Source - เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ (Th) Monday, July 27, 2015  16:43 เอพีชี้ครึ่งปีหลังแข่งขันสูงทั้งเปิดตัวโครงการใหม่ และเร่งโอน ดันยอดขาย รายได้ตามเป้า นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลัง จะแข่งขันสูงทั้งในแง่การเปิดตัวโครงการใหม่ และการทำตลาด เพราะเกมวันนี้ คือ รับรู้รายได้ให้ได้ตามเป้าหมาย ต้องอัดทั้งอีเวนท์และทำแคมเปญ โปรโมตโครงการปัจจุบันทั้งแนวราบและแนวสูง เพื่อให้ทั้งยอดขายและรับรู้รายได้ตามเป้าหมาย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะบรรยากาศเศรฐกิจยังน่าห่วง เพราะยังมีหลายปัจจัยลบ โดยเฉพาะการเลื่อนโครงการประมูลรถไฟฟ้าต่างๆ ของภาครัฐ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายมากของทุกภาคส่วนที่จะทำให้ยังเติบโต "บิ๊กอีเวนท์ บิ๊กแคมเปญ ก็จะมีต่อเนื่องในทุกไตรมาส เช่น พลีโน่ ก็มีกิจกรรมใหม่ๆ บ้านเดี่ยวมีบิ๊กดีล คอนโดมีแคมเปญเอพีอัพไซส์ ช็อกไพร์ส" ขณะที่เอพีก็ยังคงแผนเดิมเช่นกัน โดยจะเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ครึ่งปีหลัง 15 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 4 โครงการ 15,240 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 5 โครงการ มูลค่า 3,290 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 6 โครงการ 5,490 ล้านบาท เพื่อให้ได้ผลประกอบการตามเป้า คือ ยอดขายทั้งปี 2.83 หมื่นล้านบาท เติบโต 25% แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม ตั้งเป้า 1.5 หมื่นล้านบาท ปัจจุบัน 6 เดือนแรกมียอดขายแล้ว 11,387 ล้นบาท ส่วนบ้านแนวราบ ตั้งเป้า 1.33 หมื่นล้านบาท ปัจจุบัน 6 เดือนแรกมียอดขายแล้ว 5,881 ล้านบาท เติบโต 10% ส่วนเป้ารับรู้รายได้ วางไว้ที่ 25,300 ล้านบาท เติบโต 10% คาดว่าจะทำได้เช่นกัน สำหรับวิสัยทัศน์ของเอพีจะเน้น 4 เรื่องเป็นหลัก คือ 1. กลยุทธ์ในการซื้อที่ดิน ตำแหน่งที่ตั้งโครงการ 2. การออกแบบ 3. มาตรฐานก่อสร้าง และ 4. ดูแลหลังการขาย โดยในส่วนของมาตรฐานงานก่อสร้างของเอพี จะเริ่มตั้งแต่ในกระบวนการเตรียมที่ดิน เตรียมความพร้อม การถมที่ดินต่างๆ การควบคุมงานก่อสร้าง หน่วยงานดูแลหลังการขาย ซึ่งได้เริ่มตั้งทีมฟิกซ์อิท พร้อมกับตั้งงบซ่อมแซมบ้าน เป็นงบสำรอง 1% ของรายได้ทุกปี ที่เริ่มมีได้ประมาณ 3-4 ปี "เราพัฒนามาตรฐานก่อสร้างและการดูแลหลังการขายมาประมาณ 4 ปี แต่ที่เพิ่งเริ่มสื่อสาร เพราะสิ่งที่ทำไปแล้ว เห็นภาพที่ชัดเจน" ขณะที่การแก้ปัญหาให้กับโครงการบ้านกลางกรุง รัชวิภา สถานะล่าสุด ได้จัดตั้งนิติบุคคลเรียบร้อย ซึ่งหลังจากนี้จะต้องเข้าไปหารือกับนิติบุคคลในการเร่งแก้ไข โดยที่ผ่านมาได้ใช้เงินซ่อมแซมส่วนกลางไปแล้ว 23 ล้านบาท และมีบางส่วนที่จ่ายเป็นค่าซ่อมแซมให้กับลูกบ้าน