ซีบีอาร์อีเผยเทรนด์อสังหาริมทรัพย์ไทยน่าจับตาในปี 2566
ประเทศไทยเริ่มต้นปี 2566 ด้วยแนวโน้มที่ดีทั้งในด้านเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวม ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก ได้เผยถึงเทรนด์สำคัญที่น่าจับตามองในตลาดที่พักอาศัย ตลาดอาคารสำนักงาน ตลาดพื้นที่ค้าปลีก ตลาดพื้นที่อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ และตลาดโรงแรมของไทย
นางสาวรุ่งรัตน์ วีระภาคย์การุณ กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า “ปี 2566 เริ่มต้นด้วยทิศทางบวกมากกว่าปีก่อน ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ซึ่งมีผลให้ความเชื่อมั่นของตลาดและนักลงทุนปรับตัวดีขึ้น ทั้งตลาดที่พักอาศัยและตลาดพื้นที่สำนักงานมีความชัดเจนมากขึ้นในเรื่องของความต้องการพื้นที่มากขึ้น นอกจากนี้ ผู้พัฒนาโครงการสามารถตอบสนองความต้องการใหม่ ๆ ของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการได้ใช้เวลาทำความเข้าใจเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในตลาดที่พักอาศัยและตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ และได้มีการปรับตัวโดยนำกลยุทธ์และนโยบายที่เหมาะสมที่สุดมาใช้กับธุรกิจของตนเอง”
“ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ในปี 2566 ที่ระดับ 3.6% เพิ่มขึ้นจาก 3.2% ในปี 2565 ตัวเลขจะเป็นไปตามการคาดการณ์หรือไม่นั้นจะขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยวและผลการดำเนินงานของภาคการส่งออกเป็นหลัก อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ รัฐบาลจะสร้างความสมดุลระหว่างความจำเป็นที่จะลดมาตรการกระตุ้นทางการคลังโดยไม่กระทบต่อการเติบโตด้านการบริโภคโดยรวมอย่างไร ในขณะที่หนี้ส่วนบุคคลยังสูงอยู่” นางสาวโชติกา ทั้งศิริทรัพย์ หัวหน้าแผนกวิจัยและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวเสริม
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มที่ดีที่สุดคือความกังวลเกี่ยวกับเรื่องโควิด-19 ลดน้อยลงมาก และในปีนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ได้ผ่านอุปสรรคและเปลี่ยนแปลงสู่รูปแบบใหม่ของการใช้ชีวิต การทำงาน และการพักผ่อน
ตลาดที่พักอาศัย
ปี 2565 เป็นอีกปีที่ตลาดคอนโดมิเนียมใจกลางกรุงเทพมหานครไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก กว่า 95% ของคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวใหม่ตั้งอยู่ในทำเลรอบนอกใจกลางเมืองและชานเมือง มีกลุ่มเป้าหมายคือลูกค้าระดับกลาง-ล่าง นอกจากนี้ ผู้ซื้อในประเทศยังให้ความสนใจที่พักอาศัยแนวราบมากกว่า เพราะมีความหนาแน่นน้อยกว่า มีพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า และสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้มากกว่า ในปีนี้ ผู้พัฒนาโครงการจะรุกเปิดตัวโครงการบ้านแนวราบมากขึ้น เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์หรือผู้ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่เองจากในประเทศ
สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง ซีบีอาร์อีคาดว่าผู้พัฒนาโครงการจะยังคงให้ความสำคัญกับขายยูนิตที่พร้อมเข้าอยู่ให้หมด ก่อนที่จะประเมินศักยภาพในการเปิดตัวโครงการใหม่ในย่านใจกลางกรุงเทพฯ ในช่วงครึ่งปีหลัง การเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ย่านใจกลางเมืองจะค่อย ๆ ฟื้นตัวและต้องใช้เวลา ในปี 2566 เราอาจเห็นการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองไม่มากนัก โดยคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 4 และเทรนด์ที่น่าจับตามองคือโครงการมิกซ์ยูสที่มีการผสมผสานของที่พักอาศัย การมีสุขภาวะที่ดี และอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์เข้าไว้ด้วยกัน
ปริมาณคอนโดมิเนียมเปิดตัวใหม่ในกรุงเทพมหานคร
นางสาวอาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย ซีบีอาร์อี ประเทศไทย แสดงความคิดเห็นว่า “ตลาดแนวราบยังคงเติบโตต่อเนื่องในทุกระดับราคาเช่นเดียวกับในปีที่ผ่านมา ผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองมีความคาดหวังและความต้องการที่ชัดเจนที่ผู้พัฒนาโครงการจะต้องตอบสนองให้ได้เพื่อสร้างยอดขาย ผู้ซื้อยังคงให้ความสำคัญกับการใช้งานพื้นที่ ความเป็นส่วนตัว พื้นที่สีเขียวแบบเปิดโล่ง สุขภาวะที่ดี และเทคโนโลยี รวมทั้งมีพื้นที่ที่สามาถปรับเปลี่ยนได้เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวหลายคนสามารถทำงานจากที่บ้านได้ รวมถึงพื้นที่ที่อำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกต่างวัยในครอบครัวได้ใช้ชีวิตร่วมกัน สำหรับโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่จำเป็นต้องจัดสรรที่จอดรถให้เพียงพอ รวมถึงพิจารณาการติดตั้งที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า”
“สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมมือสอง ผู้ซื้อส่วนหนึ่งสนใจที่จะซื้อคอนโดมิเนียมเก่าเพราะมีขนาดยูนิตใหญ่กว่าคอนโดมิเนียมในโครงการใหม่ ๆ ทั่วไป คอนโดมิเนียมมือสองเหล่านี้มักจะขายในราคาต่อตารางเมตรที่ต่ำกว่าโครงการใหม่ ทำให้ผู้ซื้อสามารถลงทุนตกแต่งปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของครอบครัวได้ สำหรับความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ ผู้ซื้อชาวไทยยังคงให้ความสนใจประเทศอังกฤษและออสเตรเลีย และมักจะมีจุดประสงค์ในการซื้อเพื่อเป็นที่พักอาศัยให้กับบุตรหลานที่ไปศึกษาต่อ รวมถึงเพื่อการลงทุน เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัว และเพื่อเติมเต็มด้านไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และมีการพิจารณาทำเลใหม่ ๆ อย่างมัลดีฟส์เป็นต้น” นางสาวปพิณริยา พึ่งเขื่อนขันธ์ หัวหน้าแผนกซื้อขายที่พักอาศัยรายย่อย ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวเสริม
สรุปเทรนด์สำคัญ:
– ผู้พัฒนาโครงการมุ่งเน้นไปที่การเปิดตัวโครงการใหม่ที่เป็นที่พักอาศัยแนวราบเป็นหลัก
– ผู้พัฒนาโครงการมุ่งเน้นไปการขายยูนิตที่แล้วเสร็จให้หมดมากกว่าการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ใจกลางเมือง
– ความต้องการของผู้ซื้อในประเทศที่ซื้อเพื่ออยู่เองยังคงเป็นเรื่องหลักที่ผู้พัฒนาโครงการให้ความสำคัญ
อาคารสำนักงาน
ในขณะที่ช่วงเวลาส่วนใหญ่ในปี 2565 เราเห็นเทรนด์ต่อเนื่องที่บริษัทในประเทศต่ออายุสัญญาเช่าพื้นที่เดิม โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทที่เช่าพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่บริษัทข้ามชาติในกรุงเทพฯ มีความชัดเจนมากขึ้นในเรื่องต้องการใช้พื้นที่สำนักงานของตนเอง และบางบริษัทได้เริ่มย้ายสำนักงานไปยังอาคารใหม่ระดับพรีเมียมเกรดเอแล้ว ซึ่งเป็นเทรนด์ที่น่าจับตามองในปีนี้
ท่ามกลางตลาดอาคารสำนักงานที่มีออฟฟิศที่ได้มาตรฐานระดับสากลและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นอย่างมาก บริษัทข้ามชาติซึ่งได้มีการกำหนดนโยบายใหม่เรื่องสถานที่ทำงาน โดยเฉพาะบริษัทที่มีการทำงานแบบไฮบริด ต่างใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ในการยกระดับคุณภาพสถานที่ทำงานของตนเองให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG ของบริษัท และกำหนดเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการรักษาและดึงดูดพนักงานที่มีความสามารถ รวมถึงสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในสำนักงานเพื่อจูงใจให้พนักงานอยากเข้ามาทำงานที่สำนักงานมากขึ้น
นอกจากนี้ ซีบีอาร์อีคาดว่าในปี 2566 จะมีธุรกรรมการเช่าพื้นที่สำนักงานเพิ่มมากขึ้น บริษัทไทยหลายแห่งได้ตกลงที่จะย้ายจากอาคารที่เช่าอยู่มานานกว่า 20 ปี เพื่อเปิดรับการทำงานแบบไฮบริดที่ได้กลายเป็นมาตรฐานการทำงานรูปแบบใหม่ในกรุงเทพฯ