมาณ 170,000 บาทต่อตารางเมตรเท่านั้น เพราะมีหลายโครงการที่อยู่ในซอยย่อยหรือว่าเปิดขายมาก่อนหน้านี้เป็น 10 ปีแล้วนั่นเอง ส่งผลให้ราคาขายคอนโดมิเนียมเฉลี่ยในพื้นที่นี้ไม่สูง แต่อัตราการปรับเพิ่มขึ้นของราคาขายคอนโดมิเนียมนั้นอยู่ที่ประมาณ 14% ต่อปีเลยทีเดียว ทำให้ราคาขายของโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในช่วงปีพ.ศ.2559 เป็นต้นมานั้นสูงกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตรทั้งนั้น ดังนั้น ถ้าพิจารณาราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมที่มีกำหนดแล้วเสร็จตั้งแต่ปีพ.ศ.2561 เป็นต้นไปจะอยู่เริ่มต้นที่ประมาณ 235,000 จนไปถึง 300,000 กว่าบาทต่อตารางเมตร แตกต่างจากการพิจารณาราคาขายเฉลี่ยแบบเหมารวมทุกโครงการในพื้นที่นี้ โดยราคาขายเฉลี่ยของโครงการคอนโดมิเนียมที่มีกำหนดแล้วเสร็จตั้งแต่ปีพ.ศ.2561 เป็นต้นไปอยู่ในช่วงระหว่าง 200,000 – 270,000 บาทต่อตารางเมตร และมากกว่านี้แน่นอนสำหรับโครงการที่จะเปิดขายใหม่ในปีพ.ศ.2561 และในอนาคตโดยเฉพาะโครงการที่อยู่ริมถนนสุขุมวิทแต่ถ้าเป็นโครงการที่อยู่ในซอยย่อยที่แยกออกจากถนนสุขุมวิทก็จะมีราคาขายเฉลี่ยต่ำกว่า

อัตราการขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้ก็ค่อนข้างสูงเพราะเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพมาก มีความพร้อมในทุกด้านในปัจจุบันโดยไม่ต้องรอโครงการพัฒนาทั้งจากภาครัฐบาลและเอกชนอื่นๆ ในพื้นที่ โดยอัตราการขายเฉลี่ยของโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้อยู่ที่ประมาณเกือบ 90% มียูนิตเหลือขายในปัจจุบันไม่มากเท่าใดนัก โดยยูนิตเหลือขายส่วนใหญ่อยู่ในโครงการที่เพิ่งเปิดขายใหม่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

 

อโศกเป็นพื้นที่มีศักยภาพสูงที่ยังคงมีพัฒนการอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ราคาที่ดินก็สูงขึ้นตาม แต่ก็เป็นข้อดีของพื้นที่นี้เช่นกันที่นักลงทุนหลายคนสนใจ เนื่องจากว่าเมื่อราคาที่ดินสูงก็ทำให้มีโครงการเปิดขายใหม่ไม่มากนัก เพราะผู้พัฒนาโครงการก็ไม่ได้อยากเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมราคาสูงในทำเลที่ผู้ซื้อมีไม่มากเช่นกัน แต่ถ้าผู้ประกอบการรายใดที่มีความมั่นใจและสามารถเข้าถึงหรือว่าสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อทั้งชาวไทยและต่างชาติได้ก็มั่นใจได้เลยว่าโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้แม้ว่าจะราคาสูงแต่ก็เป็นที่สนใจและได้รับการตอบรับจากผู้ซื้อทั้งชาวไทยและต่างชาติแน่นอน

 

พบกับคอนโด Luxury High Rise โครงการใหม่ล่าสุดจากการฟิวชั่นกันระหว่าง KPN LAND และ Keppel Land ที่ SHAA ASOKE

SHAA ASOKE (ฌาา อโศก) เป็นคอนโดมิเนียม High-rise ที่มีจุดเด่นตรงที่เป็นทำเลที่เหมาะกับการอยู่อาศัยมากที่สุดในย่านอโศก คือในซอยสุขุมวิท 19 ซึ่งเป็นซอยย่อยที่ไม่มีรถยนต์พลุกพล่านวิ่งเร็วมากเท่าทำเลติดถนนใหญ่อโศก หรือสุขุมวิท และยังเป็นทางเชื่อมลัดเลาะออกไปสุขุมวิท 21 ไปนานาไปถนนเพชรบุรีได้ด้วย ใกล้รถไฟฟ้าและห้าง Terminal 21 และรอบๆ มีร้านค้าทั้งกลางวันและกลางคืนในระยะเดินเท้าสบายๆ ไม่เกิน 5 นาที การออกแบบโครงการที่ตอบโจทย์สำหรับ Real demand ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองจริง เพราะมีจำนวนยูนิตน้อย เน้นความเป็นส่วนตัว การออกแบบภายนอกดูสุขุม สงบ ให้ความรู้สึกเป็นบ้านและพื้นที่ส่วนตัว เป็น Sanctuary สำหรับผู้อยู่อาศัย

ทั้งนี้ SHAA เป็นแบรนด์ใหม่ของ KPN LAND ที่สื่อถึงความลึกลับ มีเสน่ห์ ในคอนเซปท์ Modern Craftmanship ซึ่งในอนาคตจะมีแบรนด์ SHAA ในทำเลต่างๆมากขึ้น โดย SHAA ASOKE ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 1 ไร่กว่า สูง 24 ชั้น จำนวน 143 ยูนิต พร้อมที่จอดรถจำนวน 100 คัน อยู่ห่างจาก MRT สถานีสุขุมวิทซึ่ง Interchange กับ BTS Asoke ประมาณ 250 เมตร ขายในราคาเริ่มต้น 10 – 40 ล้านบาท สำหรับห้อง 1 นอนขนาด 34.25 ตรม. 2 ห้องนอนเริ่มต้น 69.50 ตรม. พร้อมด้วย Duplex อีก 2 ยูนิตขนาด 107.25 – 113.25 ตรม.

พร้อมเปิด Pre-Sales 25-27 พ.ค.นี้  ในราคาเริ่มต้นประมาณ 10 ล้านบาท ผ่อนเริ่มต้น 30,000 บาท/เดือน สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.02-789-9000 หรือที่สำนักงานขายซอยสุขุมวิท 39 https://bit.ly/2H4VRcG  

เกริก บุณยโยธิน

เกริก บุณยโยธิน

ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ

เว็บไซต์

โซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์

นิว เวิร์ส กรุงเทพกรีฑา

นิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น

ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านมาพบกับโครงการคอนโดพร้อมอ...

30 January, 2024

ริธึ่ม เจริญนคร ไอคอนิค

วันนี้จะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับคอนโดมิเนียมสุดฮอตชื่อโ...

29 January, 2024

วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน

Whizdom Craftz Samyan คือโครงการที่มอบ 5 องค์ประกอบพ...

4 December, 2023

นาวว์ เมกา

หากจะพูดถึง NOWW MEGA (นาวว์ เมกา) ในพื้นที่ของ Maga...

14 November, 2023

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง