แนะนำ 3 โครงการเด่นของอนันดา ที่เตรียมเปิดจองรอบ “ออนไลน์” 10.10.10 และ 11.10.10 พร้อมชี้ช่องห้องสวย
อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำอสังหาฯด้านการมองขาดชีวิตคนเมือง เตรียมเปิดตัว 3 โครงการคอนโดมิเนียมทำเลดีสุดๆในรอบหลายปี พร้อมๆกันหลังจากที่อั้นไม่เปิดโครงการใหม่มานานมากๆ
โดย 3 โครงการที่ว่าได้แก่ CULTURE CHULA, CULTURE THONGLOR 2 คอนโดทำเลเกินคำว่าพรีเมียม กับอีกหนึ่งคอนโดราคาพอซื้อง่ายในทำเลติดรถไฟฟ้า Interchange ที่คนอยู่หนาแน่นสุดๆ อย่าง IDEO RAMKHAMHAENG LAMSALI Station
โดยเริ่มจากวันที่
ซึ่งแบรนด์ CULTURE เป็นแบรนด์ใหม่ของอนันดา ที่ร่วมดีไซน์ concept กับ SCRATCH FIRST ซึ่งเป็น Agency ที่คิดงาน creative ให้กับเทศกาล Wonderfruit ที่จะมาออกแบบคอนเซปท์ SOCIAL COMMUNITY SUSTAINABLE LIVING อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขด้วยความยั่งยืน
โดยเวลา 10 โมง เลขสวย 10/10 10 จะเป็นการเปิดให้จองโครงการ CULTURE THONGLOR มีค่าจองเริ่มแค่ 20,000 บาทเท่านั้น*
เป็นการจองชั้น 14, 18 ที่เป็นชั้น SIMPLEX และชั้น 27 ที่เป็น HYBRID FLOOR เพดานสูง ในราคาเรื่มต้น 3.99 ล้านบาท ที่ชั้น 14 และทุกห้องในชั้นเป็น 1 Price ) ราคาต่อตารางเมตร 159,000 บาท เท่านั้น !!!!! ถูกกว่าคอนโดปากซอยที่ห่างกันไม่ถึง 100 เมตร เกือบ 1 เท่า (ชั้น 18 ราคา 163,000 บาทต่อตารางเมตร , ชั้น 27 เป็น 172,500 บาทต่อตารางเมตร)
CULTURE THONGLOR ตั้งอยู่ในทำเลที่พรีเมียมสุดๆ ใกล้สถานี BTS ทองหล่อ โดยห่างจากทางขึ้นลง SKYWALK เพียง 250 เมตร
ตัวคอนโดตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 59 ซึ่งปากซอยมี 2 โรงแรมแบรนด์ World Class แถมในซอยยังมีโรงแรมตึกสูงสร้างใหม่มาเปิดอีกแห่ง ซึ่งหนึ่งในสองโรงแรมเชนระดับโลก คือ ASCOTT ซึ่งทางอนันดาเปิดเอง และจะเอาเซอร์วิสเดินข้ามถนนมาให้บริการที่ CULTURE THONGLOR ด้วย
ด้านข้างติดกันเป็นอาคารอพาร์ทเมนท์สูง 22 ชั้น เทียบกันแล้วชั้น 23 ของ CULTURE วิวจะพ้นแล้ว
เป็นอาคารสูง 36 ชั้น (148 เมตร) ห้องพักอาศัย 493 ยูนิต บนที่ดินเกือบๆ 2 ไร่
แบ่งอาคารออกเป็นช่วงๆ ชั้น 1 เป็น FACILITY , ชั้น 2-10 เป็น AUTO PARKING รวมแล้ว 200 คัน , ชั้น 11 เป็นสระว่ายน้ำ 2 สระ ความยาวรวม 42 เมตร และห้อง FITNESS , ชั้น 12-19 เป็นห้องพักแบบ SIMPLEX , ชั้น 20 -36 เป็นห้องแบบ HYBRID เพดานสูง 4.3 เมตร ต่อเฟอร์นิเจอร์ เป็น 2 ชั้นให้แล้ว
ชั้น 33-34 นอกจากเป็นห้องพักยังจะ มี SKY FACILITY
การอยู่แบบยั่งยืน ทำให้คัลเจอร์ทองหล่อ ออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวปลูกต้นไม้ถึง 141 ต้น
LANDSCAPE ด้านหน้า (แลนด์สเคปออกแบบโดย TECTONIX)
co-living hall
สระ
ต่อชั้นจะมีห้องพัก 21 ยูนิต ยกเว้นชั้น 33-36 จะมี 13 ยูนิต // ลิฟท์ 3+1 ตัว
ห้องพักวางผังหันหน้าไปทุกทิศให้เลือกตามแต่ชอบ ซึ่งก่อนจะไปศึกษาแปลน มาเปิด SALES GALLERY กันก่อนครับ
ตั้งอยู่ที่บนด้านหน้าของที่ดินจริงที่จะก่อสร้าง และพื้นที่หลักของสำนักงานขายจะไม่ใช่พื้นที่ของโครงการ มีต้นไม่ใหญ่ร่มรื่นสวยงาม จัดวางความเป็น SUSTAINABLE COMMUNITY ให้ดูด้วย
MODEL อาคาร
ห้องตัวอย่างด้านในมีทั้งแบบ SIMPLEX ( studio 26 ตารางเมตร , 1 bedroom 32 ตารางเมตร) และ HYBRID ( 27.5 ตารางเมตร) ซึ่งเป็นห้องแบบทรงยาว แต่เปิดมุมมองด้วยกระจกเข้ามุมต่อเนื่องในทุกยูนิต และมีเฟอร์นิเจอร์แพกเกจด้วย
STUDIO 26 ตารางเมตร
1 BEDROOM 32 ตารางเมตร
HYBRID 27.5 ตารางเมตร เพดาน 4.3 เมตร
ส่วนตัวผมชอบแบบนี้เอา VOID ไปติดอากาศ มันได้อารมณ์กว่าเอา VOID มาด้านในเยอะเลยครับ
ห้องตัวอย่างตกแต่งได้ดีเลยครับ ใช้กระจกเงามาแปะผนังทำให้ไม่ได้รู้สึกว่าห้องเป็นทรงซองลึกสักเท่าไหร่ ในทางกลับกันผมว่ามันให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย เพราะตำแหน่งห้องนอนจะลึกเข้าไปจากประตูหน้าห้องพอสมควร
ONLINE BOOKING !!!!!10/10 เวลาเริ่ม 10 โมง ไปจนถึงบ่าย 2 มีให้ซื้อ 63 ยูนิตเท่านั้น ใช้เงินจอง 20,000 – 100,000 บาท
รายละเอียดการจ่ายเงิน
ด้านล่างนี้คือ range ราคาของยูนิตแต่ละ Type ในแต่ละชั้นที่เปิด
ศึกษาแปลน (ผมจะเรียกทิศตามเข็มของแปลนทางการที่อนันดาจัดทำนะครับ)
ด้านที่วิวโล่งคือทิศตะวันออกเฉียงใต้ ด้านหลัง และทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ด้านหน้าที่เบี่ยงหลบตึก ASCOTT ของอนันดาเองได้แบบพ้นๆ ส่วนทิศตะวันตกเฉียงใต้จะเป็นวิวตึกสวยๆปากซอยที่ห่างกันประมาณ 90 เมตร และที่ต้องรู้เลยคือด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดตึกระยะประชิดในชั้นที่ต่ำกว่า 23
FLOOR PLAN SIMPLEX
(ถ้าเอาไปเทียบกับ master plan ด้านบน ต้องบิดทวนเข็มไป 90 องศานะครับ)
ห้องที่เอามาเปิดจอง มี 21 ยูนิตต่อชั้น มี STUDIO 10 ยูนิต , 1 BEDROOM 9 ยูนิต , 2 BEDROOM 2 ยูนิต
ราคาคิดง่ายๆ one price 159,000 บาทต่อตารางเมตรในชั้น 14 และ 163,000 บาทต่อตารางเมตรในชั้น 18 ห่างกัน 4 ชั้น ราคาต่างกัน 4 พันบาทต่อตารางเมตร หรือเท่ากับ 96,000 – 206,000 บาท ในราคารวม
ห้อง STUDIO มีทุกทิศ มีขนาด 24 , 25.5 , 26 และห้องแบบพิเศษ 27.5 ตารางเมตร ที่จะอยู่ฝั่งด้านหน้าตะวันตกเฉียงเหนือ
ข้อแตกต่างของห้อง 27.5 ตารางเมตรกับห้องอื่นคือห้องจะยาวกว่า ทำให้ได้ห้องน้ำไม่เหมือนใคร จะจัดเรียงด้านในกันเป็นหน้ากระดาน ตั้งแต่อ่างล้างหน้า สุขภัณฑ์ และ ห้อง SHOWER และที่พิเศษคือมีตู้เก็บของเพิ่มมาให้ ด้วยราคาต่อตารางเมตร 159,000 บาทต่อตารางเมตรในชั้น 14 และ 163,000 บาทต่อตารางเมตรในชั้น 18 ถ้าเทียบกับห้องเล็กสุดที่ 24 ตารางเมตรเท่ากับจ่ายเพิ่ม 556,000 และ 570,500 บาท ถ้าเทียบกับห้อง 25.5 ตารางเมตรคือส่วนต่าง 318,000 และ 326,000 เพื่อให้ได้ตู้และห้องน้ำที่ใช้งานง่ายกว่า และวิวพรีเมียมด้านหน้าโครงการ ซึ่งด้านนี้โถงทางเดินจะมีหน้าต่างช่องแสง 2 ช่อง โปร่งกว่าฝั่งอื่น
แต่ห้องฝั่งนี้ก็มีมีข้อเสียคือจะอยู่ใกล้โถงลิฟท์ และประตูอยู่ติดกันแบบตั้งฉากกับประตูห้องข้างๆ
ถ้าเทียบกันในห้อง STUDIO ผมมองว่าถ้าไม่ได้ชอบความพรีเมียมของ 27.5 ตารางเมตร และโอเคกับการที่มีเสามาทำให้ห้องเป็นเหลี่ยมมุม ห้อง 24 ตารางเมตร วิวด้านหลังโล่งตลอด น่าสนใจในการซื้อมากกว่าครับ ราคาดีกว่าเยอะด้วยยยย
ส่วนห้องสตูดิโอ 25.5 – 26 ตารางเมตร จะอยู่ด้านข้างของโครงการ ซึ่งด้านตะวันออกฉียงเหนือต้องเรียนตามตรงว่า เป็นวิวของตึก SHANTI ข้างๆในระยะห่างประมาณ 12 เมตร ส่วนอีกด้านผมว่าวิวสวย โล่งกว่า น่าซื้อกว่า น่าแปลกที่อนันดาไม่เอาราคามาช่วยดันฝั่งวิวตึก SHANTI
ดังนั้นคนซื้อ STUDIO รอบออนไลน์ ให้น้ำหนักกับห้องอีก 3 ทิศดีกว่านะ
1 BEDROOM TYPE มีขนาด 31, 31.5, 32 และห้องพิเศษ 34 ตารางเมตร ซึ่งห้อง TYPE นี้จะอยู่ที่ด้านหน้าเป็นส่วนมากและด้านหลังโครงการ
ในห้องแบบนี้ผมเชียร์สุดๆที่จะจ่ายเพิ่ม 318 ,000 – 489,000 บาท เพราะได้เป็นห้องมุม, ได้หน้าต่างพิเศษอีกด้านเป็นห้องหน้าต่าง 2 ทิศ, และยังได้ห้องน้ำขนาดใหญ่ขึ้นมีหน้าต่างในห้องน้ำ รวมถึงการที่ประตูหน้าห้องอยู่ติดหน้าต่างตรง CORRIDOR จะโปร่งและรู้สึกดีมากๆทุกครั้งที่เข้าออกจากห้อง
ส่วนห้อง 1 BEDROOM ที่ผมชอบน้อยกว่าห้องอื่น คือห้องที่ต้องบิดประตูเข้าห้องไปด้านข้าง นอกจากจะติดกับประตูห้องข้างๆแล้วยังตรงกับประตูเข้าห้องน้ำของตัวเอง และอีกห้องที่บางคนอาจไม่ชอบคือห้องฝั่งด้านหลังตำแหน่งตรงกลางที่มีประตูทางเข้าตรงข้ามกับทางเข้าห้องขยะ (แต่ส่วนตัวผมเฉยๆนะ ชอบด้วยซ้ำใกล้ดีไม่ต้องถือไปไกลๆ)
ห้อง 2 BEDROOM มี 2 ห้องอยู่ที่มุมด้านหลังซึ่ง ห้อง 10 จะมีวิวฝั่ง LIVING ที่โล่งกว่า
ชั้น 27 ราคาต่อตารางเมตร 172,500 บาท แต่เป็นราคาที่ต้องคิดคำนวนพื้นที่ต่อตารางเมตร แบบทั้งห้องรวมส่วนเฟอร์นิเจอร์ต่อเติมด้วย อย่างเช่นห้อง 25 ตารางเมตร จะมีพื้นที่ชั้นลอย 10 ตารางเมตร รวมแล้วราคาคือ 172,500 x (25+10) = 6.0375 ล้านบาท
ดังนั้นถ้าคำนวนในสมมติฐานที่ว่า อัตราส่วนพื้นที่ชั้นลอยต่อห้องเทียบเท่ากันในทุก TYPE จะเท่ากับชั้นนี้มีราคาต่อตารางเมตรที่แท้จริงตามโฉนดคือ
6.0375 ล้าน / 25 = 241,500 บาท ต่อตารางเมตร ในห้องสตูดิโอ
7.935 ล้าน / 32 = 247,969 บาทต่อตารางเมตรในห้องแบบ 1 BED
และ 12.075 ล้าน / 51 = 236,764 บาทต่อตารางเมตร ในห้อง 2 BED
ซึ่งความพรีเมียมที่เพิ่มขึ้นมาจากการได้ครอบครองห้อง 2 ชั้นเพดานสูงทำเลใกล้ BTS ทองหล่อ ประมาณ 78,xxx บาทต่อตารางเมตร เมื่อเทียบกับห้องตำแหน่งเดียวกันชั้น 18 หรือเท่ากับเพิ่มห้องละ 1,95x,xxx – 4,000,000 บาท และได้ชั้นสูงที่วิวโล่งพ้นทุกด้านแล้ว ส่วนตัวผมว่าคุ้มค่านะสำหรับคนที่อยากเก็บห้องเพดานสูง ทำ 2 ชั้น ในทำเลนี้
เอาง่ายๆเทียบกับคอนโดใหม่ที่กำลังก่อสร้างกลางๆซอย ห้องแบบนี้ถูกสุดก็ 10 ล้านกว่าๆแล้ว
ห้อง STUDIO จะมีทุกด้านทุกทิศเหมือนชั้น simplex แต่ที่ต่างคือ ราคาห้องที่เพิ่มขึ้นมาจากขนาดห้องจะต่างกันเป็นจำนวนที่มากกว่า อย่างห้อง 25.5 ตารางเมตรจะสูงกว่า 24.5 ตารางเมตร ประมาณ 24x,xxx บาท และยิ่งต่างถ้าเทียบกับห้อง 26.5 ตารางเมตร ที่ต้องเพิ่มเงินเกือบๆ 5 แสน ( ถ้า simplex จะเพิ่มสามแสนกว่าๆ)
ดังนั้นผมว่าห้อง 24 ตารางเมตร น่าสนใจครับอยู่ด้านหลังวิวโล่งด้วย
ห้อง 1 BED ในชั้น HYBRID จะมีเฉพาะฝั่งด้านหน้าโครงการเท่านั้น แน่นอนครับห้องมุมหน้าต่าง 2 ด้าน และเป็นหน้าต่างที่ทั้งใหญ่และสูง อลังการสุดๆกับเงินเพิ่มแค่เกือบๆ 5 แสน จาก 7.935 ล้านเป็น 8.4xx ล้านบาท ไม่ต้องคิดครับจิ้มห้องมุมแน่ๆถ้างบถึง (นอกจากคุณจะมีข้อจำกัดเชิงจิตวิทยาของราคา ที่จาก 7 เปลี่ยนเป็น 8 ล้าน)
แต่ที่น่าซื้อที่สุด ถ้าถามผมนะ คือ 2 BEDROOM HYBRID แบบ 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอยรวม 70 ตารางเมตร ราคาขาย 12.075 ล้าน
จ่าย 12 ล้านได้ห้องหน้ากว้าง 2 ชั้น กระจกบานเต็มบนทำเลนี้ อีกอย่างทั้งโครงการมีแค่ 34 ยูนิต
อนันดารู้ว่านักลงทุนระยะสั้นน่าจะเข้าเยอะ เลยออกเงื่อนไขจ่ายเงินจองและทำสัญญาหนักกว่าห้องอื่น เป็นเท่าตัวๆ คาดว่าจะตัดนักเก็งกำไรออกไปได้พอสมควร ถ้าใครสนใจจริงอย่าลืมกดจองกันนะครับ