พฤกษา รุกหนัก EEC เปิด 2 โครงการใหม่ กระแสตอบรับดีเยี่ยม 2 วัน โกย 400 ลบ.! ชูคอนเซปต์ “พฤกษา อเวนิว” สร้างมาตรฐานใหม่ อสังหาฯ ต่างจังหวัด
พฤกษา รุก EEC ต่อเนื่อง นำคอนเซปต์ “พฤกษา อเวนิว” ที่ประสบความสำเร็จในกรุงเทพ สร้างมาตรฐานใหม่ อสังหาฯ ในต่างจังหวัด จัดเต็มเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต รองรับทุกการอยู่อาศัยสำหรับคนไทย ลุยเปิด 2 โครงการใหม่บน “พฤกษา อเวนิว หนองมน-ชลบุรี” กระแสตอบรับดีเยี่ยม สวนกระแสมาตรการ LTV เพียง 2 วัน กวาดยอดขาย 2 โครงการไปกว่า 400 ล้านบาท
นายธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการเปิด 2 โครงการใหม่ ในจังหวัดชลบุรี มูลค่าโครงการรวม 2,005 บาท บนพื้นที่ “พฤกษา อเวนิว หนองมน-ชลบุรี” เพียง 2 วัน กวาดยอดขายไปกว่า 400 ล้านบาท วางแผนเดินหน้าพัฒนาโครงการในเขต EEC ให้กระจายครอบคลุม ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ซึ่งในพื้นที่นี้เดิมมีโครงการที่เปิดขายอยู่ก่อน 8 โครงการ ในปีนี้จึงเปิดเพิ่มอีก 2 โครงการ และมีแผนเปิดเพิ่มในปีหน้าอีก 2 โครงการ ที่จังหวัดระยอง ในรูปแบบของคอนเซปต์ “พฤกษา อเวนิว” เช่นเดียวกัน เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพทำเล และการเติบโตของที่อยู่อาศัยที่จะเกิดขึ้นในเขต EEC ซึ่งนับเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวและนิคมอุตสาหกรรมที่กำลังเป็นที่น่าจับตามองมาก โดยปัจจุบันมีมูลค่าตลาดใหญ่สูงเกือบ 16,821 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยรถไฟความเร็วสูง ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2566 ซึ่งจะเชื่อมต่อ 3 สนามบิน ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง อู่ตะเภา และเส้นทางเชื่อมต่อ 5 จังหวัด จึงจะทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นเมืองใหญ่รองจากกรุงเทพฯ กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดย พฤกษา อเวนิว หนองมน-ชลบุรี ตั้งอยู่ห่างจากสถานีชลบุรี เพียง 7 นาที จึงเป็นทำเลศักยภาพที่จะสามารถเดินทางเชื่อมต่อสู่กรุงเทพได้อย่างสะดวก”
“ด้านกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดของพฤกษา คือ มุ่งสร้างมาตรฐานใหม่อสังหาฯ ยกระดับการอยู่อาศัยในโซนต่างจังหวัด มุ่งพัฒนาโครงการกระจายให้ครอบคลุมในจังหวัดที่มีนิคมอุตสาหกรรม และแหล่งท่องเที่ยวเป็นหลัก พัฒนาเป็นโครงการขนาดใหญ่ ในรูปแบบของ พฤกษา อเวนิว โดยมีสินค้าที่หลากหลาย ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม พร้อมยกระดับการอยู่อาศัยในต่างจังหวัด โดยพัฒนาสินค้า และการบริการ ให้มีมาตรฐานเทียบเท่าโครงการในกรุงเทพฯ (Standardize) และพัฒนาสินค้า เป็นบ้านพร้อมอยู่เป็นหลัก (Ready to Move In) นอกจากกลยุทธ์ดังกล่าวแล้ว คือ การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในโครงการอย่างต่อเนือง ไม่ว่าจะเป็น Fresh air system “บ้านหายใจได้” ออกแบบระบบไหลเวียนอากาศภายในบ้าน, Home Automation, เสริมความแข็งแรงของพื้นที่หลังบ้านด้วยเสาเข็มขนาดยาวลึกเท่าตัวบ้าน เพื่อรองรับการใช้งานเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ของลูกค้า, ช่อง SKYLIGHT ฝ้าเพดานโปร่งแสง นำแสงสว่างเข้ามาสู่ตัวบ้านในเวลากลางวัน ที่ช่วยตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าได้ดีมากขึ้น”