“โนเบิล” จ่อเปิด 7 โครงการใหม่ เน้นคอนโดรับปีมังกรทอง มูลค่า 14,310 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 18,000 ล้านบาท พร้อมรุกธุรกิจใหม่ และแจกปันผลระหว่างกาล 0.20 บาทต่อหุ้น
โนเบิล เป็นดีเวลลอปเปอร์ระดับหัวแถวที่มีจุดแข็งในเรื่องการวางคอนเซปท์การพัฒนาโครงการที่เน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน ด้วยงานดีไซน์และฟังก์ชันที่โดดเด่น บนทำเลที่มีศักยภาพ เช่นเดียวกับการทำดลาดและการขายโครงการไปยังกลุ่มลูกค้าต่างชาติ จากจุดแข็งที่เป็น Competitive Advantages ดังกล่าว ได้ส่งผลลัพธ์ในแง่บวกมายังการพัฒนาสารพัดโครงการแนวราบในช่วงปีที่ผ่านมา ด้วยกลยุทธ์ในการ Diversify แบรนด์ NUE ที่มี Recogition ในด้านความคุ้มค่า เลย์เอาท์อยู่สบาย บนทำเลเมืองส่วนต่อขยายเพื่อ Spin off ไปสู่โครงการแนวราบอย่างทาวน์โฮม ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนประสบความสำเร็จในด้านการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มแนวราบระดับ Luxury ตามมา นอกจากนี้จากจุดแข็งในเรื่องของ International Sale & Marketing ของทางทีมคุณแฟรงก์ ซึ่งเป็น Co – CEO จึงทำให้หลายๆคนมองว่าทิศทางในการรุกตลาดของบริษัทฯคือ Industry Indicatior ชั้นดี ที่จะชี้ว่าตลาดอสังหาฯไทยในสายตาชาวต่างชาติ กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น หรือขาลง เพราะอาจกล่าวได้ว่างาน Intersale เพื่อ Identify กลุ่มลูกค้าต่างชาติของโนเบิลนั้น เริ่มตั้งแต่การหาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการแล้ว ไม่ใช่มาเริ่มตอนที่โครงการสร้างแล้วเสร็จ จึงไม่แปลกว่ายอด Take up rate สำหรับโครงการใหม่ ในหมู่ลูกค้าชาวต่างชาติของโนเบิลจะเยอะโดดกว่าดีเวลลอปเปอร์รายอื่น….ไปติดตามกันว่าโนเบิล โดยคุณธงชัย และคุณแฟรงก์ ที่วันนี้กลับมายืนพร้อมหน้ากันอีกครั้ง จะมีอะไรน่าสนใจภายใต้กลยุทธ์ Into the Unbounded และแผนในการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ไหนกันบ้างในโพสนี้ครับ
“…ปีที่ผ่านมานับว่าเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในธุรกิจอสังหาฯ แต่ก็ยังไม่ดีเท่ากับช่วงปี 2019 ซึ่งทางโนเบิลเองก็ได้ประสบความสำเร็จในหลายๆอย่าง โดยมีไฮไลท์คือยอดพรีเซลที่สูงที่สุดตั้งแต่ตั้งบริษัท Total Revenue รอบ 9 เดือนที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับ Net Profit ซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้สะท้อนว่าทางโนเบิลเริ่มเข้าไปสู่ใน Cycle ที่ควรจะเป็นแล้ว หลังจากผ่านความยากลำบากมาหลายปี ซึ่งปีนี้จะเปิดขาย 7 โครงการใหม่ เท่ากับปีที่ผ่านมา โดยไฮไลท์ปีที่แล้วที่เพิ่งปิดโครงการไปก็คือการขายที่ดินยกโครงการของ Noble Away ชะอำไป, การเปิดขายรอบ Intersale ของ The Embassy at Wireless และการเปิดขายโครงการในกลุ่ม The Rarity Selection เช่นเดียวกับการขายโครงการ Nue Cross และ Nue District R9 ให้กับกลุ่ม Proud ได้เงินสดมา 1,400 ลบ. ซึ่งสะท้อนถึงความยืดหยุ่นในการปรับตัวของบริษัทฯ…”คุณธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ความสำเร็จในด้านตลาดต่างประเทศทางคุณแฟรงก์ได้ฉายภาพให้เห็นถึงสภาพตลาดว่าสภาพเศรษฐกิจในแต่ประเทศโดยเฉพาะในจีนนั้นไม่ค่อยดี ดังนั้นกลุ่มลค.จีนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยให้ค.สำคัญกับการซื้อโครงการคอนโดในไทย ในขณะที่กลุ่มลูกค้าชาติอื่นกลายเป็นกลุ่มลูกค้าทดแทน ที่พิจารณาซื้อจากปัจจัยสำคัญคือ โครงการ The Embassy at Wireless ที่มีจุดขายหลักในเรื่องทำเล การขายไปยังกลุ่มสถาบันการเงิน กองทุน ในรูปแบบ Bulk Buy และการซื้อเพื่อลงทุน โดยกลุ่มลูกค้าที่มาแรงเติบโตสูงได้แก่ Taiwan ที่โตถึง 319% ในปี 2023, เมียนมาร์ โตถึง 118% และจีน 157% รองลงมาเป็นฮ่องกง โต 25% ส่วนสิงคฺโปร์ตกลงมา -41% ซึ่งอัตราการเติบโตอย่างสูงของประเทศด้งกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในอสังหาฯไทยว่าจะตอบโจทย์การอยู่อาศัยแบบบ้านหลังที่ 2 จริงๆ และยังมีราคาที่ถูกกว่าซื้อประเทศอื่น จึงเหมาะกับการลงทุนในระยะยาว ดังนั้นในปี 2024 นี้จึงหวังเป้า Overseas Sale ที่ 6,000 ลบ.ซึ่งเป็น New Record ของบริษัทฯ
สำหรับในปีนี้ บริษัทฯปักธงรายได้รวมปี 2567 แตะ 14,000 ล้านบาท และยอดขาย (Pre-sale) ที่ระดับ 18,000 ล้านบาท หลัง Backlog ในมือมูลค่ากว่า 19,700 ล้านบาท พร้อมจ่อเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 14,310 ล้านบาท และเดินเกมรุกตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง จ่อทุ่มงบซื้อที่ดินย่านพระราม 9 ประชาชื่น และบางนา-ตราด ผุดโครงการใหม่ๆ ปูทางขึ้นสู่การเป็น Top 5 ในวงการผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ไทย จ่อสยายปีกต่อยอดธุรกิจให้ครบวงจร หนุนสร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ (Recurring Income) พร้อมแจกข่าวดีจ่อปันผลระหว่างกาล 0.20 บาทต่อหุ้น เตรียม XD วันที่ 29 มกราคม 2567 นี้
โดย 7 โครงการใหม่ จะมีคอนโดเยอะกว่าแนวราบ เพื่อมุ่งมั่นก้าวสู่ระดับ Top 5 ในฐานะผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ไทยทำให้บริษัทฯ เร่งเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนซื้อที่ดินเพิ่มอีก จำนวน 3 แปลง ประกอบด้วย 1. ที่ดินบนทำเล พระราม 9 เพื่อจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูง มูลค่าเกือบหมื่นล้านบาท 2.ที่ดินทำเลย่านประชาชื่น เพื่อจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise และ 3.ที่ดินบนทำเลบางนา-ตราด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับกลุ่ม BTS และสหพัฒน์ เพื่อพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ยังคงแข็งแกร่งและยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมที่ระดับ 14,000 ล้านบาท และยอดขาย (Pre-sale) ที่ระดับ 18,000 ล้านบาท
รวมถึงมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 14,310 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบรวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 6,710 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงจำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7,600 ล้านบาท ซึ่งกระจายอยู่ทุกทิศของกรุงเทพฯ โครงการแรกประเดิมเลยกับ Noble Norse Krungthep – Kreetha บ้านเดี่ยวติดถนนใหญ่กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่, NUE Shade ราชพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ ตรงแถวๆราชพฤกษ์ 345 มีทั้งบ้านแฝดและบ้านเดี่ยว, NUE Center Westgate บ้านเดี่ยวจำนวน 50 หลัง บนระยะเดินถึงรถไฟฟ้า, NUE Pattanakarn – Condo, NUE Coast Khu Khot Station เฟสที่สามบนทำเลคูคต พร้อมเปิดใน Q3, คอนโด Rama 6 Dindaeng Phase 1 อยู่บนถนนอโศก – ดินแดง ข้างๆอาคาร Cas Centre และ คอนโด แจ้งวัฒนะ – โลตัส เป็น Low Rise ใกล้ๆกับ Nue Noble แจ้งวัฒนะ รวมไปถึงการ Launch โครงการ The Embassy at Wireless ในตลาด Local ช่วงต้นกพ. หลังจากที่กวาดยอดต่างชาติไปแล้วถึง 2,200 ลบ.