ที่มา: https://jingdaily.com/bulova-watch-metaverse-d-cave-stefano-rosso/

นอกจากการซื้อขายงานอาร์ท อสังหาริมทรัพย์ โฆษณา งานแฟชั่นวีค หรือร้านอาหารชื่อดังในโลกของ Metaverse แล้ว ก็ถึงคราวของแบรนด์นาฬิกากันบ้าง และแบรนด์นาฬิกาชื่อดังที่เลือกจะก้าวสู่โลก Metaverse ก่อนใครเลยก็คือ Bulova แบรนด์นาฬิกาเก่าแก่จากประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ในช่วงปี 70 ถึง 90 นับจนถึงปัจจุบัน Bulova มีอายุราว 145 ปี ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาได้ปล่อยนาฬิกาดิจิทัลทรงสี่เหลี่ยมพร้อมหน้าจอ LED ที่เรียกว่า LEDComputron ออกมา 

Bulova จับมือร่วมกับ Stefano Rosso เจ้าของตลาดไลฟ์สไตล์บน Metaverse ที่มีชื่อว่า D-CAVE ในการพัฒนานาฬิกา Computron LED ออกมาใหม่ 2 แบบ ซึ่งรวมเวอร์ชันรุ่นพิเศษออกมาด้วย ซึ่งจะถูกนำไปเสนอขายไว้ใน Decentraland ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมของเกม โดยตัวฟีเจอร์ดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยสีเขียวส่องสว่างตัดกับสเตนเลสสีดำ ส่วนเวอร์ชันรุ่นพิเศษนั้นได้เน้นที่เน้นแผงวงจรเทคโนโลยี พร้อมเสริมด้วยเคสคริสตัล

สำหรับผู้บริโภคที่สนใจ สามารถซื้อได้ผ่าน NFT ที่มาพร้อมกับนาฬิกาเวอร์ชันที่พวกเขาสามารถสวมใส่ในร่างอวตาร์ได้ใน Decentraland ไม่ใช่แค่แบรนด์ของ Bulova ที่เป็นแบรนด์ทำนาฬิกาที่เริ่มเปิดตลาดในโลกออนไลน์ แต่ยังมีแบรนด์ Jacob & Co ซึ่งเป็นอีกแบรนด์แรก ๆ ที่ได้ปล่อยนาฬิกาหรูออกมาในรูปแบบ NFT เมื่อเดือนเมษายนปี 2021 ด้วยการเปิดประมูล และได้เงินจากผู้ชนะการประมูลไปสูงถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว 

จากนั้นมา Patek Philippe ก็ได้นำโมเดล Nautilus ที่มีชื่อเสียงปล่อยตามออกมา ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนร่วมประมูลงาน NFT มากถึง 16,000 ราย ในขณะที่ Louis Moinet ก็ได้ตัดสินใจร่วมทีมกับดีไซเนอร์งาน 3D ดิจิทัลสำหรับอวตารที่ชื่อว่า Tafi สำหรับงานออกแบบคอลเลคชั่น NFT อีกด้วย แน่นอนว่าความต้องการของนาฬิกาในโลกออฟไลน์ยังคงสูงอยู่ ผู้ส่งออกนาฬิกาสวิสได้มีรายงานออกมาว่าการส่งออกนาฬิกาเพิ่มสูงขึ้นถึง 31 เปอร์เซ็นต์ให้กับประเทศจีนและอเมริกา ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 24.1 พันล้านบาท

“ส่วนเหตุผลที่แบรนด์ชื่อดังอย่าง Bulova และอีกหลาย ๆ แบรนด์หรูได้เลือกที่เข้ามามีบทบาทในโลกของ Metaverse และจักรวาลแห่งเกมก็ด้วยโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ และโอกาสใหม่ ๆ นั่นเอง” Jeffrey Cohen ประธาน Citizen Watch America กล่าวถึงความเห็นของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีนที่มีตลาดเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และผลงาน NFT นี่เอง ที่เปิดประตูบานใหม่ให้กับแบรนด์เก่าแก่ได้ทำให้ตัวเองเป็นที่รู้จักในหมู่คนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นรุ่นดิจิทัลนั่นเอง

Bernard Arnault ประธานของ LVMH และ Rosso ผู้ก่อตั้ง D-Cave และสมาชิกของบอร์ด OTB มองว่า Metaverse ไม่ได้เป็นแค่เทรนด์ใหม่เท่านั้นแต่คือวิถีการใช้ชีวิตแบบใหม่ ที่การใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริงนั้นจะยิ่งเชื่อมต่อเข้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้นเรื่อย ๆ เราก็ต่างต้องการที่จะแสดงตัวตนของเราผ่านแบรนด์ที่เราชอบและเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตประจำวันหรือในโลกของ Metaverse ก็ตาม