Artha Phahol – Ari (อาธาร์ พหลฯ – อารีย์) คือพูลวิลล่า 3 ชั้นครึ่ง พร้อมดาดฟ้า เพียง 3 หลังที่มาพร้อมกับงานสถาปัตยกรรมสไตล์ MCM บนทำเลเปี่ยมเสน่ห์ที่พร้อมสะกดให้หลงใหลเพียงก้าวแรกที่ได้สัมผัส อย่างย่านพหล -อารีย์ (ซอยพหลโยธิน 14 เชื่อมต่ออินทามระ 4 ตรงข้ามคอนโด Baxter ของตระกูลพรชำนิ)
ย่านนี้ต้องบอกว่าเป็นย่าน Residential ที่มีคนติดถิ่นเยอะ ไม่อยากย้ายออกไปไหน เพราะเป็นย่านเก่าแก่ที่สงบเป็นส่วนตัว มีบริบทของเมืองเก่า ย่านการค้าเก่าที่ผสมกลมกลืนเข้ากับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ ที่เข้ามาพร้อมกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว และอาคารสำนักงานเกิดใหม่มากมาย จนเกิดเป็นเอกลักษณ์อันพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ภาพการอยู่อาศัยในปัจจุบันและอนาคตของย่านพหล – อารีย์ รวมทั้งเส้นทางใกล้เคียงอย่างประดิพัทธ์ สะพานควาย และอินทามระ ดูจะเปี่ยมไปด้วยสีสันของการอยู่อาศัยในแบบ Vertical Living บนคอนโดสูง เพื่อให้สอดรับกับราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงดีมานท์การอยู่อาศัยทั้งจากคนในถิ่นเดิม และกลุ่มคนหน้าใหม่ที่ต้องการย้ายเข้ามาใช้ชีวิตในแบบไม่เหมือนใครในย่านนี้…แต่สำหรับใครหลายๆคนที่คุ้นชินกับการอยู่อาศัยในย่านนี้ ต้องการให้ลูกหลานอยู่ร่วมกันในบ้านหลังใหญ่ บนทำเลที่ทรงคุณค่าในสายตาของผู้ที่เป็นเจ้าของ ก็ย่อมต้องการที่จะมองหาโครงการที่อยู่อาศัยในรูปแบบบ้านเดี่ยวมากกว่าคอนโด โดยในย่านพหล – อารีย์นั้น ต้องบอกว่ามีโครงการแนวราบระดับ Luxury อยู่ไม่มากนัก ที่เรารู้จักกันดีก็จะเป็นโครงการอย่าง Malton และ iNine ซึ่งทั้ง 2 โครงการเป็นโครงการบ้านจัดสรรในรูปแบบ Gated Community ในขณะที่ Artha Phahol – Ari นำเสนอความแตกต่างทั้งในเชิงงานออกแบบ และรูปแบบโครงการที่ทำออกมาเป็นพูลวิลล่าริมถนนเพียงแค่ 3 ยูนิต ซึ่งนั้นก็หมายความว่าผู้ซื้อจะสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งาน และรูปแบบบ้านได้ในอนาคต ในแบบ Flexible Plan ไม่ต้องมากังวลว่า การปรับปรุงแก้ไขใดๆจะอยู่ในข้อกำหนดของนิติบุคคล เพราะไม่มีค่าส่วนกลาง ที่นี่จึงน่าจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของเหล่าผู้มีกำลังซื้อที่มองหาที่ดินเปล่าเพื่อสร้างบ้านเองด้วยเช่นกัน
ตัวโครงการมีการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ มีการเลือกสรรวัสดุ จัดวาง Space Planning และฟังก์ชั่นการใช้งานที่สะท้อนถึงรสนิยมของความสมบูรณ์แบบที่หาได้ยากมากในย่าน พหล – อารีย์ โดยในด้านของงานออกแบบสถาปัตยกรรม (โดยทิศทาง สตูดิโอ) ที่นี่จะได้รับแรงบันดาลใจมาจาก งานสถาปัตยกรรมโมเดิร์นช่วงกลางศตวรรษ ที่ 20 หรือที่เรียกว่า Mid Century Modern ที่ได้รับอิทธิพลมาจากสถาบันออกแบบ Bauhaus โดยจะมีลักษณะของฟอร์มอาคารที่ เรียบนิ่ง เน้นความเรียบง่าย และรูปทรงเรขาคณิตที่ถูกนำมาทับซ้อนให้มีมิติ แต่มีสัดส่วนที่สวยงาม มีการจัดองค์ประกอบที่ชัดเจน พร้อมการใช้วัสดุที่หาได้ง่ายอย่างกระจก คอนกรีต และเหล็กกล้า มุ่งเน้นไปที่การเปิดเผยวัสดุที่แท้จริง ลดทอนรายละเอียดของวัสดุหรูหราที่เกินความจำเป็น โดยจะเห็นได้จาก Facade ของตัวอาคารที่โดดเด่นด้วย Facade กรอบปูนทรงเรขาคณิตมาทับซ้อนกับกระจก เพื่อทำหน้าที่เป็นครีบบังแดดและบังสายตาจากคนภายนอก ให้ความสมบูรณ์แบบในงานสถาปัตยกรรมที่มีความงามเข้ากับบริบทของย่านผู้ดีเก่าแก่อย่างพหล-อารีย์ให้มีความร่วมสมัยคงอยู่ได้ตลอดไป