อุตสาหกรรมนี้กำลังทำการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การใช้แรงงาน : ลดคน เพิ่มหุ่นยนต์

โรงแรมอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง Marina Bay Sands Hotel ถูกโหวตให้เป็น Top ของปีนี้ โหวตโดย Singapore Business Review’s Hospitality Industry Survey ด้วยจำนวนห้องถึง 2,561 ห้อง โรงแรมหรูระดับโลกแห่งนี้ยังคงเป็นตัวเอกในการเป็นตัวกลางในการพบปะ, สร้างแรงบันดาลใจ, วัฒนธรรมและงานแสดงต่างๆ ซึ่งประสบความสำเร็จในการจัดงานอีเว้นท์มากถึง 3,000 งาน/ปี พร้อมด้วยงานอีเว้นท์จำนวนมากกว่า 3,500 งานที่ถูกจัดขึ้น Sand Expo and Convention Centre ในปี 2017 และรวบรวมจำนวนตัวแทนนักธุรกิจมากถึง 1.4 ล้านราย มาที่ Marina Bay Sands

“ปี 2018 ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่ง” นาย lan Willson รองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการของผู้นำอุตสาหกรรมอย่าง Marina Bay Sand กล่าว “นำโดยกลยุทธ์ในการคิดค้นของเราในเรื่องของการนำเสนอการบริการและส่งเสริมประสบการณ์ที่ดีของแขก Marina Bay Sand คือสถานที่ที่มีจุดยืนที่มีแรงจูงใจและเป็นสถานที่ที่มีการพัฒนาในด้านจำนวนนักท่องเที่ยวที่ประเทศสิงคโปร์ตั้งความหวังว่าจะเกิดขึ้นในปีต่อๆไป”

จำนวนห้องทั้งหมดในภาคส่วนของโรงแรมในอุตสาหกรรมการบริการของประเทศสิงคโปร์ในขณะนี้ มีการเพิ่มขึ้น 0.1% เป็น 30,604 ห้องในปี 2017 จาก 30,572 ห้อง ในปี 2016 การบันทึกนี้เป็นตัวเลขสำเร็จของโรงแรมบางแห่งที่ทำการ สรุปผลการปรับปรุงใหม่ของแต่ละที่ในระยะ 12 เดือนที่ผ่านมา

เรียงลำดับตัว Top ทั้ง 5 อันดับ : Hotel Boss พร้อมจำนวน 1,500 ห้อง, Swissotel The Stamford ที่ 1,261 ห้อง, Mandarin Orchard Singapore กับ 1,077 ห้อง และ Carlton Hotel Singapore กับ 940 ห้อง ลำดับ Top 5 ของลิสนี้ยังคงมีลำดับเดิมนี้มาตั้งแต่การโหวตจากปี 2016

อย่างไรก็ตามนาย Wilson กล่าวว่าในขณะที่อุตสาหกรรมกำลังมุ่งไปในทางที่ดีในปี 2018 กับจำนวน 12 เดือนข้าง ในการเคลื่อนไหวประสิทธิภาพนักท่องเที่ยวสำหรับไตรมาสที่ผ่านมาในเรื่องของวิวัฒนาการและนวัตกรรม ในทุกๆด้าน คือสิ่งที่เป็นที่ต้องการสำหรับอุตสาหกรรมนี้เพื่อที่จะรับมือกับความต้องการของลูกค้าและการเปลี่ยนแปลฝของเทรนด์ต่างๆทั่วโลก

หุ่นยนต์รับใช้เพื่อบริการคุณ

“การที่อุตสาหกรรมการบริการกำลังมุ่งเปลี่ยนกลยุทธ์การใช้แรงงาน เรากำลังได้เป็นพยานให้กับการเพิ่มขึ้นของจำนวน สมาร์ทโฮเทล ในสิงคโปร์” นาย Wilson อธิบาย “ในภาคนี้เทคโนโลยีส่วนใหญ่จะทำหน้าที่ให้บริการในการส่งเสริมผลผลิต, ปรับปรุงการจัดการทรัพยากร ต่ำอยู่ในตอนนี้ แต่จะไม่มีการแทนที่สัมผัสจากมนุษย์”

ในบางนวัตกรรมในปัจจุบันในภูมิภาคนี้รวมไปถึงการใช้หุ่นยนต์และร้านค้าเล็กๆที่รับการจ่ายแบบอัตโนมัติอย่างเช่นในญี่ปุ่น หรือเหล่าแอพลิเคชั่นปัญญาประดิษฐ์ต่างๆ และเครื่องมือที่รองรับการให้บริการแก่ลูกค้าและรูมเซอร์วิสในโรงแรม อย่างการสั่งอาหารหรือบริการต่างๆ เช่น การนวดหรือแม่บ้านทำความสะอาด ในปลายปี 2017 Hotel Jen Tanglin Singapore  ได้ทำการแนะนำ Jeno และ Jena หุ่นยนต์รับใช้ที่สามารถเสิร์ฟอาหาร, บังคับลิฟท์  และเปิดประตูของห้องโรงแรม M Social Singapore มีการใช้หุ่นยนต์รับใช้และในห้องอาหารของที่นี่อย่าง AUSCA ก็มีเชฟหุ่นยนต์ที่สามารถต้มไข่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในขณะนี้  Park Avenue Rochester Hotel ก็มีหุ่นยนต์รับใช้และหุ่นยนต์แม่บ้านเช่นกัน  Yotel Singapore  และ  Sofitel Singapore City Centre  ก็กำลังบันทึกรายงานเกี่ยวกับปฏิกิริยาการใช้หุ่นยนต์ในการเสริฟอาหารและฟังก์ชันต่างๆในการใช้งานในอนาคตเช่นกัน

สำหรับ Marina Bay Sands  การปฏิวัติเทคโนโลยีได้เกิดขึ้นแล้วทั้งในการดำเนินงานภายนอกและงานเบื้องหลัง เพื่อปรับปรุงผลผลิตและประสิทธิภาพต่อไปในการคิดริเริ่มเหล่านี้ประกอบด้วยระบบเทคโนโลยีแม่บ้านทำความสะอาดชื่อว่า Optii Keeper ที่ถูกสร้างเสร็จในเดือนมิถุนายน  2013 ที่ให้พนักงานดูแลห้องสามารถได้รับข้อมูลสถานะของห้องต่างๆแบบเรียลไทม์ผ่านการมองผ่านระบบตรวจสอบแบบพกพา

แรงผลักดันสำหรับนวัตกรรมนี้ไม่ใช่แค่การขับเคลื่อนโดยความกระตือรือร้นจากภาคเอกชน   The Singapore tourism board  ก็ยังมีส่วนด้วยเช่นกัน  The Singapore tourism board  ประกาศในเดือนพฤศจิกายนปี 2017  ในการร่วมมือกับโรงแรมต่างๆและผู้ให้บริการแก้ไขปัญหาในตัวเมืองเพื่อเร่งความเร็วของการนำหุ่นยนต์มาใช้ในโรงแรมและอุตสาหกรรมการบริการ ในบางตัวอย่างที่ผ่านมารวมถึงการเช็คอินได้จากทั่วโลกโดย  GTrip  สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องและแอพพลิเคชั่นในการควบคุมสิ่งต่างๆภายในห้อง รายงานการบริการซักผ้าและบริการจัดส่งที่ควบคุมโดย Laundry Network ในการร่วมมือกับ Republic Polytechnic และ  Star Hub เช่นเดียวกับหุ่นยนต์จัดเตรียมอาหารโดย Kurve

ด้วยการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ทำงานร่วมกันในประเทศสิงคโปร์ จึงมีแนวคิดใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายอย่างเช่น Tribe Theory ที่รวบรวมไอเดียของการสร้างพื้นที่ทำงานร่วมกัน ด้วยบรรยากาศของการเป็นโฮสเทลและความใจกว้างของการคิดค้นไอเดียจากผู้ประกอบการต่างๆ การคิดราคาที่ 26 ล้านเหรียญสหรัฐต่อคืน ห้องแบบแคปซูลในโรงแรมขึ้นชื่อของ Tribe Theory ในประเทศสิงคโปร์มอบบรรยากาศของการเป็นชุมชนเดียวกันในโฮสเทลที่มีมาตรฐานเดียวกันกับโรงแรมทั่วไป  และสภาพแวดล้อมของการทำงานร่วมกันของผู้ประกอบการต่างๆเมื่อเปรียบเทียบว่าต้องจ่ายเพิ่มถึง 100 เหรียญสหรัฐต่อคืนหักพักในโรงแรมระดับ 5 ดาวทั่วไป  อีกอย่างลูกค้ายังสามารถจ่ายเงินในอัตราต่างออกไปอย่างการใช้ Bitcoin และ Ethereum

แนวโน้มอันสดใส

เจ้าของโรงแรมในสิงคโปร์สามารถหายใจได้อย่างโล่งและมอง 12 เดือนข้างหน้าได้อย่างดีและมีความหวังว่าจะมีการฟื้นตัวเหมือนกับในตัวเมืองที่มีภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวสดใส และการเพิ่มขึ้นของโครงสร้างพื้นฐานที่เคลื่อนตัวไปในทางที่ดีขึ้นตัวอย่างเช่น ข้อมูลโดยรวมจาก Singapore tourism board  ประมาณการว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่ Lion City มีจำนวนมากถึง 17.4 ล้านคนในปี 2017  เพิ่มขึ้น 6.2%  จากปีที่ผ่านมา ใบเสร็จจากนักท่องเที่ยว รายจ่ายต่างๆหรือการใช้เงินสดจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมไปถึงการใช้จ่ายให้กับการคมนาคมภายในประเทศสิงคโปร์ในขณะนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้น 5%  มากถึง 20.3 พันล้านเหรียญจากเดือนมกราคมถึงเดือนกันยายนของปีที่แล้ว

นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลต่างๆในช่วงต้นปี 2017 จากการวิเคราะห์และผู้สังเกตการณ์ในอุตสาหกรรมว่าอุตสาหกรรมการโรงแรมและนักท่องเที่ยวในสิงคโปร์อาจมีประสิทธิภาพที่ต่ำลง ในขณะที่ประเทศสิงคโปร์ยังคงเป็นอีกหนึ่งประเทศในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีภาพลักษณ์ของนักท่องเที่ยวที่แข็งแรงมาก และเป็นหนึ่งในเมืองหลักที่เป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับการพบปะต่างๆ, การจัดสัมมนา และการจัดการประชุม ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าอุตสาหกรรมท้องถิ่นมีความจำเป็นต้องมีการปรับปรุงใหม่ และคิดค้นสิ่งใหม่ๆเพื่อรักษาเสน่ห์ของอุตสาหกรรมการบริการนี้ ด้วยการแข่งขันที่มีอยู่ทั่วทั้งเอเชียและภูมิภาคแปซิฟิกที่มีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

รายงานจาก Savills Singapore เปิดเผยว่าการต่อต้านสุราของมึนเมาจากเจ้าของโรงแรมบางแห่งในช่วงต้นปีของปีที่แล้ว ส่งผลให้รายได้ต่อห้อง (RevPAR) ภายในตัวเมืองนั้นลดต่ำลง การวัดประสิทธิภาพที่ใช้ในธุรกิจโรงแรมที่โชว์ว่าการประกอบการบริการเป็นไปในทางที่ดีแค่ไหน และเรทที่เปลี่ยนแปลงลูกค้านั้นเป็นไปในทิศทางไหน จากตัวเลขสูงสุดอยู่ที่  224.85 เหรียญสหรัฐ ในช่วงเดือนเมษายนปี 2012 ลดลงเหลือ 199.73 เหรียญสหรัฐในปี 2017  เป็นตัวแทนการปฏิเสธจำนวนตัวเลขที่ 11%  ในช่วงเวลาแค่ 5 ปี การลดลงอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องปีแล้วปีเล่าได้สร้างความเจ็บปวดไว้พอสมควร สำหรับเหล่าเจ้าของโรงแรมและสถาบันนักลงทุนที่มีความจำเป็นต้องดูแลผู้ถือหุ้นในแต่ละไตรมาส

อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพที่แท้จริงของปี 2017 ได้มีการคลายความกังวลจากที่ผ่านมาสำหรับเหล่าเจ้าของโรงแรมตากอากาศและเจ้าของธุรกิจการบริการเหมือนยกปัญหาออกจากบ่า นาย Wilson กล่าวว่า เสน่ห์ของประเทศสิงคโปร์ในการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวและพักผ่อนยังคงมีอยู่อย่างครบถ้วนในปีที่ผ่านมา

“ภาคการท่องเที่ยวของประเทศสิงคโปร์มีการชาร์จประสิทธิภาพที่แข็งแรงในปี 2017 โดยสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในเรื่องรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน” เขากล่าวเพิ่มในเรื่องของความต้องการสำหรับผู้สมัครเล่นในอุตสาหกรรมอย่างนายจ้างของเขาที่ยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนประสิทธิภาพการท่องเที่ยวในตัวเมืองให้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น  Marina Bay Sands  มีเรทการพักอาศัยในโรงแรมเฉลี่ยสูงถึง 95.6%  ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยลูกค้าส่วนใหญ่มาจากประเทศญี่ปุ่น, จีน, อินโดนีเซีย, เกาหลีใต้และออสเตรเลีย

จากการอ้างอิงจาก  The Singapore tourism board  การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าของปีที่แล้ว ที่เปลี่ยนแปลงไปสู่อุตสาหกรรมการบริการส่วนใหญ่มาจากรายจ่ายที่สูงขึ้นในส่วนประกอบสาขาสำคัญรวมถึงการช้อปปิ้ง, ที่พักอาศัย, การเที่ยวชมสถานที่และสิ่งบันเทิงรวมไปถึงการเล่นเกม รายได้ของห้อง Gazelted Hotel อยู่ที่ประมาณ 2.8 พันล้านเหรียญในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2017 เพิ่มขึ้น 3.3% ในระยะเวลาปีชนปี ในขณะที่เรทเฉลี่ยการพักอาศัยเพิ่มขึ้น จาก 1.4% เป็น 85%

สาเหตุของการมองในแง่มุมที่ดี

Savills Singapore กล่าวว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้นักธุรกิจโรงแรมและการบริการยังคงมองระยะเวลาที่เหลือของปีในแง่มุมที่ดี จากการอ้างถึงของรายงาน “โดยประมาณจำนวน 1 ใน 4 ของผู้คนขาเข้าจากทั่วโลกที่จะมาที่นี่เพราะวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ จึงเป็นเหตุให้สภาพเศรษฐกิจได้รับผลกระทบสำคัญต่อประสิทธิภาพของโรงแรม โดยเฉพาะเหล่าที่พักอาศัยที่ตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่ศูนย์การค้า”

มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผู้เล่นอุตสาหกรรมอย่าง Marina Bay Sands  ชอบที่จะทำการยกระดับขึ้นในระยะเวลาที่เหลือของปี “เพื่อให้ความสำคัญในการเติบโตของจำนวนแขกในเชิงธุรกิจและผู้ที่มาพักผ่อน  Marina Bay Sands  จะโฟกัสในการลงทุนและเปลี่ยนแปลงโปรแกรมให้ดีขึ้น เพื่อส่งเสริมการทำการสำรวจใหม่อีกครั้ง” นาย Wilson อธิบาย “หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่เรามีในปี 2017 คือการแข่งขันที่เกินเวลาไป 3 ปี ในการตกแต่งห้อง 2,561 ห้อง ใหม่ทั้งหมด ”

ทั้งนี้ยังมีการเติบโตของตลาดการท่องเที่ยวระดับสากลภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้านความเป็นพื้นเมืองของสิงคโปร์ ด้วยตัวเมืองที่พร้อมจะกลายเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการขนส่งและศูนย์รวมการเชื่อมต่อของภูมิภาคด้วยโครงสร้างพื้นฐานชั้นสูงอย่างเช่น สนามบินชั้นนำอย่าง  Changi Airport

เพื่อที่จะวาดภาพให้ชัดเจนขึ้นนักท่องเที่ยวมาถึงภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้น 9%  มากถึง 308 ล้านคน นับเป็น 25%  ของผู้ที่มาจากทั่วโลก และยังมีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นอีก ฐานผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการเพิ่มขึ้นของผู้มีรายได้ระดับกลางและมีค่าตั๋วเครื่องบินที่ราคาถูกลงโดยมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆของอุตสาหกรรมการบินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ที่มา : https://sbr.com.sg/hotels-tourism/exclusive/%E2%80%98smart-hotels-are-rise