โรงแรม เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย สัญลักษณ์ใหม่แห่งความหรูหราและความงดงามทางวัฒนธรรมที่ไม่มีวันลืมเลือน
ด้วยแรงบันดาลใจจากบ้านไทยหลังใหญ่บนถนนวิทยุ สู่โรงแรมแห่งใหม่ที่มีห้องพัก 260 ห้อง พร้อมวิวสวนลุมพินี ซึ่งนำการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมมาสู่ใจกลางเมือง
โรงแรม เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ (THE RITZ – CARLTON, BANGKOK) พร้อมมอบประสบการณ์การบริการและวัฒนธรรมที่แตกต่างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยโรงแรมแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มโรงแรมหรูในเครือ Marriott International ตั้งอยู่ในอาคารสูง 216 เมตร ภายในโครงการวัน แบงค็อก ซึ่งเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตแบบมิกซ์ยูสแห่งใหม่ บริเวณสี่แยกถนนวิทยุและถนนพระราม 4 โดยตั้งอยู่ใกล้สวนลุมพินี ให้ทิวทัศน์ที่ผ่อนคลายและมีชีวิตชีวา ตัดกับความวุ่นวายของมหานคร เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์อันน่าจดจำและการบริการที่เข้าใจผู้มาเยือนอย่างแท้จริง แสดงให้เห็นถึงอนาคตที่ก้าวหน้าและความเจริญรุ่งเรืองของกรุงเทพฯ
“การเปิดโรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ เป็นก้าวสำคัญของแบรนด์ ในการนำเสนอการบริการอันเป็นเอกลักษณ์และประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับหนึ่งในโลเกชั่นที่มีชีวิตชีวาและเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” กล่าวโดย Jenni Benzaquen รองประธานอาวุโสของ The Ritz-Carlton, St. Regis, and Bvlgari Hotels & Resorts พร้อมกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “การผสมผสานมรดกทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้งของไทยเข้ากับความสง่างามเหนือกาลเวลาของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน และการออกแบบที่ล้ำสมัย ไม่เพียงแต่ยกระดับภูมิทัศน์ความหรูหราของเมืองนี้ แต่ยังมอบประสบการณ์ที่แท้จริงและเปิดโอกาสให้ผู้เข้าพักสัมผัสสิ่งใหม่ ๆ อีกด้วย”
สถาปนิกผู้มีวิสัยทัศน์จากบริษัท SOM ในชิคาโก และบริษัท A49 ของประเทศไทย ได้ออกแบบภายนอกอาคารให้มีเฉลียงแบบเปิดที่ไล่ระดับขึ้นอย่างงดงาม ซึ่งให้มุมมองที่กว้างไกลไปจนถึงสวนลุมพินีและเส้นขอบฟ้าของเมือง ส่วนภายในนั้น บริษัทออกแบบตกแต่งภายในชั้นนำของไทยอย่าง PIA ได้สร้างสรรค์พื้นที่ที่สะท้อนถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของโรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ ผ่านการตกแต่งที่แฝงไปด้วยความหรูหราซึ่งไร้กาลเวลาและความทันสมัยที่ลงตัว
แรงบันดาลใจจากแนวคิด “สองอารยธรรมผสานเป็นหนึ่ง” ทำให้โรงแรม เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โอบรับความมีชีวิตชีวาของเมืองหลวงอันเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและเรื่องราวอันน่าประทับใจ ย้อนไปในช่วงปี ค.ศ.1800 ประเทศไทยได้ผสมผสานประเพณีที่หวงแหนเข้ากับอิทธิพลจากนานาอารยประเทศได้อย่างไร้รอยต่อ ถนนวิทยุ ซึ่งเคยเป็นเคหสถานของเหล่าขุนนางไทย กลายเป็นประตูสู่ยุคใหม่ของการเดินทางและการสำรวจ โรงแรม เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ ก็สะท้อนถึงวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวานี้ผ่านมุมมองอันงดงามเพื่อเชิญชวนแขกสู่โอเอซิสที่ทันสมัยและเงียบสงบ เมื่อมาถึง แขกจะผ่านประตูโค้งที่โอ่อ่าเข้าสู่โถงทางเข้าและ The Front Hall หรือห้องรับแขกที่ตกแต่งด้วยงานศิลปะต้นฉบับและภาพถ่ายขาวดำ ให้บรรยากาศที่อบอุ่นเหมือนบ้านพักส่วนตัว
ด้วยการผสมผสานระหว่างศิลปะไทยดั้งเดิมและการออกแบบร่วมสมัย ห้องพักและห้องสวีทของโรงแรม เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานเปิดรับทิวทัศน์อันงดงาม ขณะที่ห้องพักหลายห้องมีระเบียงส่วนตัวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์สีเขียวชอุ่มของสวนลุมพินี โดยผู้เข้าพักสามารถเลือกห้องพัก Deluxe Room ขนาดกว้างขวาง 50 ตารางเมตร ห้องสวีท Gardenia Suite ที่ตกแต่งอย่างประณีตบนพื้นที่ 102 ตารางเมตร หรือห้องสวีท Marigold และ Amaranth Suite ที่น่าหลงใหล ในขนาด 127 ตารางเมตร นอกจากนี้ยังมี The Ritz-Carlton Suite เพนท์เฮาส์ขนาด 389 ตารางเมตร ที่มอบประสบการณ์พักผ่อนสุดหรูอันเป็นเอกลักษณ์
The Club Lounge ตั้งอยู่บนชั้นที่ 23 เป็นพื้นที่พักผ่อนสุดพิเศษและอบอุ่นที่ประดับด้วยผลงานล้ำค่าซึ่งคัดสรรมาจากแหล่งท้องถิ่น มอบบรรยากาศแห่งความเป็นส่วนตัวและความประณีต โดยห้องรับรองนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญของประสบการณ์ The Ritz-Carlton Club ที่เสิร์ฟอาหารห้าช่วงเวลาต่อวันในบรรยากาศอันเงียบสงบ รวมถึงการเช็คอินที่สะดวกสบายโดยมี Club Concierge และสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักที่ออกแบบเฉพาะเพื่อบริการที่เป็นส่วนตัว
เพื่อประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ยอดเยี่ยม โรงแรม เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ นำทุกท่านท่องไปในโลกของรสชาติและบรรยากาศที่แตกต่างกันสามแห่ง โดยแต่ละแห่งมีสไตล์ในรสชาติและบรรยากาศเฉพาะตัว
Duet by David Toutain โดยเชฟมิชลินสตาร์ชื่อดัง David Toutain ร่วมกับ หัวหน้าเชฟประจำห้องอาหาร เชฟ Valentin Fouache ให้บริการอาหาร Modern French Cuisine ภายในเรือนกระจกที่งดงาม คอนเซ็ปต์ที่ล้ำสมัยนี้สำรวจความกลมกลืนระหว่างอาหารและธรรมชาติ โดยเน้นการใช้วัตถุดิบที่คัดสรรอย่างพิถีพิถันผสานกับศิลปะการทำอาหาร เพื่อมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ดึงดูดประสาทสัมผัสอย่างสมบูรณ์แบบ Lily’s ร้านอาหารที่มีชีวิตชีวาและคึกคัก นำเสนอเมนูคลาสสิกในรูปแบบใหม่ด้วยการเพิ่มสไตล์ที่ร่วมสมัย มีจานอาหารที่ปรับแต่งได้ตามใจชอบสำหรับการแชร์ร่วมกัน พร้อมด้วยองค์ประกอบแบบอินเตอร์แอคทีฟที่ทำให้ผู้รับประทานมีส่วนร่วมในการสร้างความทรงจำสำหรับการรับประทานที่แปลกใหม่และน่าจดจำ Caleō, ซึ่งมาจากภาษาละตินที่หมายถึง ‘การตกหลุมรัก’ แสดงถึงแก่นแท้ของการดื่มด่ำและความโรแมนติก ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เลานจ์สุดหรูนี้ชวนแขกให้เพลิดเพลินกับชุดน้ำชายามบ่ายที่สง่างาม หรือค็อกเทลยามค่ำที่มีความโดดเด่นและเต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างมีศิลปะ พร้อมมอบความสุขหลากมิติให้กับประสาทสัมผัส