หากพูดถึงสินทรัพย์ที่ลงทุนได้ หลายคนคงนึกถึงหุ้น อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ พันธบัตร ฯลฯ แต่จริงแล้วบนโลกนี้ยังมีการลงทุนทางเลือกอีกมากมาย โดยเฉพาะพวก “ของสะสมต่างๆ” อย่างเช่น นาฬิกา ไวน์ งานศิลปะ ฯลฯ ที่สำคัญคือสามารถสร้างผลตอบแทนได้น่าพอใจเลยทีเดียว ส่วนประเทศไทย พระเครื่อง อาจจะถูกจัดรวมอยู่ในกลุ่มพวกนี้เช่นกัน

จากการเก็บสถิติของ Knight Frank พบว่านาฬิกาแบรนด์หรู อย่างเช่น Patek Philippe สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับเจ้าของได้ 200-300% ภายในระยะเวลาเฉลี่ยไม่เกิน 10 ปี และหากเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอาจจะได้ผลตอบแทนเร็วกว่านั้นเสียอีก

ทั้งหมดนี้เป็นสินค้าที่มีตลาดซื้อขายอย่างเสรีในต่างประเทศ โดยศูนย์กลางในเอเชียจะอยู่ที่สิงคโปร์ ฮ่องกง ส่วนประเทศไทยเองนอกจากจะซื้อขายกันเองแล้วยังพอจะมีตลาดซื้อขายที่เปิดขึ้นเป็นระยะๆเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การลงทุนรูปแบบนี้ย่อมมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับการลงทุนประเภทอื่นๆ เราไปดูกันว่าสินค้าพวกนี้มีแนวคิดและข้อระวังในการลงทุนอย่างไร

หนึ่ง..ต้องมีความเข้าใจในสินค้านั้นๆอย่างแท้จริง เนื่องจากสินค้าการลงทุนทางเลือกส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่มีผู้สนใจเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ไม่ใช่สินค้าที่คนส่วนใหญ่มีความเข้าใจ (ถ้าเป็นสินค้าแมสก็จะไม่เข้าคุณสมบัติสินค้าลงทุนทางเลือก) การที่จะรู้ว่าสินค้ารุ่นใดกำลังได้รับความนิยมหรือมีโอกาสที่จะมีราคาซื้อขายสูงขึ้นในอนาคต เราจำเป็นต้องคลุกคลีอยู่ในวงการนั้นๆอย่างใกล้ชิด ทางที่ดีควรจะอยู่ในวงการนั้นๆมาก่อนหน้าระยะหนึ่งแล้ว หากเป็นคนนอกวงการแต่เห็นว่าสินค้านั้นๆมีโอกาสเก็งกำไรในอนาคตแล้วกระโดดเข้ามาภายหลังอาจจะไม่ประสบความสำเร็จได้

สอง..ต้องมีสภาพคล่องทางการเงินสูง เนื่องจากธรรมชาติของสินค้าการลงทุนทางเลือก มักจะเล่นกันเป็นรอบระยะสั้นซึ่งราคาจะถูกเก็งกำไรขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว แต่ก่อนหน้านั้นราคาอาจจะนิ่งเป็นไซด์เวย์ยาวนาน อาจจะเป็นระยะสิบปี หากคิดที่จะลงทุนในสินค้าพวกนี้อาจต้องถือครองเป็นระยะเวลานานโดยอาจไม่ได้รับผลตอบแทนในรูปกระแสเงินสด (ที่สำคัญไม่มีเงินปันผลด้วย) ถ้าหากมีเงินสดหรือสภาพคล่องทางการเงินไม่สูงนักอาจเสียโอกาสกับเงินที่ไปจมอยู่ก็เป็นได้

สาม..ต้องมองตลาดโลกเท่านั้น สินค้าที่อยู่ในกลุ่มการลงทุนทางเลือกส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่มีการซื้อขายในตลาดโลก หากยังยึดติดเพียงแค่ตลาดในประเทศอาจจะไม่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้เพียงพอเนื่องจากเป็นตลาดที่เล็ก (ยกเว้นพระเครื่องที่อาจมีตลาดหลักในไทย) ทั่วไปแล้วประเทศที่จะเป็นศูนย์กลางของการซื้อขายสินค้าเหล่านี้ที่อยู่ใกล้ประเทศไทยคือสิงคโปร์และเกาะฮ่องกง

สี่..ราคาซื้อขายไม่สัมพันธ์กับภาวะเศรษฐกิจ สินค้าในกลุ่มนี้มักจะมีกลุ่มผู้เล่นที่จำนวนไม่มากนัก ราคาที่ซื้อขายจึงเกิดจากการตกลงกันระหว่างคนสองคนเท่านั้น สภาวะเศรษฐกิจจึงอาจจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องมากนัก แต่มีปัจจัยหลักมาจากความนิยมและจำนวนซัพพลายที่มีอยู่ หากเป็นสินค้าที่มีอยู่จำนวนไม่มากราคามีโอกาสพุ่งสูงเป็นพิเศษ

ห้า..มีความเสี่ยงที่ราคาอาจไม่ปรับตัวขึ้นเลย แม้สินค้ากลุ่มนี้ในระยะยาวจะมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นทุกรุ่นที่จะสามารถเก็งกำไรได้ บางรุ่นราคาอาจไม่ปรับตัวขึ้นเลยหรืออาจจะลงได้เล็กน้อย ผู้ที่สนใจจึงควรต้องทำใจล่วงหน้าไว้ด้วย

หก..มีความสุขกับการลงทุนด้วย อย่ามองสินค้าต่างๆที่เป็นการลงทุนทางเลือกเป็นเพียงแค่สิ่งที่ทำกำไรในรูปของตัวเงินเท่านั้นเพราะผู้ที่ถือครองมักเริ่มจากความสุขทางใจที่ได้เป็นเจ้าของก่อน

สำหรับผู้ที่มีความสนใจในสินค้าเฉพาะกลุ่มและมีเงินสดที่มากพอ การลงทุนทางเลือกก็เป็นหนึ่งในหนทางที่จะสร้างผลกำไรได้เช่นกัน ที่สำคัญคือได้ลงทุนในสิ่งที่เรียกว่า(ของ) รักด้วยนั่นเอง