“ลุมพินี วิสดอมฯ” แนะ 3 นวัตกรรมป้องกันฝุ่น PM 2.5 ในที่อยู่อาศัย
“ลุมพินี วิสดอมฯ” แนะ 3 นวัตกรรมทางเลือกป้องกันฝุ่น PM 2.5 ภายในที่อยู่อาศัย เพื่อตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตเพื่อสุขอนามัยที่ดีด้วยงบไม่เกินหลักหมื่นบาท
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บริษัท แอล. พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) กล่าววา ปัจจุบันสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ทวีความรุนแรงขึ้น และกลายเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี นับตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน โดยจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม และเบาบางลงในช่วงเดือนเมษายน ของปี จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป มีการเจ็บป่วยที่สูงกว่าคนในวัยอื่นซึ่งเกิดจากการได้รับสัมผัสมลพิษทางอากาศมาเป็นเวลานาน ทำให้ในปัจจุบันมีผู้ประกอบการพัฒนานวัตกรรมเพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5 เพื่อนำมาใช้ในการ แก้ไขปัญหาฝุ่นโดยเฉพาะภายในที่อยู่อาศัย โดยสามารถนำมาใช้ในการปรับปรุงอาคารและที่อยู่อาศัยเดิม และสำหรับการก่อสร้างและการพัฒนาที่อยู่อาศัยใหม่
“นวัตกรรมเพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5 ภายในอาคารและที่อยู่อาศัยกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน ถึงแม้ต้นทุนในการพัฒนาจะสูงขึ้น แต่จากสภาพแวดล้อมในปัจจุบันและแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้นในอนาคต การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องของสภาพอากาศที่ปลอดฝุ่นภายใน เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทุกคนต้องให้ความสำคัญ” นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว
จากแนวโน้มดังกล่าว “ลุมพินี วิสดอมฯ” ได้ศึกษา 3 นวัตกรรมเป็นทางเลือกที่ป้องกันฝุ่น PM 2.5 และเพิ่มคุณภาพอากาศที่ดีภายในที่อยู่อาศัย ประกอบด้วย
– สร้างพื้นที่สีเขียวภายในที่อยู่อาศัย (Passive Design)
ปัญหาฝุน PM2.5 เกิดขึ้นในเมืองใหญ่ทั่วโลก เป็นผลจากการพัฒนาอุตสาหกรรม การใช้เครื่องยนต์ในระบบฟอสซิล จึงเกิดนวัตกรรมการขจัดมลภาวะและ PM 2.5 เกิดขึ้นทั่วโลก นวัตกรรมที่น่าสนใจและสามารถนำมาปรับใช้ภายในที่อยู่อาศัยในประเทศไทยได้ในแบบที่เป็น Passive Design คือ London City Trees หรือ แผงกรองมลพิษด้วยต้นมอสจากอังกฤษ เทียบเท่าต้นไม้ 275 ต้น ระบบนี้เป็นการนำมอสสายพันธุ์ต่างๆ มาบรรจุอยู่ในหอคอยทรงสูง ซึ่งมอสจะผลิตออกซิเจนและช่วยดักจับฝุ่นละอองในอากาศได้เป็นอย่างดี ผลการศึกษา London City Trees พบว่ามีคุณสมบัติช่วยเก็บความชื้นและมีคุณสมบัติเทียบเท่าต้นไม้กว่า 275 ต้น โดยใน City Trees มีระบบจัดการน้ำที่มีศักยภาพทำให้สามารถทนได้ในทุกสภาพอากาศ และยังทำหน้าที่เก็บข้อมูลสภาพอากาศโดยรอบเพื่อนำไปวิเคราะห์และแก้ปัญหาสภาพอากาศได้อีกด้วย ปัจจุบัน London City Trees ตั้งอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดิน Leytonstone ถนน High Road และถนน Crownfield ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งแนวทางดังกล่าวสามารถมาปรับใช้ในประเทศไทยได้ และสามารถปรับมาใช้ในที่พักอาศัยได้โดยการปลูกต้นไม้ในพื้นที่อยู่อาศัยเพื่อให้ช่วยในการดักจับฝุ่นละอองในอากาศ
จากรายงานเรื่อง Interior Landscape Plants for Indoor Air Pollution Abatement เป็นการศึกษาค้นคว้าขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือองค์การนาซา (NASA) ร่วมกับ Associated Landscape Contractors of America (ALCA) ได้ค้นพบว่า ไม้ประดับธรรมดาที่ปลูกในบ้านหรือที่ใช้ตกแต่งห้อง ต่าง ๆ ก็มีประสิทธิภาพในการดูดซับและกำจัดสารพิษที่ปนเปื้อนอยู่ในอากาศ เช่น สารฟอร์มาลดีไฮด์ ไตรคลอโรเอทิลีน เบนซิน และสารมลพิษอื่น ๆ ได้ และราคาไม่แพง เช่น เดหลี พลูด่าง กล้วยไม้ เยอบีร่า ว่านหางจระเข้ ลิ้นมังกร เป็นต้น