[1st Impression] Park Heritage Pattanakarn วิลล่าหรู 3 ชั้น ท่ามกลางธรรมชาติและแมกไม้บนทำเลที่ใกล้เอกมัย – ทองหล่อมากกว่าใคร ที่พัฒนาการ 20 แยก 8
ในบรรดาบ้านเดี่ยวทั้ง 7 แบรนด์ใหม่ของสัมมากรที่เน้นพัฒนาเพื่อให้สอดรับกับรสนิยม และดีมานด์ที่เปลี่ยนไปของกลุ่มผู้ซื้อ Gen ใหม่ ซึ่งมักมองหาบ้านที่ช่วยเติมเต็มความปรารถนาในการอยู่อาศัยบนไลฟ์สไตล์ที่เป็นปัจเจก แบรนด์ Park Heritage (พาร์ค เฮอริเทจ) คือแบรนด์ที่ผมชอบมากที่สุด ด้วยเหตุผล 4 อย่างครับ
1. นี่คือโครงการบ้านจัดสรรของสัมมากรที่อยู่ใกล้ศูนย์กลางของกรุงเทพฯอย่างทองหล่อมากที่สุดแล้ว เพราะอยู่ในซอยที่ผมคุ้นเคยดีอย่างพัฒนาการ 20 ซึ่งเดินทางออกจากปากซอยตรงๆไปนิดเดียวก็ถึงแยกคลองตัน หรือจะวนออกไปทางอ่อนนุช 17 ก็ได้ หรือจะเข้ามาจากซอยพัฒนาการ 32 – 30 ย่าน High End Residential Area แห่งใหม่ของกรุงเทพฯก็ได้เช่นกัน และด้วยการที่โครงการอยู่ตรงข้ามรั้วโครงการหมู่บ้านผกามาศเลย ยิ่งทำให้เรามีตัวเลือกในการเดินทางที่เร็วขึ้นด้วยการจ่าย 10 บาท และวิ่งทะลุหมู่บ้านออกไปซอยสุขุมวิท 71 เข้าพระรามสี่ได้ในพริบตาเลยฮะ
2. ความเป็นส่วนตัว ท่ามกลางพื้นที่สีเขียว ต้องบอกว่านี่คือโครงการในกลุ่มแบรนด์เซกเมนท์ Luxury ซีรีย์ใหม่ที่มีขนาดของพื้นที่โครงการเยอะที่สุดแล้วของสัมมากรครับ ซึ่งที่ผ่านๆมาหากเป็นโครงการระดับ Luxury – Super Luxury ขึ้นไปจะมีพื้นที่โครงการไม่มาก มีจำนวนยูนิตไม่ถึง 10 ยูนิต เลยทำให้กลุ่มผู้ซื้อหลายๆคนที่อยากจะ Enjoy กับพื้นที่สวนขนาดใหญ่ ต้นไม้เยอะๆ สระว่ายน้ำกว้างๆจากพื้นที่ส่วนกลาง ต้องเจอข้อจำกัดในเรื่องนี้ อีกทั้งเมื่อมองจากข้างนอกโครงการก็จะเห็นตัวบ้านเลย มันดูไม่ Provate โดย Park Heritage ถูกออกแบบให้เป็นวิลล่าหรู 3 ชั้น สไตล์ Modern Classic ซึ่งเป็นสไตล์ที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์จากทุกโครงการใหม่ในย่านนี้ แบ่งเป็น 32 หลัง โดยมีจุดเด่นที่เรื่อง Privacy ด้วยการจัดผังโครงการเป็น Cluster Zone ที่ไม่สามารถทะลุผ่านกันได้ และออกแบบให้บ้านที่ติดกับถนนหลักนั้นมีการหันหลังบ้านติดกับถนน โดยมีการออกแบบเป็น Double Front เพื่อหลังบ้านที่ติดกับถนนหลักมีความกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งกับอุโมงค์ต้นไม้ที่ทอดยาวตลอดถนนโครงการ
จากผลงานการออกแบบของ สถาบันอาศรมศิลป์ ที่คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของผู้อาศัยเป็นหลัก โดยวางผังบ้านเรียงเป็นแบบแนวเดียว เพื่อให้บ้านแต่หลังไม่ชนกัน และบ้านที่ติดถนนหลักจะถูกออกเเบบให้หันหลังบ้านติดกับถนน โดยมีรั้วต้นไม้แบ่งเป็น Cluster Zone แต่ละโซนมีจำนวนหลังไม่มาก รวมถึงมีแนวคิดเน้นให้คุณค่ากับต้นไม้และธรรมชาติ สำหรับเป็นสมบัติที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นตามคอนเซ็ปต์ของ Park Heritage ดังนั้น จึงออกแบบให้ทุกพื้นที่ของโครงการฯ ผสมผสานกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน ด้วยการเลือกใช้ไม้ฟอร์มสวยขนาดใหญ่ เช่นต้นหมากเม่า ต้นจิบน้ำ ต้นฉนวนทอง เพื่อสร้างบรรยากาศภายในโครงการให้รู้สึกถึงความร่มรื่นและผ่อนคลาย โดยเมื่อเข้ามาในโครงการฯ จะสัมผัสกับต้นไม้ใหญ่ตั้งแต่ประตูทางเข้าบริเวณคลับเฮ้าส์ ก่อนที่จะเจอกับ Signature Tree ต้นไม้ประจำโครงการฯ และถนนหลักที่เป็นอุโมงค์ต้นจามจุรีปกคลุมทอดยาวไปจนสุดโครงการฯ ตลอดจนมีกลุ่มต้นไม้ที่อยู่บนพื้นที่ทางเข้าบ้านของแต่ละโซน และสวนส่วนกลางอีกด้วย
3. ให้ความสะดวกสบายในบ้านมาค่อนข้างครบ ไม่ต้องเสียเวลาและเสียเงินเพิ่มเติมในการติดตั้งเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นแอร์ครบทุกห้อง ครัวครบทั้งครัวไทย และครัวนอก [เป็นชุดครัว Dada Kitchen จากอิตาลี พร้อม Kitchen Appliances จาก Küppersbusch ทุกชิ้นตั้งแต่ เตาอบ เตาไมโครเวฟ เตาไฟฟ้า ที่ดูดควัน และตู้เย็น Built – in] ให้แอร์ Daikin VRV ครบทุกห้อง ให้ลิฟท์บ้านทุกหลัง และให้สระว่ายน้ำส่วนตัวสำหรับบ้านขนาด M และ L ห้องน้ำแต่สวยขนาดใหญ่ พื้นชั้นบนเป็น Engineered Wood สีโอ้ค ข้างล่างเป็นกระเบื้องพอร์ชเลน เพดานแต่ละชั้นสูง 2.7 เมตร ส่วน Double Volume ที่ Type L สูง 6.4 เมตร ได้ลิฟท์บ้านทุกหลัง สระว่ายน้ำให้ที่ Type M และ L ซึ่งการให้ของราคาแพงมาครบแบบนี้คือประหยัดงบประมาณไปได้หลายล้านบาทมากๆเลยครับ
4. การออกแบบโครงการที่เป็นเอกลักษณ์มีความ Harmony และ Balance กันระหว่าง Modern, Classic, Urban และ Nature ที่ดึงเอาความหรูหราตามธรรมชาติ ผ่านการเชื่อมโยงบรรยากาศภายนอกบ้านจากส่วนกลางมาสู่ภายในบ้าน ด้วย Element ที่มีความเป็นธรรมชาติทั้ง Facade ที่เพิ่มลวดลายแนวตั้งด้วยเส้นอลูมิเนียมคอมโพสิทลายไม้ และสังเคราะห์ลวดลายหินอ่อน Travertine ที่มอบความ Timeless สง่างามเหนือใคร โดยบ้านทั้ง 3 แบบจะมี Detail ในการออกแบบและจัดฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกัน ไม่ได้มีแต่การขยายพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้นตามขนาดบ้านเพียงอย่างเดียว