เอพีรุกตลาดทาวน์โฮมหนักมาก ส่ง 29 โครงการ 20 แบบบ้านใหม่ผ่าน 6 แบรนด์คุณภาพ ภายใต้แกน “Unlock Vertical Life พื้นที่ชีวิตแนวตั้งที่เลือกเองได้” พลิกทุกข้อจำกัด ที่สุดแห่งการใช้ชีวิตมิติใหม่ในทาวน์โฮม
ต้องบอกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมาคือช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย จากเดิมที่เราได้เห็นดีเวลลอปเปอร์แทบทุกรายแข่งขันกว้านซื้อที่ดินใกล้รถไฟฟ้าเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดแนวสูงบนทำเลเมืองส่วนต่อขยาย ในทุกระดับราคา จนทำให้มีดีเวลลอปเปอร์จำนวนไม่น้อยทีเดียวที่ตกที่นั่งลำบากจากหลุมพรางคอนโดที่ตัวเองสร้างเอาไว้ อันเนื่องมาจากสถานการณ์วิกฤติโรคที่ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อกำลังซื้อของกลุ่มสินค้าประเภทคอนโดทั้งคนไทย และต่างชาติ อันเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธได้เลยว่ามีกำลังซื้อจากกลุ่ม Real Demand แบบที่ต้องการซื้ออยู่เองในแบบปัจจุบันทันด่วน น้อยกว่าโครงการแนวราบอย่างบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมพอสมควร
กำลังซื้อของกลุ่ม Real Demand ที่มีต่อกลุ่มโครงการแนวราบเริ่มก่อตัวมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และกลายเป็นกำลังซื้อหลักของอุตสาหกรรมอสังหาฯท่ามกลางสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่หลายคนต้องกักตัวอยู่ในที่พักอาศัยเพื่อเป็นการลดการแพร่ระบาดของไวรัส และเมื่อต้องอยู่ในช่วงกักตัวที่มีระยะเวลาค่อนข้างนาน แน่นอนว่าก็ต้องส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต รูปแบบการทำงาน และทัศนคติในการอยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไปนับจากนี้ ว่าจะต้องเป็นที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่มากพอให้ทำกิจกรรมที่ตัวเองและคนในครอบครัวชอบ โดยที่ยังสามารถทำงานได้ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นข้อจำกัดของการอยู่บนคอนโดกลางเมือง ที่แม้แต่จะออกไปใช้พื้นที่ส่วนกลางก็ยังยากที่จะทำได้
จากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงทำให้ถนนทุกสายมุ่งตรงมาที่โครงการแนวราบ โดยเฉพาะโครงการประเภททาวน์โฮม ที่มีข้อได้เปรียบในเรื่องของพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า ทำเลที่ดีกว่า ราคาประหยัดกว่า และยังได้ความสะดวกสบายครบถ้วนจากพื้นที่ส่วนกลางที่พอๆกับโครงการบ้านเดี่ยว โดยข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ระบุถึงแนวโน้มสำคัญของตลาดแนวราบในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ว่า “จำนวนโครงการที่ได้รับใบอนุญาตจัดสรรที่ดินสำหรับแนวราบเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน และพบว่าโครงการแนวราบมีการโอนกรรมสิทธิ์ในมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากการฟื้นตัวของ Real Demand ในตลาดที่อยู่อาศัย”
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องง่ายสำหรับดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ที่มีทุนหนาในการที่จะไปซื้อที่ดิน และจ้างบริษัทออกแบบดังๆเพื่อพัฒนาโครงการทาวน์โฮมเพียงเพื่อมาบาลานซ์พอร์ต โฟลิโอ ของตัวเองให้ขายได้มากขึ้นตามเทรนด์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป…แต่นั่นไม่ได้เป็นการรับประกันว่าโครงการนั้นจะได้รับการตอบรับที่ดี หรือหากขายได้ลูกบ้านที่ซื้อไปก็ต้องมานั่งเสี่ยงดวงกันว่าโครงการทาวน์โฮมที่เราเลือกซื้อจากดีเวลลอปเปอร์ที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการแบบนี้มาก่อน มันจะมีปัญหาในการอยู่อาศัยอะไรไหม และที่สำคัญก็คือหากมีปัญหาขึ้นมาแล้วดีเวลลอปเปอร์เหล่านั้นจะมีความพร้อมและเต็มใจที่จะแก้ไขมากน้อยแค่ไหน ในมุมมองของผมคีย์เวิร์ดอันสวยหรูที่เน้นการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีกว่า จำเป็นที่จะต้องมาจากดีเวลลอปเปอร์ที่ช่ำชอง คิดรอบด้านตั้งแต่เริ่มสร้างจนถึงหลังการขาย และมีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการจนเป็นที่พิสูจน์ได้แล้วจากความต่อเนื่องในการพัฒนาโครงการผ่านแบรนด์อันน่าจดจำต่างๆมากกว่า เพราะยิ่งพัฒนามามากก็ย่อมหมายถึงการหมั่นปรับปรุง ใส่ใจเสียงจากลูกค้า ให้โครงการมี Attribute และ Benefits ที่มากขึ้นในทุกครั้งที่ปั้นโครงการใหม่
บ้านกลางกรุง – บ้านกลางเมือง Generic Name ที่คุ้นชินสำหรับโครงการทาวน์โฮม
บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) คือตัวอย่างที่ชัดเจนของดีเวลลอปเปอร์ระดับแถวหน้าเพียงไม่กี่รายที่สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ด้วย Key to Success factors หลายอย่างผสมกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการพัฒนาบุคลากร ทัศนคติในการดำเนินงาน การเงิน แบรนด์ดิง การตลาด และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือความแข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจทาวน์โฮมภายใต้การนำของ Flagship แบรนด์ที่เราคุ้นหูกันดีอย่าง บ้านกลางกรุง – บ้านกลางเมือง ซึ่งต้องบอกว่าสองแบรนด์นี้เป็นแบรนด์ที่มี Awareness และ Perception ว่าเป็นแบรนด์ทาวน์โฮมทำเลดีใจกลางเมืองมานานมากๆแล้ว ผมเองยังจำได้เลยตั้งแต่ครั้งที่ผมทำงานในเอพีเมื่อ 15 ปีที่แล้วว่า ชื่อของสองแบรนด์นี้มีคนจดจำมากกว่าแบรนด์แม่อย่างเอพีซะอีก ถึงขนาดนี้ครั้งหนึ่งเอพียังเคยนำเอาแบรนด์บ้านกลางกรุงไปใช้กับโครงการคอนโดด้วยซ้ำไป!
ในปัจจุบันหากเอ่ยถึงแบรนด์บ้านกลางเมือง คนส่วนใหญ่ก็มักจะนึกถึงแบรนด์ทาวน์โฮม 3 ชั้นแนวคิดใหม่ ที่ให้คุณได้ครบทั้งความหรูหรา บนพื้นที่ใช้สอยที่กว้างกว่ามาตรฐานตลาด พร้อมคลับเฮ้าส์ขนาดใหญ่ดีไซน์โมเดิร์น ตั้งอยู่บนทำเลใจกลางเมืองที่เชื่อมต่อถึงย่าน CBD ได้สะดวก โดยที่ยังไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนเมืองมากกว่า 20 ปี ส่งผลให้แบรนด์บ้านกลางเมืองครองส่วนแบ่งการตลาดของทาวน์โฮม 3 ชั้นมากที่สุดถึง 46% ด้วยมูลค่ายอดขายที่สูงรวมกว่า 11,040 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวมย้อนหลัง 4 ปีที่ 24,180 ล้านบาท
โดยที่ในปี 2022 นี้เอพีเตรียมที่จะรุกตลาดทาวน์โฮมให้มากกว่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ ด้วยการส่ง 29 โครงการ 20 แบบบ้านใหม่ผ่าน 6 แบรนด์คุณภาพ อย่าง บ้านกลางเมือง คลาสเซ่, บ้านกลางเมือง, พลีโน่, พลีโน่ทาวน์ รวมไปถึงกลุ่มแบรนด์บ้านแฝดอย่าง บ้านกลางเมือง The Edition และ แกรนด์พลีโน่ ในมูลค่ารวม 25,200 ล้านบาทนับเป็นการเปิดโครงการใหม่สูงที่สุด มูลค่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 6 เท่า
เผยเบื้องหลังแนวคิด “UNLOCK VERTICAL LIFE พื้นที่ชีวิตแนวตั้งที่เลือกเองได้”
การเปิดโครงการที่เยอะมากถึงขนาดนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดใหม่ทดแทนโครงการเก่าที่ประสบความสำเร็จและปิดการขายไปจำนวนมาก (คาดว่าปีนี้จะปิดการขายโครงการพร้อมอยู่เพิ่มอีก 20 โครงการ) ยังเป็นการบุกเบิกสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน สู่การสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ให้กับวงการ โดยวางโรดแมปการพัฒนาภายใต้แกน ‘UNLOCK VERTICAL LIFE พื้นที่ชีวิตแนวตั้งที่เลือกเองได้’ พลิกทุกข้อจำกัดนำเสนอความเป็นที่สุดในทุกมิติ ผสานสุนทรียะเข้ากับการใช้ชีวิตวิถีใหม่อย่างสมบูรณ์ มุ่งสู่เป้าทาวน์โฮมเอพี ตัวเลือกแรกที่ดีที่สุด ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ในระดับราคาที่คุ้มค่าที่สุด ตอบรับกับดีมานด์จริง บนสุดยอดทำเลทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยแนวคิด UNLOCK VERTICAL LIFE ยังนับว่าเป็น Product Execution ในส่วนของธุรกิจทาวน์โฮม ที่ถูกต่อยอดมาจาก Brand Promise ของเอพีอย่าง “ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้” ที่ทางเอพีได้ประกาศออกมาเมื่อช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
แม้คนส่วนใหญ่จะรู้จักกับแบรนด์หลักอย่างบ้านกลางเมือง หรือพลีโน่ ดีอยู่แล้ว แต่ในรอบหลายปีที่ผ่านมากลับเกิดภาพจำในหัวของคนเหล่านั้นว่า ถ้าเป็นโครงการบ้านกลางเมืองก็จะเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น แต่ละทำเลก็มีการปรับแต่งหน้าตา façade นิดหน่อย แต่เลย์เอาต์และฟังก์ชันภายในบ้านก็คล้ายๆกันทุกโครงการ จอดรถ 2 คัน ชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่นมองออกไปจากกระจกบานเลื่อนก็จะเจอวิวท้ายรถ โซนด้านหลังก็ทำเป็นห้องครัว หรือไม่ก็ต่อเติมครัวหลังบ้าน ชั้นสองกับสาม ก็สลับกันไปว่าจะเป็น Master Bedroom แบบเต็ม Floor ที่ชั้นไหน ส่วนชั้นที่เหลือก็เป็นอีก 2 ห้องนอน ส่วนพลีโน่ก็คือทาวน์โฮม 2 ชั้นราคาเข้าถึงง่าย เน้นซอยห้องเยอะๆแต่ใช้ห้องน้ำชั้นสองร่วมกัน โดยที่พื้นที่ส่วนกลางจะไม่อลังการเท่ากับบ้านกลางเมือง…ทั้งหมดนี้จึงนำมาซึ่งแนวคิดของการ UNLOCK เพื่อสร้างแบบบ้านที่มอบฟังก์ชันใหม่ๆที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนจากทาวน์โฮมเอพี
ซึ่งในมุมมองของ คุณเมธา รักธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าทาวน์โฮม บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) นั้นมองว่า “UNLOCK คือการปรับเปลี่ยนทั้งพฤติกรรม แนวทางการออกแบบของทางเอพีเอง ให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยที่เปลี่ยนไปแล้ว ทั้งส่วนกลาง 24 ชม. พื้นที่ส่วนรวมภายในบ้าน รวมไปถึงห้องนอนและห้องน้ำที่ชั้นล่าง โดยโรดแมปการพัฒนาภายใต้แกน ‘UNLOCK VERTICAL LIFE พื้นที่ชีวิตแนวตั้งที่เลือกเองได้’ จะมีทั้ง 6 แบรนด์หลักที่พร้อมบุกตลาดครอบคลุมทุกเซกเมนท์ กลุ่มทาวน์โฮมเอพีมองเทรนด์การใช้ชีวิตวิถีใหม่ในบ้านทุกรูปแบบจากนี้จะต้องรองรับชีวิตครบทุกมิติ ครอบคลุมความสุขทุกรูปแบบทั้งวันนี้และอนาคตมากขึ้น ซึ่งไม่ว่าคุณจะมีวิถีชีวิตแบบไหน ทาวน์โฮมเอพีพร้อมตอบความสุขในแบบคุณ ผ่านการเดินหน้าสร้างความต่างที่เหนือกว่าบุกตลาดเต็มกำลัง…”