บอร์ด SHR ไฟเขียว เตรียมจ่ายปันผลครั้งแรก พฤษภาคม 67 นี้ หลังกวาดรายได้นิวไฮ ดันกำไรสุทธิโต 5 เท่าตัว พร้อมลุย 4 แผนงานดันผลประกอบการปี 2567 โตต่อเนื่อง
บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) (SET: SHR) ผู้นำด้านธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทระดับนานาชาติ ในเครือ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (SET: S) เตรียมจ่ายเงินปันผลครั้งแรกหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายหลังบรรลุเป้าหมายรายได้จากการขายและให้บริการในปี 2566 ในระดับสูงที่สุดในประวัติการณ์ จำนวน 9,701 ล้านบาท เติบโตขึ้น 12% จากปีก่อนหน้า พร้อมประกาศกำไรสุทธิเติบโต 5 เท่าตัว ผลประกอบการที่น่าพอใจดังกล่าว ได้รับแรงสนับสนุนจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปีแรกแห่งการกลับมาเปิดพรมแดนเต็มรูปแบบตลอดทั้งปี บริษัทรายงานอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมซึ่งคำนวณเฉพาะห้องพักที่เปิดให้บริการของบริษัท อยู่ที่ 71% ปรับเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า นอกจากนี้ การปรับแผนการตลาดอย่างมีประสิทธิผล มุ่งเน้นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของโรงแรมอยู่เสมอ โดยเฉพาะความสำเร็จสำคัญจากการปรับปรุงโรงแรมตามแผน ส่งผลให้อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (ADR) ปรับเพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน ที่ระดับ 5,675 บาทโดยระดับรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) ปรับเพิ่มขึ้นถึง 23% ที่ระดับ 3,871 บาท เมื่อประกอบกับความมุ่งมั่นในการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ รายงานกำไรสุทธิที่ 86.4 ล้านบาท เติบโตขึ้น 501% จากปีก่อนหน้า
นายไมเคิล เดวิด มาร์แชล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท กล่าวว่า “นอกเหนือจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกตลอดปี 2566 ที่ผ่านมาแล้ว ข้อได้เปรียบสำคัญของ SHR คือทำเลที่ตั้งโรงแรมซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในจุดหมายปลายทางสำคัญที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ประกอบกับความยืดหยุ่นและวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ในการปรับแผนธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการตลาดเชิงรุกที่หลากหลาย หรือการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ศักยภาพสูง ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นในพัฒนาประสิทธิภาพของพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ บันทึกผลการดำเนินงานสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในทุกมิติตัวชี้วัด ทั้งยังสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในทุกภูมิศาสตร์ที่ตั้ง โดย (1) โรงแรมในประเทศไทยสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นถึง 59% จากปีก่อนหน้า และมีอัตราการเข้าพักที่ไม่รวมห้องพักที่อยู่ระหว่างปิดปรับปรุงสูงถึง 78% สะท้อนจุดเด่นทำเลที่ตั้ง และการครองมาตรฐานผลิตภัณฑ์และบริการอันเลิศ ทำให้เรามีอัตรานักท่องเที่ยวประจำที่น่าพอใจ และสามารถดึงดูดความนิยมจากหมู่นักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงได้เป็นอย่างดี (2) โรงแรมของบริษัทฯ ในสหราชอาณาจักร ที่มีผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนความนิยมในการท่องเที่ยวในประเทศและระหว่างภูมิภาคที่ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง รวมถึงความสำเร็จจากกลยุทธ์พัฒนาประสิทธิภาพพอร์ตโฟลิโอ ส่งผลให้สามารถบันทึก RevPAR ในระดับสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ (3) สำหรับโรงแรม 2 แห่งในโครงการ CROSSROADS สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สามารถสร้างรายได้ที่เติบโต 4% แม้จะเผชิญสภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรง ซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวเชิงรุกของบริษัท โดยเฉพาะแผนการตลาดที่มุ่งเน้นการดึงดูดผู้เข้าพักจากตลาดใหม่ๆ เพื่อการกระจายแหล่งที่มาของรายได้ และกลยุทธ์ในการตั้งราคาที่มีประสิทธิภาพ ในขณะที่ (4) ผลการดำเนินงานกลุ่มโรงแรม Outrigger แม้จะถูกจำกัดด้วยจำนวนห้องที่สามารถขายได้ (Available room) จากการปิดให้บริการชั่วคราวของ Outrigger Mauritius Beach Resort เพื่อปรับปรุงระบบบริหารจัดการน้ำในระหว่างเดือนเมษายนถึงตุลาคมของปี 2566 อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานโรงแรมทั้งสองแห่งในสาธารณรัฐฟิจิยังคงเติบโตแข็งแกร่งและชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้จากความโดดเด่นทั้งด้านทำเลที่ตั้ง และการส่งมอบประสบการณ์เข้าพักที่น่าประทับใจ ประกอบกับการปรับปรุงระยะที่ 2 ของโรงแรม Outrigger Fiji Beach Resort แล้วเสร็จสมบูรณ์ตามแผนในเดือนพฤศจิกายน ผลักดันให้ ADR เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่า 22% จากปีก่อนหน้า