Monthly Roundup ส.ค. 63
New Product
บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
ล่าสุดปรับโฉมดีไซน์ใหม่เพิ่มความโมเดิร์นยิ่งขึ้นกับ “บ้านเดี่ยว New Series” ให้ความเป็นส่วนตัวสูง เพียง 42 หลังเท่านั้น ประกอบด้วยแบบบ้าน GEO แบบบ้าน Aqua และ แบบบ้าน Oxy ที่ดิน 60 – 90 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 154 –198 ตารางเมตร ราคาเริ่ม 8 – 12 ล้านบาท ด้วยรูปแบบบ้านเดี่ยว ฟังก์ชั่นรองรับสูงสุด 3 – 4 ห้องนอน พร้อมห้องน้ำในตัวทุกห้องนอน ชั้นบนพิเศษกับส่วนพักผ่อนในห้องนอนใหญ่ ห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหารออกแบบตกแต่งหรูด้วยวัสดุระดับพรีเมี่ยม พื้นปาร์เก้ไม้สัก แข็งแรงด้วยมาตรฐานการก่อสร้างจากอิฐมอญแดง ภายในบ้านติดตั้ง Active Air Fresh ที่ช่วยระบายความร้อน กรองฝุ่น PM 2.5 พร้อมเทคโนโลยี Smart Home Automation ระบบเปิด-ปิดไฟและแอร์ พร้อมที่จอดรถ 2 คัน
ยกระดับที่อยู่อาศัยจุดเริ่มต้นของหมู่บ้านเสนา บ้านทุกหลังติดตั้งโซลาร์ที่ช่วยประหยัดพลังงานภายในบ้าน และนวัตกรรม Solar Scale – Up ที่จะช่วยให้คุณสามารถปรับ-เพิ่มจํานวนแผง Solar ตามการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัย ตั้งแต่ 2 – 5 กิโลวัตต์ รองรับไลฟ์สไตล์การใช้ไฟฟ้าของผู้อยู่อาศัย
บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
เปิดขายโครงการ “ควินทารา ภูม สุขุมวิท 39” (Quintara Phume Sukhumvit 39) นับเป็นคอนโดมิเนียมโครงการที่ 2 ของปี 2563 นี้ และเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร รวม 323 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ตั้งอยู่ในซอยพร้อมพงษ์ หรือซอยสุขุมวิท 39 เป็นห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ตั้งแต่ 30-38 ตร.ม. และแบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ตั้งแต่ 58-64 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ 2.99 ล้านบาท มีราคาขายเฉลี่ยของโครงการอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งถือว่าถูกที่สุดในทำเลนี้ เพราะเป็นทำเลยอดนิยมของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
ทางโครงการฯ ได้เปิดพรีเซลแบบ Online booking 24 Hrs. ซึ่งลูกค้าสามารถชมห้องตัวอย่างออนไลน์ในรูปแบบ VR 360 องศา ที่บ้านได้ง่ายๆ หรือหากต้องการเดินทางมาชมห้องตัวอย่างจริงที่สำนักงานขายก็อุ่นใจด้วยมาตรการป้องกันโควิด-19 ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข โดยในวันที่ 8 เดือน 8 นี้ บริษัทได้จัดแคมเปญ QUINTARA 1 DAY 1 DEAL ราคาเดียว เริ่มต้นที่ 2.99 ล้านบาท และจองเริ่มต้นเพียง 888 บาท นอกจากนั้นยังมีโครงการควินทารา คีเนท รัชดาฯ 12 โครงการควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 โครงการควินทารา อาเท่ สุขุมวิท 52 นำเสนอขายในราคาที่คุ้มค่าน่าซื้อ
บริษัท ภัทรเฮ้าส์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
พัฒนาโครงการ โมทีค แจ้งวัฒนะ 10 (Motique Changwattana 10) เป็นบ้านระดับลักซัวรี่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Your Unique Living” เป็นแห่งแรก สำหรับโครงการ โมทีค แจ้งวัฒนะ 10 มีมูลค่าโครงการประมาณ 328 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2 ไร่ 2 งาน 59.1 ตารางวา เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวน 12 ยูนิต มีราคาขายอยู่ที่ยูนิตละ 22.5 – 31.7 ล้านบาท โดยบ้านเป็นรูปแบบ 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ขนาดที่ดิน 58.30 – 76.50 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 435 ตารางเมตร ห่างจากถนนแจ้งวัฒนะเพียง 150 เมตร และ 1 กิโลเมตรถึงถนนวิภาวดีรังสิต รวมถึงยังอยู่ใกล้จุดขึ้นลงโทลล์เวย์และทางด่วนพิเศษศรีรัช
โครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดในไตรมาส 1 ของปี 2564 ซึ่งด้วยความโดดเด่นของโครงการที่เป็นบ้านลักซัวรี่ และเป็นเจ้าเดียวบนถนนแจ้งวัฒนะที่มีโปรดักท์แบบนี้ ส่งผลให้มีลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโครงการอย่างต่อเนื่อง มีทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและซื้อเพื่อลงทุน เพราะเล็งเห็นว่าโครงการอยู่ในทำเลที่ดีและมีศักยภาพ โดยคาดว่าจะสามารถปิดการขายทั้งหมดภายในต้นปี 2564 และเรามีแผนที่จะเปิดตัวโครงการบ้านลักชัวรี่ที่ซอยลาดพร้าว 23 ซึ่งเป็นโครงการใหม่ในปีหน้า
บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
เปิดตัวคอนโดมิเนียมเซ้กเม้นท์ ลักซ์ชัวรี่ “MUNIQ Sukhumvit 23” (มิวนีค สุขุมวิท 23) โครงการคอนโดมิเนียมหรูไฮไรซ์ บนทำเลระดับพรีเมียมย่านอโศก – สุขุมวิท มูลค่า 2,800 ล้านบาท ใจกลางย่านธุรกิจ แวดล้อมด้วยศูนย์การค้าชั้นนำ อาคารสำนักงานเกรดเอ ใกล้สถานีรถไฟฟ้า MRT สุขุมวิท 200 เมตร และจาก BTS อโศก 300 เมตร โดดเด่นด้วยดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ ชูจุดแข็งตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่รสนิยมดี ภายใต้แนวคิด “LIVE AS ART” ผสานศิลปะเข้ากับการออกแบบ และการใช้สอยพื้นที่อย่างลงตัว
โครงการ มิวนีค สุขุมวิท 23 ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 23 มีขนาดพื้นที่ประมาณ 1-1-35 ไร่ สูง 36 ชั้น จำนวน 201 ยูนิต มีห้องชุด 2 รูปแบบ โดยเป็นห้องชุดขนาดเริ่มต้น และห้องชุดแบบ The collection หรือที่เรียกว่า “มินิเพ้นท์เฮ้าส์” ที่มีเพียง 12 ยูนิต ของทั้งโครงการ ขนาดใช้สอยอยู่ที่ 83.22 – 191.11 ตร.ม. ในรูปแบบของห้องชุดซิมเพล็กซ์ (Simplex) ,ห้องชุด ดูเพล็กซ์ (Duplex) และห้องชุด ทริเพล็กซ์ (Triplex) สำหรับห้องชุดปกติขนาดเริ่มต้น 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 34.74 – 43.46 ตร.ม. ห้องชุด 2 ห้องนอน มีพื้นที่ใช้สอย 54.68 – 99.27 ตร.ม. พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งฟิตเนส สระว่ายน้ำลอยฟ้า จากุชชี่ พื้นที่ส่วนกลาง และสะดวกสบายด้วยที่จอดรถ ซึ่งมีพื้นที่สำหรับจอดทั่วไปและที่จอดรถอัตโนมัติได้ถึง 166 คัน หรือ 82% ของจำนวนห้อง
Real Estate Hi-Light
บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
ครึ่งหลังของปี 2563 นี้ บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าดัน 3 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ภายใต้แบรนด์ NUE ได้แก่ “นิว โนเบิล งามวงศ์วาน” ติดรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำตาล สถานีจุฬาเกษม เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 5 สาย ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากการเปิดจองรอบพิเศษที่สำนักงานขายและรอบจองออนไลน์ที่ผ่านมา, “นิว โนเบิล รัชดา – ลาดพร้าว” ติดรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน และ “นิว โนเบิล ไฟฉาย – วังหลัง” ติดรถไฟฟ้าสถานีไฟฉาย ทั้ง 3 โครงการเน้นชูจุดเด่นดีไซน์คอนโดห้องหน้ากว้าง ส่วนกลางจัดเต็ม ในราคาที่จับต้องได้
และเชื่อมั่นว่าทั้ง 3 โครงการใหม่จากแบรนด์ NUE จะสามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายใหม่ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยบนทำเลศักยภาพติดรถไฟฟ้า ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตและการลงทุน โดยในปี 2564 ทางบริษัทฯ วางแผนเตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ NUE เพิ่มอีกอย่างน้อย 3 โครงการ เพื่อรุกตลาดกลุ่มเป้าหมาย NUE และขยายโครงการอย่างต่อเนื่อง
บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
พิสูจน์ผลงาน ทุบทุกสถิติที่เคยทำมา ด้วยตัวเลขรายได้รวม (100% JV) เฉพาะในไตรมาส 2 ที่สูงถึง 13,140 ล้านบาท ส่งผลให้ครึ่งปีแรกมีรายได้รวมแล้ว 19,960 ล้านบาท สะท้อนความพร้อมขององค์กรและภาพเรียลดีมานด์ที่ยังมีอยู่ท่ามกลางซูเปอร์โนวาลูกใหญ่ รุกแผนต่อเดินหน้าพลิกโฉมชีวิตในทาวน์โฮมด้วย THE LONGEVITY MATRIX แนวคิดการสร้างพื้นที่ชีวิตที่ยืนยาว ด้วยการเชื่อมต่อสุนทรียะการอยู่อาศัยเข้ากับการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางสำหรับคนทุกช่วงวัย พื้นที่อยู่อาศัยที่เป็นส่วนตัวและคุ้มค่ากับ 2 โพสิชันนิ่งใหม่ ‘วิถีบ้านกลางเมือง บรรทัดฐานที่ดีที่สุดแห่งการใช้ชีวิต – พลีโน่ บ้านหลังแรกที่ดีที่สุด’ ผ่าน 13 โครงการใหม่ มูลค่า 15,350 ล้านบาท เริ่ม 1.99 – 8 ล้านบาท
บริษัทฯ จึงเดินหน้าตามแผนพลิกโฉมการอยู่อาศัยในทาวน์โฮมใหม่ ภายใต้ THE LONGEVITY MATRIX แนวคิดเพื่อสร้างพื้นที่ชีวิตที่เหนือกว่าทาวน์เฮ้าส์แบบเดิมๆ ด้วยการเชื่อมต่อสุนทรียะการอยู่อาศัยเข้ากับการออกแบบสเปซใน 3 องค์ประกอบสำคัญ คือ 1. การพัฒนาส่วนกลางสำหรับคนทุกวัย 2. การสร้างพื้นที่อยู่อาศัยที่ให้ความเป็นส่วนตัวและคุ้มค่า และ 3. การสร้างสังคมแห่งการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพ ซึ่งทั้งหมดจะสะท้อนผ่านทาวน์โฮมแบรนด์ บ้านกลางเมือง และพลีโน่ ในมิติที่แตกต่างกันตามโพสิชันของแบรนด์ กับ 13 โครงการใหม่
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
บริษัทมีรายได้รวม 3,292 ล้านบาท (Non-JV) ตามการเติบโตของยอดโอนที่ทำได้ 3,088 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 707 ล้านบาท เพิ่มขึ้น QoQ 58% และ19% ตามลำดับ หลังกวาดยอดโอนรวมไปกว่า 3,832 ล้านบาท โดยเป็นโครงการ Non-JV 3,088 ล้านบาท และโอนต่อเนื่องโครงการ JV จากไตรมาสแรกอีกกว่า 743 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทก้าวสู่ 1 ใน 3 ผู้นำ หรือ “TOP3” ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย
นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ ทั้งโครงการบ้านจัดสรร และโครงการ Non-JV พร้อมทยอยโอนกรรมสิทธิ์ในครึ่งหลังของปี เพิ่มอีก 10 โครงการ และยังมีโครงการ JV ที่จะสร้างเสร็จใหม่ พร้อมทยอยโอนอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช เริ่มทยอยโอนในไตรมาส 3/2563 และโครงการไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน เริ่มทยอยโอนในไตรมาส 4/2563 มูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 17,100 ล้านบาท โดยกลุ่มโครงการ JV มียอดรอรับรู้รายได้รออยู่แล้วถึงกว่า 90% ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี 2563 บริษัทมั่นใจการเติบโตจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ที่ยอดโอน 14,000 ล้านบาท และรายได้รวม 16,000 ล้านบาท
บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
บริษัทมีผลดำเนินงานที่เติบโตสวนกระแสระหว่างช่วงสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากลูกค้ามีความต้องการบ้านเพิ่มขึ้นและด้วยปัจจัยความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าและบริการ พร้อมกับมีบ้านทุกระดับราคาในทำเลศักยภาพครอบคลุมทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ทำให้บ้าน SC ขายดีมากและทำสถิติยอดขายรายไตรมาสสูงสุดในช่วงไตรมาส 2/63 โดยมียอดขายรวม 6,220 ล้านบาท เติบโต 47% (YoY) ทั้งนี้มาจากยอดขายแนวราบ 5,652 ล้านบาท เติบโตพุ่งถึง 116% (YoY)
สำหรับในครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนเปิดโครงการแนวราบอีก 7 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 7,800 ล้านบาท พร้อมกับโครงการที่เปิดขายต่อเนื่องจำนวน 51 โครงการ มูลค่าคงเหลือเพื่อขายรวมกว่า 40,500 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 43 โครงการ และคอนโด 8 โครงการ
บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน)
ประกาศผลประกอบการไตรมาสสอง ปี 2563 มียอดรับรู้รายได้ที่ 1,304.4 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 50% โดยบริษัทยังคงรักษาความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรของบริษัทปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทมีการบันทึกรายการกำไรที่เกิดจากการถูกเวนคืนโครงการขายโครงการหนึ่งของบริษัท ซึ่งบริษัทได้รับเงินชดเชยมาเป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้ในไตรมาสสองนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 395.8 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 164%
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท โดยกำหนดวัน Record Date ผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 28 สิงหาคม 2563 และจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในวันที่ 11 กันยายน 2563 นี้ ซึ่งเมื่อเทียบกับระดับราคาหุ้นปัจจุบัน คิดเป็น Dividend Yield ทั้งปีที่ราว 9.7%