PROPHOLIC’s Best of 2020 แม้มีโครงการน้อย แต่ก็ล้วนเป็นความทรงจำที่ดี
ผมเชื่อว่าใครหลายๆคน รวมถึงผมเองก็คงอยากจะบอกว่าปี 2020 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปนี้เป็นปีที่ไม่มีอะไรอันน่าจดจำ ไม่มีอะไรดีพอที่สร้างจะความประทับใจอะไรให้เราในชีวิตเลย โดยเฉพาะในแง่มุมของวงการอสังหาฯบ้านเรา จากเดิมปี 2019 ก็ว่าแย่แล้ว พอมาเจอปีนี้เข้าไปจากความหวัง ความฝันที่จะทำอะไรหลายๆอย่างก็พลันดับวูบไป เรียกได้ว่าถ้ารอดมาได้ก็สะบักสะบอมกันไปถ้วนหน้าเลยทีเดียว…ซึ่งเราในฐานะ Real Estate Publisher ที่ในแต่ละปีต้องเดินทางไปส่อง ไปรีวิวโครงการไม่น้อยกว่าปีละ 200 โครงการ แต่มาปีนี้กลับกลายเป็นว่ามีโครงการให้เราไปเดินส่องดู ทั้งเปิดใหม่และสร้างเสร็จไม่ถึง 100 โครงการเลย แต่ถึงอย่างไรก็ตามในมุมมองของผม โครงการพร้อมอยู่ รวมถึงโครงการเปิดใหม่ที่เปิดตัวในปี 2020 นับว่าเป็นโครงการที่ “มีของ” อยู่ทุกแห่งครับ เพราะเขาเหล่านั้นล้วนแน่ใจ มั่นใจว่าเปิดมาแล้วจะไม่แป๊ก ยังไงของดี มีจุดเด่น ราคาได้ ก็ย่อมมีคนจับจองซื้อหา เพราะสินค้าทุกสินค้าในโลกนี้มนุษย์เราใช้อารมณ์ในการตัดสินใจซื้ออยู่เหนือเหตุผลทั้งนั้นแหละครับ ดังคำกล่าวที่ว่า ความต้องการของมนุษย์ไม่มีวันสิ้นสุด ต่างจากความจำเป็นที่หากเมื่อเราได้ครอบครองแล้วก็จบไป
เวปพร็อพฮอลิคเราไม่ได้มีผู้อุปถัมภ์ หรือมีทรัพยากรมากมายในการลงทุนเพื่อจัดงานมอบรางวัลให้กับเหล่าโครงการน้อยใหญ่ต่างๆ ดังเช่น Publisher รายใหญ่อื่นๆครับ แต่อย่างน้อยเราก็เชื่อว่ามุมมองบางอย่างของเราน่าจะตรงกับความเป็นจริง และตรงกับใจของกลุ่มลูกค้าที่ตัดสินใจเป็นเจ้าของโครงการนั้นไม่มากก็น้อย ดังนั้นในวาระโอกาสนี้ เราจึงขอนำเสนอบทความ PROPHOLIC’ Best of 2020 ซึ่งผมจะขอเรียกว่าเป็น “คำชื่นชม” ให้กับโครงการต่างๆที่ผมมองว่าเป็นโครงการที่มี Point of Different ที่ดีมากๆในสายตาของผมในรอบปีนี้มาให้ละกันครับ…มาเริ่มกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
1. ทาวน์โฮมที่ให้คุณชมสวน และท้องฟ้าได้แม้อยู่ในห้องนอน: บ้านภูริปุรี คอร์ทยาร์ด – พัฒนาการ
ถ้าพูดถึงโครงการทาวน์โฮม หลายๆ คนคงจะนึกภาพถึงอาคารสูง 2-3 ชั้น ที่แม้จะมีพื้นที่ใช้สอยภายในตัวบ้านที่ค่อนข้างมาก แต่หลายๆ โครงการก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดที่ดิน การจัดวาง Space หรือจำนวนห้องนอน – ห้องน้ำให้สัมพันธ์กับการใช้งานกับทุกคนในบ้าน การขาดพื้นที่ใช้งานเอนกประสงค์แบบ Semi – Outdoor หรือพื้นที่ Open Space ขนาดใหญ่ รวมถึงผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ก็มักเลือกที่จะเอาพื้นที่บริเวณสวนหลังบ้านออก เพื่อที่จะต่อเติมเป็นห้องครัว หรือห้องซักรีดแบบใช้งานได้จริงจังมากกว่า ทำให้การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแมกไม้ดูจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากในปัจจุบันได้มีผู้พัฒนาโครงการทาวน์โฮมหลายรายที่ได้มองเห็น Pain Point ของปัญหาดังกล่าว และได้นำนวัตกรรมการออกแบบใหม่ๆ มาใช้ในการสร้างโครงการ เพื่อยกระดับของการอยู่อาศัยแบบทาวน์โฮมให้พัฒนาไปอีกขั้น บ้านภูริปุรี คอร์ทยาร์ด – พัฒนาการ (Baan Puripuri Courtyard – Pattanakarn) คือโครงการที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ในเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด
จุดเด่นที่ชัดเจนของโครงการนี้ และเป็น Extra Benefit ที่แตกต่างจากโครงการทาวน์โฮมที่อื่นๆ ก็จะเป็นออกเป็น 1. การจัดวาง Space ให้ทุกๆ บริเวณของบ้านได้สัมผัสพื้นที่เปิดโล่ง และมีปฏิสัมพันธ์ต่อเนื่องถึงกันได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นส่วนของห้อง Living, Private Courtyard, ห้องนอน แม้กระทั่งห้องครัว 2. เป็นทาวน์โฮมแห่งเดียวที่นำธรรมชาติเข้าสู่ตัวบ้านได้มากที่สุด ทั้งแสงแดด สายลม ต้นไม้ โดยที่ไม่ลดทอนพื้นที่ใช้สอย 3. ห้องแต่ละห้องได้วิวที่ค่อนข้างพิเศษไม่เหมือนทาวน์โฮมทั่วไปที่อยู่ห้องรับแขกได้วิวหลังคารถ อยู่ห้องนอนได้วิวตรงข้ามบ้าน อยู่ห้องครัวได้วิวกำแพง และ 4. จอดรถได้มากถึง 4 คัน
อ่านบทความรีวิวต่อได้ที่นี่ https://bit.ly/3rI5nWS
2. คอนโดที่มีพื้นที่ส่วนกลางน่าใช้งาน สำหรับทุกชีวิตในครอบครัวมากที่สุด: Maru Ladprao 15
สิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดของ Maru Ladprao 15 ที่หลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันก็คือ การมีพื้นที่ส่วนกลางอันเป็นเลิศ (Excellence Facilities) เป็นคอนโดที่แม้จะมียูนิตน้อยเป็นส่วนตัวสูงแค่สามร้อยกว่ายูนิต แต่กลับมีพื้นที่ส่วนกลางที่ออกแบบให้ทุกโซนใช้งานได้จริงและแตกต่างหลากหลายตอบโจทย์คนทุกวัยทุกไลฟ์สไตล์ไม่ว่าจะทำงาน นั่ง นอน ออกกำลังกาย ร้องเพลง กิน เล่น ดูหนัง พาน้องหมาไปเดินชิลล์เพราะที่นี่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ตามเงื่อนไขของโครงการ มี Dog Park ให้โดยเฉพาะครบสุดยอดแห่งพื้นที่ส่วนกลางครับ
เริ่มตั้งแต่ที่ชั้น 1 ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ Outdoor ได้แก่ สวนด้านหลังโครงการ (Verdure Forest) เป็นสวนมีที่นั่งพัก ทางเดิน ที่สำหรับกระโดดเล่นสำหรับเด็ก ซึ่งโซนนี้เป็น Dog Park ในตัว , มีที่สูบลมล้อจักรยาน (Bicycle Parking Rack) พื้นที่อาบน้ำสุนัขและล้างรถมอเตอร์ไซค์ (Bark & Bike Wash) ส่วนพื้นที่ภายในร่มมี Lobby มีโต๊ะพนักงานต้อนรับ ที่นั่งพักคอย , Mailbox , Smart Storage ของ 24Box และมี Co-Living Space เป็นพื้นที่นั่งทำงานที่มองออกไปเป็นสวน สีเขียวสบายตา และเดินบันไดวนเชื่อมต่อมาที่ชั้น 2 มี Hotspot Conference Room ห้องประชุม ห้องทำงาน
กระโดดไปที่ชั้น 7 มีสวนหย่อมวิวเมือง (Wisdom Forest)
ส่วนที่ชั้น 10,15,20 ที่สามชั้นนี้จะมี Pocket Terrace แทรกตัวอยู่ให้อารมณ์ความเป็นส่วนตัว
และชั้น main facility floor อยู่ที่ชั้น 24 รวม Facility ไฮไลท์ ได้แก่ Fitness Room ห้องออกกำลังกายและห้องโยคะ มีสระว่ายน้ำวิวเมืองขนาด half-Olympic พร้อมกับสระเด็กและ warm water pool สระน้ำอุ่นที่ทำอุณหภูมิได้ถึง 38องศา เพื่อความผ่อนคลาย และมีพื้นที่ห้องสำหรับทำอาหารที่ Co-creation Space
ชั้นดาดฟ้า Rooftop มีพื้นที่เพื่อการผ่อนคลายหลากหลาย ได้แก่ Music Box เป็นห้องร้องคาราโอเกะมีไมโครโฟน ลำโพงพร้อม และมีเครื่องเสียงสำหรับเล่นดนตรี ร้องเพลง สังสรรค์ได้เต็มที่อย่างเป็นส่วนตัว ส่วนพื้นที่ภายนอกมี Relax Forest พร้อมกับโซนปิ้งย่าง BBQ Sunken Terrace มีอ่างล้างจาน ถัดมาเป็นมีอัฒจันทร์นั่งชมหนังแบบ Outdoor Theatre และมีโซน Outdoor Pool Table เล่นเกมอย่างสนุกสนานกับเพื่อนฝูง และตบท้ายด้วยพื้นที่ชมวิวเมือง Stargazing Deck อันเป็นส่วนตัว
เรียกได้ว่ามีพื้นที่ส่วนกลางหลากหลาย ครบถ้วน ให้ใช้ได้อย่างเต็มอิ่ม เพียงอยู่แค่ใน Maru Ladprao 15 ก็ไม่ต้องออกไปไหนเลยก็ได้ครับ
อ่านบทความรีวิวต่อได้ที่นี่ https://bit.ly/35MftwB
3. คอนโดที่รายล้อมด้วยฮวงจุ้ยที่ดี ล้ำลึกด้วยปรัชญาตะวันออก ราคาไม่เว่อร์: Supalai Oriental Sukhumvit 39
เพราะเน้นเรื่องฮวงจุ้ย เราจึงเห็นการออกแบบ ที่เน้นคุณภาพของการอยู่อาศัยในแบบหนาแน่นน้อย ด้วยการจัดวางอาคารเพียง 4 อาคารที่พักอาศัย และ 1 อาคารจอดรถ บนเนื้อที่กว่า 10-1-29 ไร่ โดยอาคารประกอบด้วยอาคารสูง 25 ชั้น 2 อาคาร คือ Tower A และ Tower B ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการ และอาคารสูง 35 ชั้น 2 อาคาร คือ Tower C ตั้งอยู่ตรงกลางโครงการฯ และ Tower D ตั้งอยู่ด้านหลังสุด และอาคารจอดรถสูง 9 ชั้นแยก 1 อาคาร อาคารทั้งหมดมีดีไซน์ ฟังก์ชั่นที่แตกต่างกัน เพื่อคุณภาพของการอยู่อาศัย และทั้งโครงการฯมีเพียง 1,046 ยูนิต และร้านค้า 8 ยูนิต ซึ่งถือว่ายูนิตน้อยเมื่อเทียบกับขนาดที่ดิน และโครงการอื่นรอบๆ และทุกอาคาร ถูกจัดวางให้มีพื้นที่โล่งล้อมรอบ ทั้งที่เป็นถนนภายในโครงการฯ และสวนภายในโครงการฯที่มีมากกว่า 3 ไร่ ให้ทุกยูนิตใกล้ชิดธรรมชาติ เพื่อลดความหนาแน่นและสร้างพื้นที่ที่อยู่อาศัยที่สงบใจกลางเมือง
สำหรับคนที่ชอบห้องใหญ่ๆ น่าจะชอบที่นี่มาก เพราะลำพังแค่ห้อง 1 – 2 ก็ว่าใหญ่แล้วถ้าเทียบกับโครงการรอบข้าง แต่ที่นี่จัดห้อง 3 ห้องนอนขนาด 144 – 180 ตรม. และห้อง Penthouse 4 ห้องนอน พื้นที่ใหญ่สุดๆ ถึง 355 ตร.ม. มาให้อย่างจุใจ และที่สำคัญมีราคาต่อยูนิตถูกกว่าห้อง Penthouse ที่อื่นๆ ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในย่านสุขุมวิท ที่ความต้องการในการอยู่อาศัยเป็นครอบครัว ดังจะเห็นได้จากห้องเช่า หรือคอนโดที่เน้นหนักไปทางห้องขนาดใหญ่ 2-4 ห้องนอน ที่พบได้เยอะในอพาร์ทเมนท์ย่านสุขุมวิทตอนกลาง โดยเฉพาะบนถนนสุขุมวิท 39…ที่นี่มีความแตกต่างมากกว่าโครงการอื่นๆ ใน Mid Sukhumvit ที่มักจะมีแต่โครงการคอนโดที่มีพื้นที่โครงการไม่ใหญ่มาก จะหาคอนโด High Rise ใหม่ ตร.ม. ละแสนนิดๆ ห้องใหญ่ที่อยู่ในซอยสุขุมวิท 39 พร้อมที่จอดรถ 100% คงหาไม่ได้แถวนี้อีกแล้ว เมื่อรวมกับเหตุผลทั้ง 12 ข้อที่ได้กล่าวไปแล้ว หลายๆคนก็คงจะได้ข้อสรุปในใจแล้วว่า Supalai Oriental Sukhumvit 39 น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคอนโดแบรนด์เนมราคาประหยัดในย่านสุขุมวิทตอนกลาง ที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ไม่ยากครับ
อ่านรีวิวต่อได้ที่นี่ครับ https://bit.ly/37Z0d0L
4. Super Luxury Condo ติดรถไฟฟ้าทองหล่อ ที่มีห้องออนเซ็น Best in Class ที่สุด: The ESSE Sukhumvit 36
เนื่องจากทาง สิงห์ เอสเตท ก็น่าจะรู้ดีกว่า ตลาดคอนโด Super Luxury บนทองหล่อตอนนี้เต็มไปด้วยคู่แข่งหลายโครงการ ซึ่งเกือบทั้งหมดเน้นการพัฒนาห้องที่มีขนาดใหญ่ให้สมกับฐานะของผู้ซื้อ แต่ในทางกลับกันผู้ซื้อของระดับ Super Luxury จำนวนไม่น้อยก็เกิดความรู้สึกที่ว่าไม่รู้จะซื้อไปทำไมเพราะมีบ้านหลังใหญ่ หรือห้องเพ้นท์เฮ้าส์อยู่แล้วหลายหลัง ซื้อแค่มาพักเป็นบางคราวเท่านั้น บางทีการเติม Option ห้องเริ่มต้นที่มีขนาด 38.5 ตรม.ก็อาจจะเข้ามาตอบโจทย์กลุ่มผู้ซื้อหน้าใหม่ รวมถึงกลุ่มลูกค้าของ Hongkong Land ในฮ่องกงเองที่อยากจะหาซื้อคอนโดที่ถูกพัฒนาโดย Hongkong Land แต่ไม่สามารถหาซื้อได้ที่ฮ่องกง เนื่องจากราคาที่สูงเกินกว่าจะรับได้ก็เป็นได้ อีกทั้งฮ่องกงกับกรุงเทพฯก็อยู่ใกล้กันเพียงแค่นิดเดียว ผมมองว่าน่าจะมี Potential ในการขายที่ดีกว่าการไปจับมือกันพัฒนากับดีเวลลอเปอร์จากญี่ปุ่น ประเทศซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมการเช่าอสังหาฯมากกว่าการซื้อด้วยซ้ำไป
สำหรับพื้นที่ส่วนกลางแน่นอนว่าที่สร้างความว้าวมากที่สุดในสายตาใครหลายๆคนก็คือห้องออนเซ็น ที่น่าจะใหญ่มากที่สุดในบรรดาทุกคอนโดในย่านทองหล่อ แยกห้องชาย – หญิง ห้องละ 2 บ่อที่มีความต่างของอุณหภูมิ 42 องศาและ 38 องศา มีขนาดประมาณห้องละ 230 ตรม. เช่นเดียวกับ Sky Lounge วิวสุดสะพรึง ทั้ง In Door และ Semi – Outdoor บนชั้น 41 ที่ผมกะดูด้วยสายตาแล้ว มันสูงกว่าชั้น 41 ที่โครงการอื่นๆมากเลยอ่ะครับ
อ่านรีวิวต่อที่นี่ครับ https://bit.ly/32A5FnH
5. ทาวน์โฮมหนึ่งเดียวที่มีบ้าน 2.5 ชั้น พร้อมโถง Living แบบ Duplex สูง 5.2 เมตร: Pruksa Ville พหลโยธิน – รามอินทรา
แบบบ้าน Emperor สูง 2.5 ชั้น บ้านหน้ากว้าง 5.5 เมตร แต่ได้พื้นที่ Living เป็น Double Volume สูงถึง 5.2 เมตร ซึ่งนับว่าเป็นแห่งเดียวในตลาดที่ทำแบบนี้ เพราะหากขึ้นชื่อว่าเป็นโถง Living แบบ Double Volume ก็จะมักจะเป็นบ้านขนาด 3.5 ชั้นหมด โดยมีราคาที่แพงกว่า 7 ล้านบาทขึ้นไป
นอกจากนี้โครงการยังเน้นฟังก์ชั่นการอยู่อาศัยแบบ Multi-Generation โดยมีห้องนอนผู้สูงอาศัยอยู่ที่ชั้น 1 และโครงการยังใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีสายหยุดมากกว่าโครงการคู่แข่งโดยรอบที่อยู่ในเส้นวัชรพล และสุขาภิบาล 5 พร้อมทั้งเดินทางเข้าเมืองสะดวกด้วยจุดขึ้น-ลงทางด่วน รามอินทรา-อาจณรงค์
อ่านรีวิวต่อได้ที่นี่ครับ https://bit.ly/34FrVxn
6. Active คอนโดรูปทรงภูเขา ที่มีพื้นที่ส่วนกลางน่าออกกำลังมากที่สุด: Ideo Mobi Sukhumvit Eastpoint
Ideo Mobi Sukhumvit Eastpoint คือคอนโด High-rise ยิ่งใหญ่อลังการ ออกแบบจำลองบรรยากาศของภูเขาหน้าผาหุบเหว ถ้ำและ form ต่างๆ ที่มีในธรรมชาติสอดแทรกไว้ทุกอณูของดีไซน์และ Facility ตั้งอยู่บนที่ดินหน้ากว้างเกือบ 200 เมตร จึงโดดเด่นกว่าโครงการอื่นๆ แบ่งออกเป็น 2 Tower ตึกแรก A 520 ยูนิตและ B 642 ยูนิต มีสระว่ายน้ำเชื่อมต่อทั้งสองอาคาร ความยาวกว่า 60 เมตร มี Jacuzzi และมี Hidden Cave แทรกตัวอยู่ ไฮไลท์สำหรับสายเซลฟี่ต้องเชิญที่ Cave Garden Walk เป็นบันไดเดินจากชั้น G มาสู่ชั้น 5 จำลองจากโถงถ้ำลึกในหุบเขาเร้นลับ
ห้องพักอาศัยเป็นห้องแบบ Spanning Design ห้องหน้ากว้างเริ่มตั้งแต่ 5.2 เมตรไปจนถึงกว้าง 10.2 เมตร เป็นรูปแบบที่แตกต่างจากคอนโดอื่นๆ ในย่านเดียวกัน | ยูนิตที่แนะนำจะเป็น 1 Bedroom 36 ตารางเมตรเพราะมีหน้ากว้าง 7.6 เมตร มีอ่างอาบน้ำ และพื้นที่ walk-in closet ได้ห้องนั่งเล่นกว้างและระเบียงลดเป็น yard เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องนั่งเล่นให้ใหญ่ขึ้น
อ่านรีวิวต่อได้ที่นี่ครับ https://bit.ly/3kRZxyh
7. คอนโดหรูที่เป็น The New Iconic แห่งแรก และแห่งสุดท้าย บนหัวมุมสี่แยกพระรามเก้า: ASHTON Asoke – Rama 9
ซึ่งแน่นอนว่าในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัย บนทำเลที่เป็น Blue Chip Location แบบนี้ ดีเวลลอปเปอร์ทุกรายย่อมมี dilemma อยู่ในใจครับว่า ที่ดินที่ค่อนข้างหายาก ทรงคุณค่า อยู่บนหัวมุม Super Prime Area แบบนี้ จะให้พัฒนาโครงการที่มีราคาถูกไปเลย ก็คงทำให้ถูกกว่าโครงการรอบข้างไม่ได้ ดังนั้นทางออกจึงมีอยู่ 2 Choices ด้วยกันคือ จะเลือกพัฒนาแบบ Economy of Scale ทำคอนโดหน้าตาธรรมดา ยูนิตเยอะหน่อย ไม่มีส่วนกลาง ฟังก์ชั่นอะไรที่มันดูล้ำๆ ขายในราคาที่แพงกว่าชาวบ้านสัก 20% ก็พอแล้ว หรือจะเลือกพัฒนาโครงการที่ดูแหวกแนวจากอาคารข้างเคียง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนกัน เป็น Iconic Building ให้สมกับทำเลที่ได้มา วาง Positioning ให้ฉีกออกจากตำแหน่งของทุกคู่แข่ง แล้วขายในราคาที่สูงที่สุดของย่านนี้เลย เพราะยังไงการซื้อคอนโดของกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงในสมัยนี้ก็มักที่จะเลือกซื้อโครงการที่ match กับภาพลักษณ์ taste ของตัวเองอยู่แล้ว ที่สำคัญก็คือในย่านพระรามเก้าเอง ยังไม่มีโครงการคอนโดอะไรเลยที่สะท้อนภาพลักษณ์ของความหรูหรา มีดีไซน์ที่โดดเด่น แปลกตากว่าใคร เหมาะมากสำหรับบรรดาเหล่าเซเลป คนดังที่ชื่นชอบการถ่ายรูป หรือพาเพื่อนๆมาปาร์ตี้อัพโหลดรูปสวยๆกันบนสระแบบ Double Panoramic Pool ที่ยื่นออกจากตัวอาคาร 6 เมตร ให้ทุกคนในโลกอิจฉาเล่นๆ…เมื่อทางเลือกมาจบลงที่ข้อ 2 ดังนั้นเราจึงได้เห็นแบรนด์ระดับ Top of Hierarchy ของอนันดาอย่าง ASHTON มาลงที่หัวมุมสี่แยกพระรามเก้าแบบนี้ครับ
อ่านรีวิวต่อที่นี่ครับ https://bit.ly/34tml04