แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำสายหลักของประเทศไทย เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของชาวกรุงเทพมหานคร รวมถึงหลายๆจังหวัดในภาคกลาง ด้วยการที่แม่น้ำเจ้าพระยานั้น ทำหน้าที่เป็นทั้งเส้นทางคมนาคม และเส้นแบ่งทางธรรมชาติระหว่างฝั่งธนบุรี และฝั่งพระนคร จึงทำให้พื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำแห่งนี้ถูกจับจอง และนำไปพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ โดยอิงจุดเด่นในด้านความสวยงามทางทัศนียภาพริมฝั่งแม่น้ำ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมหรู คอนโดระดับไฮเอนด์ หรือแม้แต่ ไลฟ์สไตล์ มอลล์ ริมน้ำ

กระแสการพัฒนาโครงการระดับแม่เหล็กริมแม่น้ำเจ้าพระยานั้น เริ่มเป็นข่าวโด่งดังขึ้นมา ในช่วงต้นปี 2555 โดยพันธมิตรภาคเอกชนที่มีชื่อเสียง และประสบความสำเร็จมากที่สุดทั้ง 3 กลุ่มได้แก่ สยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหารโครงการค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ ร่วมกับ MQDC แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพที่มีชื่อเสียง ผู้อยู่เบื้องหลังนวัตกรรมครบวงจรสำหรับโครงการที่พักอาศัยระดับบนมากมาย รวมทั้งโครงการแมกโนเลียส์   ราชดำริ บูเลอวาร์ด และ เครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทชั้นนำของไทยที่มีการลงทุนในระดับโลก ประกาศจับมือร่วมทุนเนรมิตอภิมหาโครงการอสังหาริมทรัพย์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ยิ่งใหญ่และสง่างามที่สุดที่ภาคเอกชนไทยเคยลงทุนมาในประเทศไทย…นับว่าเป็นจุดเริ่มต้น ของปรากฎการณ์ครั้งสำคัญ ที่จะเปลี่ยนแปลงบริบทโดยรอบของพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ในแถบฝั่งธนฯไปตลอดกาล

ไอคอนสยาม  (ICONSIAM) อภิมหาโครงการของสยามประเทศ ตั้งอยู่บนแปลงที่ดินริมน้ำเจ้าพระยาที่สวยงามและเหมาะสมที่สุดบนแผ่นดินสยาม ด้วยที่ดินหน้ากว้างขนาดใหญ่กว่า 50 ไร่ หน้าติดถนน 6 เลน (ฝั่งละ3เลน) หลังติดโค้งน้ำเจ้าพระยาที่สวยที่สุด เป็นทำเลที่แวดล้อมด้วยโรงแรม5ดาว มิลเลนเนียมฮิลตัน, เพนนินซูลา ,โอเรียนเต็ล,แชงกรีลา ในอนาคตยังจะมีมาอีกมากอย่างเช่น อามันรีสอร์ท , โฟร์ซีซันริเวอร์ไซด์ เชื่อมต่อกันได้สะดวกทางเรือผ่านสายน้ำเจ้าพระยา ถนนเจริญนคร เป็นถนนคู่ขนานกับเจริญกรุงแม้อยู่คนละฟากฝั่งแม่น้ำ

หากเจริญกรุงคือความรุ่งโรจน์ในอดีต เจริญนครก็จะเป็นความรุ่งเรืองในอนาคต ที่ดินริมน้ำฝั่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแปลงที่ดินขนาดใหญ่หน้ากว้างติดถนนด้านหลังติดแม่น้ำ เหมาะแก่การพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ แตกต่างจากฝั่งเจริญกรุงที่แปลงที่ดินริมน้ำสวยๆต้องเข้าซอยไปอีก

เจริญกรุงช่วงปลายที่มีที่ดินติดหน้าน้ำแบบไม่ต้องเข้าซอยก็บังเอิญมีสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีนัก การมาของรถไฟฟ้าฝั่งธน 2 สถานีเมื่อไม่กี่ปีก่อน ปลดล็อกความเจริญที่ถูกปิดกั้นมานานของเส้นเจริญนครและกรุงธนบุรี เชื่อมต่อการเดินทางให้ลื่นไหล ไม่ติดขัดเหมือนในอดีตที่ต้องทนกับการเดินทางผ่านคอขวดสะพานสาทร  และยังมีแนวโน้มที่จะสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นเมื่อมีการเชื่อมต่อคมนาคมแบบรถ ราง เรือในอนาคต

นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า “ไอคอนสยาม มุ่งหมายที่จะทำให้พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดสายระยะทางยาว 10 กิโลเมตร เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก (New Global Destination)  ที่จะนำเสนอประสบการณ์ไร้เทียบเทียม เพราะตลอดสายน้ำเจ้าพระยาสามารถนำเสนอทุกมิติของความเป็นไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและไม่มีใครเสมอเหมือนได้ เป็นที่ตั้งของโบราณสถานแหล่งมรดกล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ทั้งหมดกว่า 20 แห่ง   โรงแรมระดับ 3-5 ดาวที่มีมากถึง 50 แห่งที่มีจำนวนห้องพักมากกว่า 10,000 ห้อง โครงการที่พักอาศัยหรูหราริมน้ำและฝั่งธนบุรีที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันกว่า 200 โครงการ  รวมถึงโครงการใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกมากมายสองฝั่งแม่น้ำทั้งของภาครัฐและเอกชน  โดยไอคอนสยามจะเป็นจุดเชื่อมต่อ  สิ่งสำคัญทั้งปวงนี้  ตามที่ได้ประกาศ ‘แผนแม่บทวิสัยทัศน์แห่งแม่น้ำเจ้าพระยา” ไปเมื่อ พ.ศ. 2557 ภายใต้ความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนผู้ประกอบการริมแม่น้ำทั้งหมดรวมถึงผู้ประกอบการเรือทุกประเภท เพื่อเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน และร่วมกันทำการตลาดในต่างประเทศ  เพื่อช่วยกันจุดประกายให้คนทั้งโลกหันกลับมามองแม่น้ำสายนี้อีกครั้งหนึ่ง ในฐานะจุดศูนย์กลางของกรุงเทพมหานครที่มีศักยภาพมากที่สุด เป็นการนำเสนอหลากหลายมิติของความสุนทรีย์ของกรุงเทพฯ ว่า  เป็นมหานครที่ผู้คนทั่วโลกอยากมาอยู่อาศัยมากที่สุด และนักลงทุนอยากจะเข้ามาดำเนินธุรกิจมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก…”

นี่คือความตั้งใจและมุ่งมั่นของทีมงานและผู้บริหารทุกคน สยามพิวรรธน์ บริษัทฯ ที่เคยจับมือกับเครือเดอะมอลล์พัฒนาศูนย์การค้าสยามพารากอน ให้ลือลั่นสั่นสะเทือนทั่วฟ้า มาวันนี้ได้เลือกกลุ่มเครือเจริญโภคพันธ์ (เจียไต๋ หรือ CP ) ผู้กว้างขวางในวงการธุรกิจ และนับว่าเป็นเจ้าถิ่นแถวทำเลนี้ ที่ใกล้กับย่านไชน่าทาวน์ เยาวราชเพียงแค่ข้ามฝั่งแม่น้ำ ทุ่มงบประมาณกว่า 55,000 ล้านบาท (เป็นโครงการที่ใช้งบการลงทุนสูงที่สุดเป็นสถิติประเทศ) เนรมิตโปรเจกไอคอนสยามขึ้นมา

ไอคอนสยามประกอบไปด้วย 2 โซนหลัก โซนแรกคือ Residential โครงการที่พักอาศัยแพงที่สุดริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเป็นคอนโดมิเนียมเกรดพรีเมียมไฮเอนด์ที่สุด 2 อาคาร แบ่งเป็น Magnolias Waterfront Residences (แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม) คอนโดมิเนียมที่พักอาศัยคุณภาพเหนือระดับที่หรูหราที่สุดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เทียบชั้นมาตรฐานโครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุดในต่างประเทศ โดยเป็นอาคารที่พักอาศัยสูง 70 ชั้น จำนวน 379 ยูนิต ผสาน 3 องค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้เป็นโครงการระดับโลก คือ แต่ละยูนิต ประกอบด้วยวัสดุประกอบติดตั้งที่หรูหราที่สุด, ตัวอาคารถูกออกแบบอย่างหรูหราและมีคุณภาพสูงสุด แม้แต่ในองค์ประกอบด้านวิศวกรรมหรือกลไกต่างๆ ที่มองไม่เห็น  โดยภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน ในปี 2557  สามารถปิดการขายได้ทั้งโครงการ  และยังทำลายสถิติว่าเป็นโครงการที่พักอาศัยแพงที่สุดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีราคาเทียบเทียมกับคอนโดมิเนียมหรูบนทำเลทองเส้นทางรถไฟฟ้า BTS  ย่านสุขุมวิท พหลโยธิน และราชดำริ

และอีก 1 อาคารจะเป็นที่สุดของที่พักอาศัยระดับโลก โดยในปี 2557 ไอคอนสยามประกาศลงนามความร่วมมือกับ แมนดาริน โอเรียนเต็ล โฮเต็ล กรุ๊ป เพื่อติดแบรนด์และบริหารโครงการที่พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ใช้ชื่อ “เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ” (The Residences at Mandarin Oriental Bangkok) ความสูง 52 ชั้น จำนวน 146 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ไอคอนสยาม โดยจะเป็นโครงการที่พักอาศัยแบรนด์ ‘แมนดาริน โอเรียนเต็ล’ แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแห่งที่ 14 ของโลก ในมาตรฐานที่เทียบเท่าโครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุดในนิวยอร์ค ลอนดอน โตเกียว หรือเซี่ยงไฮ้ ได้รับการออกแบบและก่อสร้างด้วยมาตรฐานความหรูหราระดับสูงสุด บริหารจัดการโครงการ พร้อมทั้งให้บริการและอำนวยความสะดวกกับผู้พักอาศัย  และปลายปี 2558 ที่ผ่านมา ไอคอนสยาม ได้เปิดให้จองซื้อโครงการที่พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ‘เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ’  ซึ่งเป็นโครงการที่พักอาศัยที่แพงที่สุดในประเทศไทย

ซึ่งเบื้องหลังของการทำราคาที่สูงลิบลิ่วพอๆกับมาตรฐานคอนโดไฮเอนด์ในต่างประเทศก็ล้วนแล้วมาจาก ความเป็น Global legendary brand ที่ทั่วโลกรู้จักของ  แมนดาริน โอเรียนเต็ล โฮเต็ล กรุ๊ป ที่เพียบพร้อมไปด้วยมาตรฐานการบริการที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก และในขณะเดียวกันการซื้อโครงการนี้ ก็จะช่วยสร้างสถานะใหม่ที่สูงขึ้นไปอีกให้กับกลุ่มผู้พักอาศัย คนกลุ่มนี้ตัดสินใจควักกระเป๋าซื้อเพราะเขาต้องการเป็นเจ้าของ ‘ของสะสม’ ที่หายาก ที่ทำให้พวกเขามีอะไรที่พิเศษและแตกต่าง

การที่ปัจจุบันมีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจับจองเป็นเจ้าของแล้วกว่า 40 % จึงเป็นเหตุผลที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

และอีกโซน คืออภิมหาอาณาจักรศูนย์การค้าแห่งยุค ที่ล้ำเลิศที่สุดแห่งหนึ่งของโลก 2 อาคาร คือ ไอคอนสยาม (Main Retail & Entertainment) พื้นที่ 500,000  ตารางเมตร  และ ไอคอนลักซ์ (Luxury Wing)  พื้นที่ 25,000 ตารางเมตร 

ทั้งไอคอนสยาม และไอคอนลักซ์ ได้รับการออกแบบโดยต่อยอดแนวความคิดจากการที่มีที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จึงมีแรงบันดาลใจจากการสักการะบูชาแม่น้ำของคนไทยด้วยเครื่องบรรณาการคือ กระทงและบายศรี ซึ่งเป็นเครื่องบูชาในงานมงคล  แปลงเป็นรูปแบบ Abstract ร่วมสมัย  โดย อาคารไอคอนสยาม จะมีเส้นสายรอบอาคารจากการพับกระทงและบายศรี  ในขณะที่อาคารไอคอนลักซ์จะมีรูปทรงเสมือนกระทงแก้ว 3 อาคาร  มี Façade ทอดยาวริมแม่น้ำถึง 300 เมตร ด้วยกระจกพิเศษจับจีบซ้อนในลักษณะแนวตั้งยาวตลอดซึ่งยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน  ซึ่งส่วนนี้มีแรงบันดาลใจจาก การห่มสไบที่จีบเรียงทอดยาว เปรียบเสมือนการห่อหุ้มสิ่งที่มีค่าที่สุดของโครงการไว้ เพราะไอคอนลักซ์คือที่สุดแห่งความหรูหราสง่างามของโครงการไอคอนสยาม… 2 อาคาร มีที่จอดรถและสิ่งอำนวยความสะดวกแยกจากกัน  แต่เชื่อมต่อการไหลเวียนของลูกค้ากันได้อย่างทั่วถึง โดยภายในโซนศูนย์การค้าแห่งนี้ ยังมีสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวแห่งใหม่ทั้ง 7 ที่จะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย โดยได้รับการขนานนามให้เป็น “7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยาม”

พื้นที่ศูนย์การค้าแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ ไอคอนสยาม คือห้างขนาดใหญ่ด้านหน้าที่วาง position ในระดับเดียวกับสยามพารากอน โดยได้พันธมิตรหลักจากญี่ปุ่นอย่างห้าง Takashimaya ห้างแบรนด์ชั้นนำที่คนไทยผู้ไปเยือนย่านชินจูกุ เมืองโตเกียว แทบทุกคนต้องเลือกเข้าไปเดินจับจ่ายซื้อของ มาเช่าพื้นที่เปิดห้าง Takashimaya Thailand

และส่วนด้านหลัง Luxury retail ห้างที่จะเป็นห้างริมน้ำที่หรูหราที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา ได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ไอคอนลักซ์ สัญลักษณ์แห่งความวิจิตร ศูนย์รวมความหรูหราระดับโลก จะเป็นที่สุดของการรวบรวม World Class Brands ดังระดับโลกทุกประเภททั้งสินค้าแฟชั่น เครื่องประดับอัญมณี และนาฬิกาอย่างครบครันที่สุด   โดยแต่ละแบรนด์จะนำเสนอร้านในรูปแบบ Global Iconic Store ที่ไม่เคยทำมาก่อนในประเทศไทย

ด้วยการที่ไอคอนสยาม เป็นโครงการที่ก้าวข้ามมาตรฐานของโครงการห้างสรรพสินค้าริมแม่น้ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่หลายเท่าตัว ดังนั้นความต้องการเช่าพื้นที่ Retail ของโครงการจึงมีมากมายมหาศาล โดยเฉพาะจากเหล่า Global Magnet Brand จากทั่วทุกมุมโลก ที่ล้วนต้องการที่จะเช่าพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อเปิด Flagship Store ทำให้ทางไอคอนสยาม ตัดสินใจเช่าที่ดินฝั่งตรงข้ามถนนเจริญนครเพิ่มเติมอีก 1 แปลง เพื่อเพิ่มพื้นที่ห้างแนวสูงขึ้นอีกเป็นส่วนที่ 3 โดยรูปแบบของโครงการจะเปิดเผยในอีกไม่นาน

การที่โครงการไอคอนสยาม เลือกที่จะพัฒนาโครงการ ณ แปลงที่ดินฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา แทนที่จะทำตามกระแสของการสร้างโครงการห้างสรรพสินค้า ที่มักจะไปสร้างที่ฝั่งพระนคร ทำให้เวลายืนอยู่ที่ลานริมน้ำ อยู่ในห้าง หรือแม้แต่อยู่ในห้องพักอาศัยภายในคอนโดมิเนียมสุดไฮเอนด์ทั้งสองอาคาร ก็ตาม จะสามารถรับวิว แม่น้ำสวยๆในเบื้องหน้าพร้อม skyline ทิวตึกสวยๆของกรุงเทพมหานครในฉากหลัง เป็นวิวที่สวยงามมากกว่า การมองจากฝั่งกรุงเทพข้ามแม่น้ำมาที่ฝั่งธนฯ หลายเท่านัก… ซึ่งในช่วง   2 ปี ที่ผ่านมา ไอคอนสยามได้พิสูจน์ผลแห่งความสำเร็จอย่างเหนือความคาดหมาย ในส่วนของโครงการที่อยู่อาศัย  อีกทั้งศูนย์การค้าไอคอนสยามก็ได้รับการกล่าวขวัญถึงไปทั่วโลก  ถึงแม้จะยังไม่ได้เปิดให้บริการก็ตาม ไอคอนสยามจึงเป็นบทพิสูจน์ที่ช่วยยกระดับกรุงเทพมหานคร  ให้เป็นมหานครที่ผู้ประกอบการจากต่างประเทศจะปรารถนามาลงทุน และคนทั่วโลกอยากมาอาศัยอยู่มากที่สุดแห่งหนึ่ง