[1st Impression] BuGaan Rama9-Meng Jai บูก้านโครงการที่ 4 ที่มอบความ Exclusivity บนรสนิยมที่แตกต่างกว่าที่เคย
BuGaan (บูก้าน) คือโครงการบ้านเดี่ยวที่มอบความตื่นตาตื่นใจให้กับเราในทุกครั้งที่เปิดตัวโครงการใหม่ ด้วย Brand Propose ที่ต้องการส่งมอบโครงการที่สะท้อนรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของออกมาได้อย่างตรงจริตมากที่สุด จึงทำให้ Detail ของงานดีไซน์บ้าน และคอนเซปท์ในการออกแบบสเปซ มีความแตกต่างไม่เหมือนกันเลยในแต่ละที่ ซึ่งการมีคุณลักษณะของ Brand Role ที่มีส่วนผสมอย่างลงตัวระหว่างความเป็น Changemaster และ Tastemaker แบบนี้ ล้วนส่งผลดีต่อตัวแบรนด์ที่สามารถปรับตัว Evolvement ไปได้เรื่อยๆตามความต้องการที่เปลี่ยนไปของกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังช่วยสร้างความ Rarity ให้กับตัวโครงการ เปรียบดั่งงาน Masterpiece เพียงหนึ่งเดียว ที่ไม่สามารถหาบ้านสไตล์นี้ที่อื่นได้…วันนี้แสนสิริได้ส่งโครงการ BuGaan Rama9-Meng Jai ออกมาสู้ตลาดบ้านเดี่ยวในกลุ่ม Luxury ที่กำลังแข่งดุมากในย่านพระราม 9 – เลียบด่วน ต่อจาก 3 โครงการแรกที่ได้รับผลตอบรับดีสุดๆ (ได้ข่าวมาว่าตอนนี้ขายไปได้แล้ว 1 หลังจากทั้งหมด 8 หลังครับ) เรามาดูกันว่าที่นี่จะมีอะไรน่าสนใจ และจะหวือหวากว่าโครงการที่ผ่านๆมามากแค่ไหน กับ Range ราคาในระดับ 70 – 180 ล้านบาท* แต่มีเพียง 8 หลัง ซึ่งขึ้นแท่นว่าเป็นโครงการที่มีราคาสูงสุดในย่านนี้ไปเลย
BuGaan คือเรื่องราวของการหลอมรวมวิถีชีวิตของความเป็น Luxury Lifestyle ในแบบ New Luxury ที่เน้นเรื่องมิติของประสบการณ์การใช้ชีวิตในแบบ Enriched Experiences กับดีไซน์การออกแบบในสไตล์ Modern Luxury Living ความใส่ใจในทุกรายละเอียดกับสเปซและฟังก์ชัน รองรับไลฟ์สไตล์ยุคปัจจุบันที่หลากหลายอย่างเหนือระดับ โดยแบรนด์ BuGaan เป็นแบรนด์ที่มีแนวคิดมากกว่าบ้านทั่วไป ที่มักจะเน้นในเรื่องของอรรถประโยชน์ในการพักอาศัยตามแบบสมัยนิยม แต่ทุกโครงการภายใต้แบรนด์ BuGaan สะท้อนถึงรสนิยมความหลงใหลของผู้อยู่อาศัย ผ่านการถ่ายทอดลงบนงานออกแบบที่บ่งบอกไลฟ์สไตล์ในแบบเฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร ด้วยการใส่ใจในรายละเอียด ทุกดีเทล สะท้อนตามสโลแกน My Home Speaks for Myself บ่งบอกความเป็นตัวตน และ Brand Meaning ที่ชัดเจนที่สุด คือ “บ้าน GU” ซึ่งที่ BuGaan Rama9-Meng Jai นั้นจะมีแนวทางของการออกแบบในสไตล์ Organic Brutalism ที่ได้ลดทอนงานตกแต่งภายนอกจากเดิมที่เราคุ้นชินกับลวดลายสุดหวือหวาของ Stone Surface ที่ facade บ้านออก โดยเปลี่ยนมาใช้เป็นธีม Raw, Bold and Natural ที่ถ่ายทอดสไตล์ออกมาเป็นเส้น facade แนวตั้งลายไม้เพื่อให้ดูอบอุ่นเป็นธรรมชาติมากกว่าเดิม โดยที่ยังคงความทันสมัยเอาไว้ด้วยกระจกบานใหญ่ต่อเนื่องบริเวณชั้น 2 และกระจกโค้งเข้ามุมที่ Inner Court ภายในบ้าน เช่นเดียวกับการลดทอนสีสันอันจัดจ้านของการแต่งบ้านตัวอย่างให้ออกมาเป็นสี Earth Tone เป็นหลัก โดยมีไฮไลท์สำคัญเป็นโซฟาแบรนด์ de Sede รุ่น DS- 600 อันมีประวัติเลื่องชื่อยาวนานตั้งแต่ปี 1972 สั่งทำพิเศษจากสวิตเซอร์แลนด์ในราคาเฉียด 3 ลบ. ซึ่งมีความพิเศษตรงที่มีโครงสร้างเป็น Modular และนำมาประกอบเรียงติดกันด้วยระบบซิป จนออกมาเป็นรูปทรงโค้งแบบกระดูกงู!