ใช้ชีวิตในเมืองแบบละเมียดละไมที่ ฮาสุ เฮาส์ รีสอร์ทคอนโดมิเนียม สไตล์โมเดิร์น ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ และสายน้ำ

หากว่าเราจะต้องเลือกคอนโดเพื่ออยู่อาศัยสักแห่ง เชื่อว่าหลายคนคงคิดหนักว่าจะเลือกทำเลที่อยู่ใกล้สถานศึกษาของลูกๆ เลือกอยู่ใกล้แหล่งชอปปิ้ง เลือกอยู่ในย่านชุมชนคุณภาพดี ปลอดภัย เลือกอยู่ในที่ที่เดินทางสะดวก หรือเลือกบรรยากาศการพักอาศัยที่ร่มรื่นเป็นธรรมชาติ เพราะส่วนใหญ่เรามีทางเลือกไม่มากนัก ต้องชั่งใจเลือกสักอย่าง หรือยอมเสียบางความต้องการไป

แต่ Hasu Haus (ฮาสุ เฮาส์) รีสอร์ทคอนโดมิเนียม สไตล์โมเดิร์น โดยแสนสิริ กลับตอบโจทย์ในทุก Lifestyle และทุกทางเลือก ของการอยู่อาศัย ด้วยทำเลบนโครงการ T77 หรือ “Sansiri Town Sukhumvit 77” เรียกได้ว่าเป็น Mega Project จากแสนสิริ อันเกิดจากความตั้งใจ ที่จะพัฒนาทำเล กลางย่านอ่อนนุช ระหว่างซอยสุขุมวิท 71 และซอยสุขุมวิท 77 ซึ่งใกล้ทางขึ้นลงทางด่วน และไม่ไกลจากสถานีอ่อนนุชมากนัก โดย T77 เป็นเมืองขนาดย่อม ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ผสานกับวิถีชีวิตริมคลองดั้งเดิม ที่ไหลผ่านเชื่อมส่วนต่างๆของโครงการเข้าด้วยกัน

T77 น่าอยู่จริงไหม? – ฟังจากปากลูกบ้านตัวจริง (รีวิวแบบละเอียดยิบ)

โดยโครงการ T77 เป็น Hub แห่งการอยู่อาศัยที่เปี่ยมไปด้วยไลฟ์สไตล์ ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่อาศัยถึง 6 โครงการ จำนวนกว่า 5,000 ยูนิต มี Community Mall ภายใต้ชื่อ Habito ที่รวบรวมเอาร้านอาหารชื่อดังและร้านค้าไว้มากมาย รวมทั้งโรงเรียนนานาชาติ Bangkok Prep แคมปัสระดับมัธยม โดย Hasu Haus ถือว่า ตั้งอยู่บนทำเลที่ ได้เปรียบกว่าโครงการที่พักอาศัยอื่นๆใน T77 เนื่องจากเป็น Condo Low rise ที่อยู่ใกล้ชิดติดธรรมชาติ อย่างสายน้ำริมคลอง ข้ามถนนหน้าโครงการไปเป็นโรงเรียน Bangkok Prep และ เดินผ่านธรรมชาติอันร่มรื่นไปอีกนิดก็ถึง Garden Square และ Habito Community mall ที่จะเปิดให้บริการ ในช่วงมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ Hasu Haus จึงตอบโจทย์ของที่อยู่อาศัยแบบชุมชนได้อย่างลงตัว

ประกอบกับการออกแบบ  Hasu Haus ที่ดึงความเป็นรีสอร์ทคอนโดมิเนียมสไตล์โมเดิร์น แบบไทยๆ มาสร้างบรรยากาศการพักผ่อนให้กับผู้อยู่อาศัย โดยโครงการมีทั้งหมด 310 Units บนอาคาร 2 อาคาร อาคารละ 7 ชั้น มี Type ห้องทั้งหมด 3 Type คือ 1 Bedroom , 2 Bedroom และ 3 Bedroom แต่แบบ 2 และ 3 Bedroom ขายหมดแล้ว เหลือเพียง ห้อง 1 Bedroom ขนาด 36-37 ตรม. อีกเพียง 10 กว่าห้อง (ข้อมูล ณ วันที่ 21 เมษายน 2559) ซึ่งห้องตัวอย่างที่จะพาท่านผู้อ่านไปชมมีขนาดเดียว คือ ห้องตัวอย่าง ขนาด 37.75 ตร.ม.

เรามาเริ่มกันที่ห้องตัวอย่างที่โครงการจัดตกแต่งไว้ให้ชม เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด  37.75 ตร.ม. ที่ชั้น 3

ภายในห้องแบ่งพื้นที่ออกเป็น ส่วนห้อง Living ที่เชื่อมต่อกับห้องนอนสุดที่ระเบียงห้องนอน และห้องครัว เชื่อมต่อกับห้องน้ำ และระเบียงห้องครัว

วิวของห้องนี้เป็นวิวคอร์ทที่จอดรถเชื่อมกับสวนส่วนกลางชั้นล่างด้านทิศตะวันออก

ภายในห้องตัวอย่างตกแต่งด้วยโทนสี Earth tone น้ำตาล ขาว เทา  พื้นปูด้วยลามิเนตสีน้ำตาลขัดมัน จากห้องLiving ถึงห้องนอน

จากประตูห้องเปิดมาเป็นส่วนของ Living area ยก Stepพื้นจากทางเดินหน้าห้อง Living area หน้ากว้าง และสูงถึง 2.7 เมตร ทำให้เปิดเข้ามารู้สึกถึงความกว้าง และมองทะลุผ่านห้องนอนไปยังวิวนอกห้องได้

Living area มีทางเชื่อมสู่ห้องนอน กั้นด้วยประตูบานเลื่อนรางวิ่งบนล่าง กระจกใส 3 ตอน ไม่ว่าจะเปิดหรือปิด ก็ยังให้ความรู้สึกเชื่อมถึงกัน และทำให้ห้องดูโปร่ง โล่ง และแสงแดดจากระเบียงสามารถส่องเข้าถึง ทำให้พื้นที่ห้องไม่อับ

และด้านซ้ายมือเป็นทางเข้าห้องครัวและห้องน้ำ กั้นด้วยประตูบานเลื่อน รางวิ่งด้านบนตอนเดียว

Living Area ให้มาค่อนข้างกว้างทีเดียวสำหรับห้อง 1 Bedroom มาพร้อมแอร์ห้อง Living 1 ตัว ด้านขวาของห้อง ติดประตูสามารถวางโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งได้ และสุดผนังห้องวางโซฟา 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะไม้ไว้ใกล้กัน แต่ถ้าใครชอบโซฟาตัวยาว หรือชุดรับแขก เพิ่ม Size อีกนิด Living area ห้องนี้ก็ยังเอาอยู่

ผนังฝั่งตรงกันข้าม โครงการวางช่องเสียบโทรทัศน์ โทรศัพท์ไว้ให้ที่ด้านนี้ แต่พื้นที่ระหว่างด้านหลังประตู น้อยไปหน่อย ถ้าวางชั้นหรือตู้แบบเต็มพื้นที่ก็จะติดประตูที่เปิดได้ไม่สุด เสียพื้นที่ไปเล็กน้อย ที่ใช้สอยได้ไม่มากนัก แต่ก็อาจหาเฟอร์นิเจอร์ที่ชั้นไม่ลึก อย่างชั้นวางรองเท้า ไว้หลังประตู น่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับพื้นที่ที่เหลืออยู่

ในส่วนของห้องนอน มีประตูบานเลื่อนสูงและกว้างเต็มเฟรมจากผนังสุดผนังและจากพื้นจรดเพดาน แต่น่าเสียดายเล็กน้อยที่รางเลื่อนไม่ได้วางฝังลงพื้นแบบเก็บเรียบ ทำให้มีรอยต่อและสะดุดไปบ้างระหว่างการเดิน

ในส่วนของห้องนอน ออกแบบมาให้มีลูกเล่นและบรรยากาศแบบไทยโมเดิร์น ด้วยการดึงรูปแบบช่องเปิด อย่างบานหน้าต่างแบบไทย คือ บานกระจกเปิดแบบ 2 ฝั่ง ซ้ายขวา สูงจากพื้นจรดเพดาน มีระเบียงกั้น ให้อารมณ์ห้องนอนตากอากาศ สัมผัสธรรมชาติ

ภายในห้องนอนวางเตียง King size พร้อมโต๊ะหัวเตียง นอนชมวิวนอกระเบียงได้แบบเต็มอิ่ม แถมยังมีพื้นที่ด้านปลายเตียงเหลือ พอที่จะตกแต่งเป็นตู้เสื้อผ้า ชั้นวางทีวี หรือโต๊ะทำงานเล็กๆริมระเบียง นั่งรับลมก็ยังได้

ถัดมาในส่วนของห้องครัววางตัวเป็นแนวยาวจากประตูทางเข้าห้องน้ำถึงระเบียง พื้นครัวเป็นแกรนิตโต้ เพื่อให้ทำความสะอาดง่าย

ครัวที่โครงการให้มาเป็นครัวBuild in ติดผนังและสูงจรดเพดาน มีเว้นช่องปลายสุดติดระเบียง สำหรับวางตู้เย็นไว้ให้ เคาท์เตอร์ครัวมาพร้อมเตาไฟฟ้า MEX 2 หัว พร้อมที่ดูดควันซ่อนในชั้นตู้เหนือศีรษะ ที่เชื่อมต่อเป็นชั้นวางของด้านบน ข้างเตาไฟฟ้าเป็นอ่างล้างจาน MEX ฝังเคาท์เตอร์และพื้นที่ทำครัว ตู้และลิ้นชักทั้งหมดเป็นบานเปิดปิดแบบ Soft close โทนสีน้ำตาลอ่อน ภายในสีขาว แบ่งสัดส่วนการเก็บของตามการใช้งาน

ในส่วนของห้องน้ำ มีการลด Step จากพื้นห้องครัว ภายในห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนเปียกส่วนแห้ง ด้วย กระจกบานเปิด และยกStepกั้นส่วนเปียกส่วนแห้งไว้ให้ พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องด้าน ผนังเป็นแกรนิตโต้แบบมัน โทนสีน้ำตาล

ติดประตูห้องน้ำเป็นอ่างล้างหน้ามาพร้อมตู้ใต้อ่างฯ และกระจกพร้อมที่วางของ ถัดเข้าไปเป็นสุขภัณฑ์ ของ American standard ที่ผนังเจาะช่องสำหรับที่ใส่ทิชชูเอาไว้ให้

ส่วนเปียกฝักบัวมีมาให้ 2 แบบ ทั้งแบบ Shower และ Rain shower ของ Englefield แยกระบบน้ำร้อน-เย็น

อีกด้านของห้องน้ำ บริเวณมุมห้อง ออกแบบให้มี Step เตี้ยๆ วางอุปกรณ์อาบน้ำไว้ให้

บริเวณระเบียงห้องที่เชื่อมต่อกับห้องครัว มีการทำ Fin กันส่วนที่ติดตั้ง Compressor air และด้านล่างสามารถวางเครื่องซักผ้าฝาหน้าได้

มาถึงพื้นที่ส่วนกลางของ Hasu Haus ในส่วนที่อยู่อาศัย มีลิฟท์มาให้ 2 ตัว โถงลิฟท์แต่ละชั้นยกสูงและเป็นสโลปลงสู่ทางเดิน ทางเดินเข้าสู่แต่ละ Unit กว้าง 1.5 เมตร

มีการเล่นงานออกแบบ ของป้ายชั้น ป้ายห้อง เป็นรูปรากบัว ใบบัว

รวมถึงพื้นที่ Lobby ที่ออกแบบให้โถงสูง Double Volume สามารถมองเห็นได้จากโถงทางเดินชั้น 2

Lobby ออกแบบให้มีกระจกรอบด้าน สามารถเปิดรับแสง ลม สัมผัสกับสวนด้านนอกได้ มีโซฟาวางรับแขก อยู่ 4 Set หลักๆ

เชื่อมกับ Mail room ที่แบ่งออกเป็น 2 ห้อง ตกแต่งด้วยไม้โทนสีน้ำตาล แทรกด้วยสีเงินสลับกัน

ภายใน Lobby มีลูกเล่นของ Furniture โคมไฟ ที่ออกแบบพิเศษ สื่อถึงใบบัว

ที่เป็นจุดขายของพื้นที่ส่วนกลางของ Hasu Haus คือ The Water lily court คอร์ทส่วนกลางขนาดใหญ่ ที่ออกแบบให้เหมือนลานใต้ถุนบ้าน เชื่อมพื้นที่สระว่ายน้ำ และมีสระบัว แทรกอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด รายล้อมด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ที่เลือกใช้ไม้พื้นบ้าน หรือไม้ไทยๆ มาเป็นพันธุ์ไม้หลักในพื้นที่ส่วนกลาง

พื้นที่ส่วนกลางของโครงการอยู่ที่ชั้น 1 ทั้งหมด สามารถเข้าออกได้จากที่จอดรถ (มีรองรับไว้ 50% รวมซ้อนคัน) และจากทางเดิน Lobby โดยมีระบบ keycard ใช้เข้าออกพื้นที่

พื้นที่ส่วนกลางแบ่งออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่ The Water lily court , Swimming pool , The Firm ห้องออกกำลังกาย , The Sway ห้องพักผ่อน และ พื้นที่พักผ่อนริมคลอง ทุกส่วนของพื้นที่ส่วนกลางเชื่อมกันด้วยทางเดินไม้ ที่ออกแบบให้เหมือนทางเดินในสวนริมคลอง

พื้นที่ส่วน The Water lily court เป็นคอร์ทกลางขนาดใหญ่ มีสระบัวที่ออกแบบมาให้แทรกตัวด้วยไปตามพื้นที่นั่งพักริมสระฯเป็นระแนงไม้ บรรยากาศแบบศาลาริมน้ำไทยๆ

ออกแบบให้เหมือนเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำ โอบล้อมด้วยอาคารที่พักอาศัยทั้ง 2  อาคาร สระว่ายน้ำแบ่งเป็นสระเด็กและสระผู้ใหญ่ มีชานไม้ขนาดใหญ่ ตั้งเตียงผ้าใบ ได้บรรยากาศชานริมน้ำในอีกแบบ

ถัดจากสระว่ายน้ำ เป็นอาคารแยกตัวออกมา แบ่งเป็นพื้นที่ The Firm ห้องออกกำลังกาย วางตัวยาวขนานทางเดินริมคลอง ออกกำลังกายพร้อมชมวิวสวนริมคลอง น่าจะสดชื่นไม่น้อย

ถัดจากห้องออกกำลังกายเป็นห้อง The Sway ห้องพักผ่อน ที่ออกแบบมาให้เป็นทั้งห้องอ่านหนังสือ ปรับเป็นห้องประชุมสำหรับ 8 ท่านได้ในบางโอกาส และที่สำคัญ มาพร้อมกับการออกแบบที่นั่งเอนหลังริมหน้าต่าง แบบไทยประยุกต์ Modern tropical สำหรับ นั่งกินลมชมวิว คงเป็นมุมพักผ่อนได้ดีไม่น้อย

เหนือห้อง The Sway และ The Firm เป็นดาดฟ้า สำหรับเป็นพื้นที่นันทนาการ ออกกำลังกาย หรือนั่งปิกนิก นั่งคุยนั่งเล่น ชมวิวคลองผ่านยอดไม้ เป็นมุมพักผ่อนได้อีกมุมหนึ่ง

สุดท้าย เป็นพื้นที่พักผ่อนริมน้ำ เนื่องจากพื้นที่ Hasu Haus ตั้งอยู่ติดริมคลองพระโขนง ฝั่งตรงข้ามเป็นวัดใต้ วัดโบราณตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ทางทิศใต้ของแหล่งชุมชน ที่ยังคงเอกลักษณ์ความงดงามของวัดริมน้ำที่มีการดูแลอย่างดี

พื้นที่ริมคลองของโครงการ จึงออกแบบเป็นสวนและที่นั่งพักริมน้ำ เชื่อมต่อจาก The Water lily court สระบัว สระว่ายน้ำ

เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนริมน้ำโอบล้อมด้วยพืชพันธุ์แบบไทยๆ ทั้ง ต้นลีลาวดี พลับพลึง ตีนเป็ด หางนกยูง เตยหอม ฯลฯ

เหมาะกับบรรยากาศริมคลอง ที่ยังคงวิถีชีวิตริมน้ำแบบไทยๆไว้อยู่ ทั้งการสัญจรทางเรือ และชุมชนรอบวัด ชุมชนริมน้ำ เป็นบรรยากาศ Classic ที่คงความเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน ที่คงหาบรรยากาศแบบนี้ได้ยากในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในเมืองในยุคสมัยนี้

ถึงแม้ Hasu Haus จะไม่ได้ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าแบบเดินได้สบาย เหมือนดังเช่น หลายๆโครงการที่อยู่รายรอบสถานี BTS อ่อนนุช แต่ต้องอย่าลืมว่า ณ ปัจจุบันนี้ supply คอนโดระดับกลาง-สูงที่อยู่ในระยะใกล้สถานีรถไฟฟ้าแถวนี้นั้นขายหมดไปนานแล้วครับ ดังนั้นตัวเลือกที่พอจะ benchmark ได้สมน้ำสมเนื้อคงจะเป็นบรรดาคอนโดในเซกเมนต์ Economy ที่อยู่ลึกเข้าไปในซอยอ่อนนุช

การที่แสนสิริทำเมือง T77 ขึ้นมา ก็น่าจะสามารถรองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัยใน T77 ได้มากพอสมควร เป็นที่น่าสนใจว่า Facility สำคัญอย่าง HABITO ที่เป็น Community Mall แห่งแรกของแสนสิริจะถูกพัฒนาให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยใน T77 มากแค่ไหน เพราะอย่าลืมว่าทุกโครงการที่อยู่อาศัยใน T77 นั้นรวมกันมีมากกว่า 5,000 ยูนิต!! (นี่ยังไม่รวมโครงการใหม่อย่าง Mori Haus และเพื่อนบ้านที่เป็น Service Apartment อีกหลายเฟส)

ทำเลอ่อนนุชปัจจุบันนั้น รู้ดีกันว่ามีชาวต่างชาติ Expat จำนวนไม่น้อย ที่ขยับออกมาเช่าที่อยู่อาศัยบริเวณนี้ เนื่องจากต้นทุนค่าเช่าที่ถูกกว่า Mid Sukhumvit รวมถึงหากเป็นกลุ่มชาวต่างชาติที่ต้องทำงานแถวสุขุมวิทตอนปลายส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า แต่ก็ยังชอบในสีสันของไลฟ์สไตล์กลางเมือง ก็ดูจะถูกอกถูกใจกับทำเลนี้เป็นพิเศษ พิสูจน์ได้จากอัตราค่าเช่าของโครงการ Hasu Haus ที่มีหลายคนสามารถปล่อยเช่าได้ในราคาราวๆตรม.ละ 600 บาท หรือประมาณ 18,000 บาทต่อห้อง เช่นเดียวกับโครงการรุ่นพี่ 2 โครงการใน T77 อย่าง The Base Park East และ The Base Park West ที่มีนักลงทุนหลายรายติดใจทั้งอัตรา และความเร็วในการปล่อยเช่า ชาวต่างชาติทั้งฝรั่งและจีน

การมาของสถาบันการศึกษาระดับแม่เหล็กอย่าง Bangkok Prep นับว่าเป็นสปริงบอร์ดที่ช่วยผลักดันให้ T77 กลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยใหม่ของเหล่า Expat อย่างแท้จริง ซึ่งอย่าลืมว่าชาวต่างชาติส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มองว่า T77 นั้นเดินลำบากแต่อย่างใด

สำหรับคนไทย โครงการนี้น่าจะเหมาะกับคนที่มีรถยนต์มากกว่า เพราะถึงแม้จาก BTS อ่อนนุช มาหน้าโครงการ T77 จะไม่ไกลถ้านั่งมอไซค์มา (หรือจะให้ใกล้ก็สามารถเดินจาก BTS พระโขนงเข้ามาทางซอยสุขุมวิท 71 ได้เช่นกัน) แต่กว่าจะเข้ามาถึง Hasu Haus ก็ไกลพอตัว ทั้งนี้โครงการก็มีรถรับส่งภายในโครงการถึงหน้าถนนอ่อนนุชไว้ให้บริการ

แสนสิริควรได้รับคำชมในการจัดพอร์ตโครงการที่อยู่อาศัยภายใน T77 ได้อย่างเป็นระเบียบ และตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่ม ซึ่งเป็นความท้าทายอย่างยิ่งใหญ่ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในแบบ Compound Living เพื่อให้ทุกชีวิตมีความ Harmonized กันมากที่สุด

เนื่องจากว่า เราได้พบเห็นรูปแบบของโครงการที่มีคอนเซปท์แตกต่างกันไป ตั้งแต่ทาวน์โฮมไฮเอนด์อย่าง Garden Square คอนโดคู่แฝดอย่าง The Base Park East และ The Base Park West ที่สร้างเพื่อเอาใจคนชอบมุมมองแตะเส้นขอบฟ้า และโครงการ Low Rise ที่ตอบโจทย์ชีวิต Slow Life ในเมืองแบบละเมียดละไมในสไตล์ Modern Resort คอนโดมิเนียม ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ และสายน้ำอย่าง Hasu Haus

จำนวนยูนิตที่ไม่มาก Facility ในแบบแนบชิดติดคลอง และการออกแบบห้องที่เน้นความโปร่งโล่งด้วยเพดานสูง2.7 เมตร พร้อม The Frame* หน้าต่างกระจกบานใหญ่ ที่สามารถเปิดรับวิวและสายลมได้เต็มอิ่มจึงทำให้ ฮาสุ เฮาส์ เป็นคอนโดมิเนียมที่เหมาะแก่การใช้ชีวิตและการพักผ่อนอย่างแท้จริง

ภาพรวมของ Hasu Haus น่าจะเหมาะกับคนที่รักธรรมชาติ ชอบบรรยากาศแบบ modern tropical  ต้องการความเงียบสงบในการใช้ชีวิตหรือพักผ่อน และชื่นชอบ Lifestyle แบบ Slow life ใน community ที่เพียบพร้อม แบบเฉพาะของ T77 ของแสนสิริ

ซึ่งหากใครสนใจ น่าจะต้องรีบตัดสินใจกันหน่อย เพราะเหลือเพียงไม่กี่ห้อง จะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือซื้อไว้ลงทุนก็ไปได้อยู่ เพราะสไตล์การออกแบบและ Facility ครบครันแบบนี้ target ชาวต่างชาติน่าจะชื่นชอบอยู่ไม่น้อย ตอนนี้โครงการเหลือแต่ห้องขนาด 36-37 ตร.ม. โดยราคาเริ่มต้นคือ 3.7 ล้าน เฉลี่ยอยู่ที่ตารางเมตรละแสนต้นๆ เท่านั้นเองครับ