ไนท์แฟรงก์เผยงานวิจัยล่าสุด! ระบุความต้องการในการซื้ออสังหากำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยผู้คน 1 ใน 4 กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใหม่ภายในระยะเวลา 12 เดือน
เมื่อวานนี้ ไนท์ แฟรงก์ (Knight Frank) บริษัทตัวแทนอสังหาฯชั้นนำที่มีเครือข่ายทั่วโลก ได้เปิดเผยผลวิจัย Global Buyer Survey 2021 ที่จัดทำขึ้นในระหว่างวันที่ 10 มิย. ถึง 22 กค. 2021 ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ถึงผลกระทบของ Covid-19 ที่มีต่อทัศนคติของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยทั่วโลก งานวิจัยดังกล่าวได้รวบรวมมุมมองจากกลุ่มลูกค้าของไนท์ แฟรงก์ มากกว่า 900 คน บน 49 ประเทศทั่วโลก โดยมีไฮไลท์คือ
– กลุ่มตัวอย่างจำนวน 19% ได้มีการย้ายที่อยู่อาศัยตั้งแต่มีการระบาดของ Covid-19 โดยหากนับเฉพาะทวีปออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือก็จะมีจำนวนถึง 25% และสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ย้ายไปไหน ก็มีจำนวนมากถึง 20% ที่ตัดสินใจว่าจะย้ายในปี 2021 หากว่าสถานการณ์โรคระบาดยังคงดำเนินต่อไป
– การอยู่อาศัยในเมือง กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง โดยกลุ่มตัวอย่างที่มีแนวโน้มว่าจะย้ายบ้านใน 12 เดือน จำนวนถึง 38% มีการมองหาทำเลในเมือง ตามมาด้วยจำนวน 33% ที่มองหาทำเลชานเมือง ถัดมาเป็นย่านชนบท 15% และย้ายประเทศไปเลย 13%
– กลุ่มตัวอย่าง 46% มีแนวโน้มที่จะซื้อบ้านเดี่ยว หรือวิลล่า แต่ความต้องการในการซื้ออพาร์ทเมนท์ก็ยังคงเพิ่มขึ้นที่ 19% จากจำนวน 12% ในปี 2020 ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความต้องการพื้นที่ใช้สอยที่กว้างกว่า ใหญ่กว่าในทุกเซกเมนท์ รวมถึงความต้องการที่จะมีบ้านชั่วคราวหลังที่สองใจกลางเมืองไว้พักในช่วงระหว่างสัปดาห์
– โดยกลุ่มอสังหาที่เป็นที่น่าจับตามองคือ บ้านแนวสกีรีสอร์ตบนภูเขา ที่มีดีมานท์เพิ่มขึ้นถึง 18% จาก 11% ในปี 2020 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้ซื้อชาวเอเชีย และอเมริกาเหนือ ที่มีดีมานท์สูงกว่ามาตรฐานทั่วโลก
– กลุ่มตัวอย่างจำนวนมากถึง 84% ให้ความสำคัญกับการมองหาบ้านประหยัดพลังงาน โดยมีถึง 28% ในนี้ที่ต้องการซื้อบ้านประหยัดพลังงาน เนื่องจากคำนึงถึงข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่น่าจะมีผลกระทบต่อมูลค่าของบ้านและสถานที่โดยรอบ โดยที่กลุ่มตัวอย่างจำนวน 27% เต็มใจที่จะจ่ายค่าซื้อบ้านในราคาที่แพงกว่าเพื่อให้ได้มีพื้นที่สีเขียว และประหยัดพลังงานมากขึ้น