Monthly Roundup ม.ค. 64
New Product
บริษัท เอซ เอสเตท กรุ๊ป จำกัด
เดินหน้าสานต่อความสำเร็จ ร่วมทุน “กลุ่มบริษัททาคูนิ” เปิดตัวโครงการ “ทวี เพชรเกษม-กาญจนาภิเษก” บ้านแนวคิดใหม่ 3 ชั้นสไตล์โมเดิร์นลักซ์ชัวรี่ มั่นใจตลาดแนวราบย่านเพชรเกษม-บางแค ยังมีดีมานด์สูง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคยุค New Normal ด้วยฟังก์ชันครบครัน 3 ที่จอดรถ 4 ห้องนอน พร้อม Double Volume Living room ที่ให้ผนังกระจกสูง เปิดกว้างรับวิวธรรมชาติ พร้อมนวัตกรรม Home Automation ให้ใช้ชีวิตสะดวกสบาย บนทำเลศักยภาพใกล้ เดอะมอลล์บางแค MRT หลักสอง และถนนกาญจนาภิเษก ราคาเริ่มต้น 8.5 ล้านบาท เปิดชมโครงการครั้งแรก 6-7 ก.พ. นี้
โดย ทวี เพชรเกษม-กาญจนาภิเษก (Thawee Petchkasem-Kanchanaphisek) เป็นโครงการบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด 3 ชั้นสไตล์โมเดิร์นลักซ์ชัวรี่ บนเนื้อที่กว่า 15 ไร่ จำนวนเพียง 97 ยูนิต ขนาดที่ดินตั้งแต่ 39-60 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางถึง 200 ตารางเมตร ฟังก์ชั่นภายในตัวบ้านมี 3 ที่จอดรถทุกหลัง 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ซึ่งบ้านแต่ละหลังมอบความเป็นส่วนตัวให้ผู้พักอาศัย ทั้งยังมีพื้นที่สวนสีเขียว L-shape โอบล้อมบริเวณบ้าน
Real Estate Hi-Light
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
กวาดยอดพรีเซลทั้งปี 63 ทะลุ 25,600 ล้าน ชู Key Success ปรับตัวต่อเนื่องทั้งก่อนและหลัง COVID-19 อาทิ การเพิ่มสัดส่วนธุรกิจบ้านจัดสรร การรักษาระดับการลุยธุรกิจคอนโด การวิเคราะห์และปรับกลยุทธ์เจาะดีมานด์ถูกกลุ่ม จนสร้างยอดขายในกลุ่ม Ready to move ได้โดดเด่น ด้านโครงการใหม่ยอดขายแรง ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 4 โกยยอดขายแล้ว 98% คาด COVID-19 ระลอกใหม่กดดันตลาดระยะสั้น ไม่กระทบภาพรวมทั้งปี 64 หลังภาคอสังหาฯ มีประสบการณ์แข็งแกร่ง และจะมีวัคซีนเป็น Game Changer เดินหน้าวางแผนและปรับตัวต่อเนื่องพร้อมรับมือทุกความท้าทาย
ขณะที่โครงการกลุ่ม Ready to move ก็ประสบความสำเร็จจากโครงการ Everyone can sell โครงการที่เปิดโอกาสให้พนักงานเครือออริจิ้นกว่า 1,200 คน กลายเป็น Micro-Influencer สร้างยอดขายได้ด้วยการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตัวเอง โดยโครงการดังกล่าวสร้างยอดขายในปีนี้ได้ถึงราว 10% ของยอดขายทั้งปี
บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
กางแผนรุก-รับอสังหาฯปี 64 ผุด 5 โครงการบ้านแนวราบ พร้อมลุยตลาดเมืองพัทยา วางเป้าเติบโตอย่างมั่นคงโดยนำที่ดินในมือมาพัฒนา ชะลอซื้อที่ดินใหม่ ตั้งเป้าขายทะลุ 3,200 ล้านบาท เดินหน้าปรับกลยุทธ์รับมือตลาดแข่งขันสูง แย้มแผนเจาะตลาดบ้านต่ำกว่า 1.6 ล้าน
ในปี 2564 บริษัทยังคงเน้นการเติบโตอย่างมั่นคง และมีสถานะการเงินที่แข็งแรง โดยได้ชะลอการซื้อที่ดินใหม่ และนำที่ดินที่มีอยู่มาพัฒนาโครงการใหม่ โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,300 ล้านบาท และเป้ารายได้อยู่ที่ 2,200 ล้านบาท และมีแผนเปิดโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่ารวม 3,631 ล้านบาท ประกอบด้วย ไอลีฟ ไพร์ม ประชาอุทิศ 90 โครงการทาวน์โฮม จำนวน 211 ยูนิต มูลค่าโครงการ 441 ล้านบาท, ไอลีฟ ไพร์ม 2 พระราม 2 กม.14 โครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด จำนวนรวม 228 ยูนิต มูลค่าโครงการ 805 ล้านบาท, ไอลีฟ พัทยา-จอมเทียน โครงการทาวน์โฮม จำนวนรวม 384 ยูนิต มูลค่าโครงการ 875 ล้านบาท, ไอลีฟ ไพร์ม 2 ประชาอุทิศ 90 โครงการทาวน์โฮม จำนวน 268 ยูนิต มูลค่าโครงการ 541 ล้านบาท และไอลีฟ ไพร์ม 2 วงแหวน-รังสิตคลอง 4 โครงการทาวน์โฮม จำนวน 460 ยูนิต มูลค่าโครงการ 969 ล้านบาท
บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน)
เผยแผนธุรกิจปี 2564 ตั้งเป้ารายได้โต 10-12% เร่งแผนขยายกำลังการผลิต ทุ่มงบลงทุน 40 ล้านบาท ชูกลยุทธ์ดันมาร์จิ้นเพิ่ม ลดต้นทุน ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ออเดอร์ทั้งในและต่างประเทศล้น รับอานิสงส์โควิด-19 รับการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ ขณะที่ความต้องการสินค้ายังสูง ลุยขยายตลาดส่งออกโตต่อเนื่อง ในประเทศขยายช่องทางจำหน่ายออนไลน์และโมเดิร์นเทรด ปั๊มรายได้ ธุรกิจพลังงาน โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มินบู ประเทศเมียนมาร์ เฟส 2 (50 MW) คาดสามารถ COD ภายในไตรมาส 3 ปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนการขยายตลาดในประเทศ มุ่งเน้นกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางจำหน่ายใหม่ อาทิ จำหน่ายผ่านออนไลน์ ร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำที่มีสาขาทั่วประเทศพร้อมกับแผนการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น รวมถึงยังมีแผนจะเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในประเทศผ่านลูกค้าของบริษัท เพื่อสร้างความหลากหลายของช่องทางการจำหน่ายสินค้า ลดการพึ่งพิงเพียงช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าประเทศอินเดีย จีน อเมริกา ญี่ปุ่น มีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามามากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่งผลให้บริษัทวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ ขณะนี้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อสินค้าถึงไตรมาส 2 ปีนี้แล้ว อีกทั้งยังมีกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่มีศักยภาพอยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายราย ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากยอดขายต่างประเทศอยู่ที่ 66% และในประเทศอยู่ที่ 34%
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
ในปี 2563 ที่ผ่านมา นับว่าแสนสิริประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจภายใต้สภาวเศรษฐกิจและสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งในด้านการขายและโอนโครงการ สามารถสร้างผลงานปิดการขายโครงการที่อยู่อาศัยไปถึง 35 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 64,600 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีผลงานการโอนที่โดดเด่นทั้งในแนวราบและแนวสูง สะท้อนการบริหารจัดการสต็อคที่อยู่อาศัยที่ดี โดยบริษัทมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้กับลูกค้าไปถึง 45,000 ล้านบาท เกินจากเป้าหมายใหม่ที่มีการปรับล่าสุดในช่วงปลายปี คือ 43,000 ล้านบาท หลังจากมีการปรับเป้า โอนเพิ่มขึ้นถึง 4 รอบในรอบปีที่ผ่านมา สร้างประวัติศาสตร์การโอนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของแสนสิริ และทุบทุกสถิติการโอนที่เคยทำได้สูงสุด ในรอบ 36 ปี และโตขึ้นจากปีก่อนถึง 45%
ทั้งนี้ในระยะยาว บริษัทยังมียอดขายรอโอน (รวมโครงการร่วมทุนในคอนโดมิเนียม) มูลค่ารวมประมาณ 24,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การพัฒนาของแสนสิริ 19,800 ล้านบาท และยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การร่วมทุนอีก 4,200 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566 ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แสนสิริเป็นอย่างดีและเสริมความแข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
เผยยอดขายโครงการทั้งหมดในไตรมาส 4/2563 มีจำนวน 4,384 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถทำยอดขายปี 2563 ได้ถึง 17,473 ล้านบาท ดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 4% มั่นใจดีมานด์คอนโดติดรถไฟฟ้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ยังมีต่อเนื่อง
นอกจากนี้บริษัทสามารถโอนโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 3/2563 ทั้ง 5 โครงการ ต่อเนื่องในไตรมาส 4/2563 คือ โครงการแอชตัน อโศก-พระราม 9 โครงการไอดีโอ คิว สุขุมวิท 36 โครงการไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท อีสต์พอยท์ โครงการไอดีโอ รัชดา-สุทธิสาร และโครงการเอลลิโอ สาทร-วุฒากาศ ภายใต้แนวคิดใหม่เพื่อการใช้ชีวิต “THE NEW ICONIC” โดยทั้ง 5 โครงการข้างต้นจะช่วยผลักดันให้ยอดโอนในไตรมาสที่ 4/2563 สูงที่สุดของปี 2563 นี้