“ทัช พร็อพเพอร์ตี้” รุกบริการที่ปรึกษาด้านพลังงาน หนุนอาคารลดต้นทุนค่าไฟ ถึง 20%
นายชาญ ศิริรัตน์ กรรมการบริหาร บริษัท ทัช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ท่ามกลางต้นทุนพลังงานที่พุ่งสูงและแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาด้าน ESG (Environment, Social, and Governance) ที่ได้รับความสนใจมากขึ้นจากทั่วโลก ทัช พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทในเครือพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เดินหน้าสร้างมาตรฐานใหม่ด้านการบริหารจัดการพลังงานในอาคาร ผ่านบริการ Energy Consultancy ที่ปรึกษาด้านพลังงานสำหรับอาคาร ทั้งอาคารที่พักอาศัย โรงพยาบาล และอาคารเชิงพาณิชย์ อาทิ สำนักงานให้เช่า ห้างสรรพสินค้า อาคารมิกซ์ยูส ศูนย์การค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ เพื่อก้าวสู่การเป็นอาคารประหยัดพลังงานที่ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญสู่แนวทางการประกอบธุรกิจอย่างยั่งยืน
ต้นทุนพลังงานพุ่ง – อาคารต้องเร่งปรับตัว
ข้อมูลจาก รายงานสถิติพลังงานรายปี 2567 ของกระทรวงพลังงาน พบว่าการใช้ไฟฟ้าของภาคธุรกิจสำคัญในประเทศไทยยังคงขยายตัว โดยเฉพาะในกลุ่ม โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และเกสต์เฮาส์ ซึ่งสอดคล้องกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวหลังปี 2566 เป็นต้นมา ซึ่งการใช้พลังงานในอาคารนั้นระบบปรับอากาศ เป็นระบบที่ใช้พลังงานมากที่สุดภายในอาคาร
นอกจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นแล้ว แนวโน้มด้านความยั่งยืน (Sustainability) ก็กำลังเป็นประเด็นที่องค์กรทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยในปัจจุบัน ข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG มีความซับซ้อนและเข้มงวดมากขึ้น ทำให้บริษัทต้องเผชิญแรงกดดันจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า นักลงทุน และพนักงาน ประกอบกับ ตลาดอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามแรงขับเคลื่อนของนโยบายภาครัฐและมาตรการด้าน ESG ซึ่งกำลังกลายเป็นมาตรฐานสากลที่ธุรกิจจะต้องปรับตัว
ESG กับมูลค่าอาคารในระยะยาว
นอกเหนือจากการลดต้นทุนพลังงาน การมีอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยังช่วย เพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ และ ดึงดูดการลงทุน โดยเฉพาะจากนักลงทุนต่างชาติและบริษัทข้ามชาติ (Multi-National Company) ที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐาน ESG
“การลงทุนในการปรับปรุง/เพิ่มประสิทธิภาพของระบบวิศวกรรมอาคารที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงาน ไม่เพียงช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยยกระดับมาตรฐานอาคาร รองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต อีกทั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนที่มองหาอาคารที่มีแนวทางด้าน ESG ที่ชัดเจน แม้การพัฒนา Green Building จะมีค่าใช้จ่ายส่วนที่เพิ่มขึ้นมา แต่การกำหนดอัตราค่าเช่าได้สูงขึ้น และ การประหยัดพลังงานได้ดีกว่าสำนักงานทั่วไป ทำให้การพัฒนา Green Building มีโอกาสคืนทุนเร็วกว่าสำนักงานทั่วไป 2-3 ปี ช่วยเพิ่มกำไรให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง” นายชาญกล่าว