การต่อเติมปัญหาใหญ่ของคนมีบ้าน พลัสฯแนะนำ 5 สิ่งที่ต้องระวัง โดย บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
วันนี้ด้วยปัจจัยของราคาที่ดินที่มีราคาสูงขึ้นทุกปี การออกแบบการใช้พื้นที่ในการอยู่อาศัยจึงต้องเกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในการใช้งาน ฟังก์ชัน และความคุ้มค่ามากที่สุด ดังนั้นจะเห็นถึงการที่คนซื้อบ้านมักจะมีการวางแผนการต่อเติมพื้นที่ในตัวบ้าน การต่อเติมบ้านก็เหมือนกับการขยับขยายพื้นที่แห่งความสุขออกไปให้กว้างขึ้นอีกหน่อย เพราะสิ่งที่เจ้าของบ้านจะได้จากการต่อเติมหน้าพื้นที่ในบ้านนอกจากพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้บ้านของคุณถูกแปลงโฉมใหม่ให้เหมาะสมกับ Lifestyle อีกด้วย โดยพื้นที่ในส่วนที่มักต่อเติมออกมามากที่สุด คือ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น และโรงจอดรถ แต่การจะต่อเติมบ้านนั้นใช่ว่าคิดอยากทำแล้วจะทำได้ทันที ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องรู้ก่อนต่อเติม ดังนั้นวันนี้ทางพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในฐานะผู้บริหารโครงการที่พักอาศัยและอาคารเพื่อการพาณิชย์ กว่า 350 โครงการ พื้นที่กว่า 18 ล้านตร.ม. มีข้อแนะนำในการต่อเติมบ้าน 5 สิ่งที่ต้องระวัง ดังนี้
1. ควรมีการตรวจสอบโครงสร้างเดิมของบ้านก่อนการต่อเติม ซึ่งปัญหาในการต่อเติมบ้าน ส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่มองข้ามในเรื่องของการตรวจเช็กโครงสร้างตัวบ้านเดิม และพื้นที่ดินโดยรอบตัวบ้าน โดยเฉพาะโครงการบ้านจัดสรร บางครั้งตัวบ้านถูกสร้างบนที่ดินที่อาจเคยเป็นแหล่งน้ำ เมื่ออาศัยอยู่ได้สักระยะ พื้นดินจะเกิดการทรุดตัว เพราะการถมที่ดินใช้ระยะเวลาสั้น เมื่อมีการต่อเติมบ้านภายหลัง อาจส่งผลให้เกิดการทรุดตัวจากธรรมชาติได้ ดังนั้นเจ้าของบ้านควรปรึกษาเจ้าของโครงการเรื่องโครงสร้างของตัวบ้าน การวางเสาเข็มใหม่ให้เหมาะสมกับขนาดพื้นที่ต่อเติม เพื่อป้องกันการทรุดตัวเมื่อต่อเติมบ้าน
2. ควรแยกโครงสร้างใหม่ ออกจากโครงสร้างเดิม เป็นอีกหนึ่งวิธีที่แนะนำให้ทุกๆ บ้านทำเมื่อคิดต่อเติมบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแยกตัว (Cracks) ปัญหาผนังแตกร้าว รั่วซึม ระหว่างตัวโครงสร้างบ้านเดิมกับส่วนต่อเติม เนื่องจากการต่อเติมบ้าน มักใช้เสาเข็มที่มีขนาดเล็กกว่าตัวบ้าน ด้วยข้อจำกัดในการเข้าถึงพื้นที่ ที่ไม่สามารถนำปั้นจั่นเข้าไปยังพื้นที่ด้านหลังได้ จึงส่งผลให้โครงสร้างเดิม และส่วนต่อเติมเกิดการทรุดตัวที่แตกต่างกันได้ เพราะขนาดของเสาเข็มแตกต่างกัน เป็นอีกจุดที่ต้องมีการคำนวณลักษณะโครงการหรือหาวิธีการแยกโครงสร้างที่ต่อเติมใหม่ นอกจากไม่กระทบกับตัวบ้านเดิม ยังทำให้การเดินระบบต่างๆ ง่ายต่อการก่อสร้างและลดปัญหาภายหลังจากการต่อเติมอีกด้วย
3. คำนวณการรับน้ำหนักของโครงสร้างบ้านให้เหมาะสม เจ้าของบ้านต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการรับน้ำหนักของโครงสร้างบ้าน โดยเฉพาะคานที่มีอยู่เดิม บางครั้งไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำหนักสำหรับก่อกำแพงอิฐ และฉาบปูน เพื่อต่อเติมในส่วนที่ต้องการใช้งาน เช่น ครัวหลังบ้าน ห้องนั่งเล่นข้างบ้าน ควรเป็นคานที่สามารถรับน้ำหนักของพื้น รวมถึงไม่ควรเชื่อมคานยื่นออกไปจากคานเดิม แต่ควรสร้างคานใหม่เพื่อรองรับพื้น เพื่อป้องกันไม่ให้โครงสร้างบ้านเดิมเกิดความเสียหาย เมื่อส่วนต่อเติมหลังบ้าน เกิดการทรุดตัว
4. การคำนึงถึงกำลังไฟที่ใช้งานในพื้นที่ต่อเติม อาจจะทำการคำนวณว่าในพื้นที่ใหม่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จำเป็นต้องติดตั้งอะไรบ้าง เช่น หลอดไฟ แอร์ ตู้เย็น ปลั๊กไฟ เป็นต้น ควรทำการแยกติดตั้งตู้ไฟคอนซูมเมอร์ที่มีระบบการติดตั้งเบรกเกอร์แบบรางดินออกจากอาคารเดิม เพิ่มกำลังไฟ 10-20 แอมป์ ให้เพียงพอกับความต้องการใช้งาน ประเภทและขนาดของเบรกเกอร์ก็มีส่วนสำคัญควรเลือกใช้ให้เหมาะสม เพราะเบรกเกอร์(Breaker) นั้นไม่ได้มีหน้าที่แค่ใช้ปิด-เปิดไฟเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ตัดวงจรอัตโนมัติหากเกิดการใช้กระแสไฟฟ้าเกิน ที่เป็นสาเหตุทำให้กระแสไฟฟ้าลัดวงจรอีกด้วย โดยเบรกเกอร์ที่ตัดวงจรไฟฟ้าเนื่องจากการลัดวงจรอย่างรวดเร็วภายใน 0.003 วินาทีนั้น เรียกว่าเป็นเบรกเกอร์แบบ Current Limiting
5. ต้องมีการศึกษาเรื่องกฎหมาย หรือ พรบ. ควบคุมอาคาร ข้อจำกัดในการต่อเติมบ้านที่เจ้าของบ้านควรรู้ คือ การเว้นระยะห่างระหว่างอาคารที่ก่อสร้างกับแนวเขตพื้นที่ดินข้างเคียง เพื่อป้องกันความปลอดภัย ง่ายต่อการซ่อมแซม หากต่อเติมพื้นที่ของบ้าน เช่น ครัวหลังบ้าน ต้องทำโดยมีช่องเปิดหรือหน้าต่าง จำเป็นต้องเว้นระยะห่างจากแนวเขตที่ดินข้างเคียง 2 เมตร แต่หากต่อเติมหลังบ้านเป็นผนังทึบ มีกันสาดที่เจ้าของบ้านไม่ได้ใช้งาน ต้องเว้นระยะ 0.50 เมตร แต่บางครั้งมักเห็นข้างบ้านต่อเติมติดรั้ว ก็อาจเป็นเพราะได้รับความยินยอมจากเจ้าของบ้านข้างเคียงเป็นลายลักษณ์อักษร จึงสามารถสร้างได้ตามข้อตกลง นอกจากการระวังไม่สร้างหลังคาบ้านเกินเขตพื้นที่บ้านแล้ว ยังต้องระวังไม่ให้น้ำฝนจากหลังคาบ้านตกลงไปในพื้นที่เพื่อนบ้านจนเกิดความเสียหาย ซึ่งการทำรางน้ำฝนระบายน้ำบนหลังคานับเป็นหนึ่งในทางออกที่ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำฝนร่วงหล่นจากหลังคาได้ โดยเจ้าของบ้านต้องทำการยื่นแบบขออนุญาตต่อเติมกับสำนักงานเขต ฝ่ายโยธา และต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานราชการก่อน รวมถึงทำการแจ้งให้แก่นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรฯ รับทราบด้วย ทั้งนี้พลัสฯ ได้มีมาตรฐานในการตรวจสอบผู้รับเหมา ตั้งแต่กรอกแบบฟอร์มที่ลงรายละเอียดกำหนดระยะเวลาก่อสร้างที่แล้วเสร็จ การขออนุญาตเข้าทำงาน มีเวลาที่ชัดเจนในการเข้าออกพื้นที่โครงการเพื่อไม่ให้กระทบการพักอาศัยในโครงการ รวมไปถึงมีการออกกฎระเบียบในการวางเงินประกันสำหรับป้องกันความเสียหายในพื้นที่ส่วนกลางอีกด้วย