ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปลายปี 2022 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2023 อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และอสังหาฯในไทยถูกกระตุ้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วฉับพลัน จากคลื่นมหาชนชาวต่างชาติที่เริ่มจะถาโถมเข้ามาในประเทศไทย เพื่อมองหาประสบการณ์การใช้ชีวิตทั้งในแบบ Short Stay และ Long Stay ที่มีเอกลักษณ์สุดพิเศษอันหาไม่ได้จากที่อื่น บนงบประมาณที่ประหยัดกว่า บ้างก็เข้ามาเพื่อหลบเร้นหลีกหนีจากความวุ่นวาย ความไม่มั่นคงของสถานการณ์ Geo-Politics ภายในประเทศตัวเอง ผลลัพธ์ก็คือประเทศไทยโดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ และหัวเมืองชายฝั่งอย่างภูเก็ต พัทยา และหัวหิน ถูกนิยามว่าเป็น “The Sweet Escape” ในสายตาของชาวต่างชาติจำนวนมากที่ลุ่มหลงในมนต์เสน่ห์ของประเทศไทยเข้าอย่างจัง จนตัดสินใจย้ายถิ่นฐานเข้ามาใช้ชีวิตในระยะยาวด้วยการเลือกซื้อคอนโดระดับ Ultra – Luxury ทั้ง Freehold และ Leasehold ส่งผลให้คอนโดหลายๆแห่งมีจำนวน Foreigner Quota เต็มตั้งแต่ยังสร้างไม่เสร็จ… ซึ่งนั่นก็คือเหตุผลหลักที่ทำให้อนันดา ในฐานะผู้นำในด้าน Urban Living Solutions ที่มุ่งพัฒนา Product และพื้นที่ส่วนกลางทุกอย่างที่เกี่ยวกับการสร้างคุณภาพชีวิต ตลอดจนความเป็นอยู่ที่ดีกลับสู่ชีวิตคนเมือง ได้ริเริ่มที่จะนำเอาประสบการณ์ที่ตัวเองได้รับมาจากการร่วมกันพัฒนาโครงการเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ กับทางฝั่ง The Ascott Limited (ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด) มาต่อยอด Business Model ใหม่ บนกลยุทธ์ Real Estate as a service (REaaS) ภายใต้ชื่อ APSMC (Ananda Professional Services and Management Consultancy) ซึ่งเป็นการร่วมพัฒนาโครงการที่ Tailored Made ขึ้นเฉพาะทั้งในส่วนของการออกแบบ ก่อสร้าง บริการหลังการขาย ตลอดจนบริหารงานปล่อยเช่า ตามความต้องการของนักลงทุนสถาบัน

โดยในวันแถลงข่าวเมื่อช่วงต้นปี 2023 ทางอนันดาได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญใน New Business นี้กับบริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ในกลุ่มบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเจ้าของอาคาร Iconic Mirror Glass อันแสนโดดเด่นบนทำเลสุขุมวิท 38 ติด BTS ทองหล่อ จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้เราได้รับทราบกันถึงชื่อโครงการ และรายละเอียดโครงการโดยคร่าวๆกันไปบ้างแล้วว่าเป็นโครงการ Ultra Luxury Residence ภายใต้ชื่อ เดอะ เรสซิเดนเซส 38 (THE RESIDENCES 38 ) และแต่งตั้ง ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ผู้ประกอบการธุรกิจบริการระดับโลก ให้มาเป็นผู้บริหารงานบริการ ทั้งในส่วนของเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ภายใต้แบรนด์ La Clef Bangkok by The Crest Collection ที่ตั้งอยู่บนชั้น 12 – 23  ประกอบด้วยห้องพักทั้งหมด 115 ยูนิต และในส่วนของ THE RESIDENCES 38 ที่ตั้งอยู่บนชั้น 24-36 ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมจำนวน 56 ยูนิต ที่มีขนาดตั้งแต่ 1 Bedroom ไปจนถึงเพนท์เฮ้าส์ (Penthouse) ในราคาขายที่สูงที่สุดในประวิติศาสตร์ของทั้งฝั่งอนันดา และแรบบิท โฮลดิ้งส์…และมาวันนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้ทราบถึงรายละเอียดทั้งหมดของ World Class Residences แห่งนี้ครับ

ปัจจุบันอนันดา มีความร่วมมือกับทางฝั่ง ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ทั้งในส่วนของธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ ที่ตอนนี้เปิดให้บริการเต็มรูปแบบทั้ง 5 โครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งที่กรุงเทพฯและพัทยา ( โครงการซัมเมอร์เซ็ต พระราม 9 / โครงการแอสคอทท์ ทองหล่อ บางกอก / โครงการแอสคอทท์ เอ็มบาสซี สาทร / โครงการไลฟ์ สุขุมวิท 8 บางกอก / โครงการซัมเมอร์เซ็ต พัทยา ) และในส่วนของการบริหารงานอาคารและบริการโครงการคอนโดใหม่ภายใต้แบรนด์ CULTURE ทั้ง 2 แห่งที่กำลังก่อสร้างอยู่ครับ สำหรับความร่วมมือกับอนันดาฯ และ ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ในครั้งนี้ ถือเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพการพัฒนาธุรกิจของแรบบิท โฮลดิ้งส์ อีกทั้งยังช่วยขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศจากเครือข่ายลูกค้าที่แข็งแกร่งและหลากหลายของทุกฝ่าย

โดยการมาครั้งนี้ของแบรนด์ La Clef Bangkok by The Crest Collection ซึ่งเป็นแบรนด์เซอร์วิสเรสซิเดนซ์หรูระดับสูงสุดของกลุ่มแอสคอทท์ และยังเป็นครั้งแรกในประเทศไทย นับว่าเป็นกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับกับแผนธุรกิจของดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด และบริษัทแม่อย่าง CapitaLand Investment ในการที่จะขยายฐานตลาดไปสู่กลุ่ม Ultra Luxury Residences ในเอเชียภายใต้ Brand Portfolio ของ The Crest Collection ซึ่งมี Brand Idea คือ “A Story Behind Every Door – หลังประตูทุกบานมีเรื่องราว” โดยเป็นโครงการที่ออกแบบมาเพื่อดึงดูดและกระตุ้นผู้ที่แสวงหาประสบการณ์การเดินทางที่ดื่มด่ำกับเรื่องราวอันเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นสมัยใหม่หรือย้อนยุค แต่ละแห่งล้วนได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบและประสบการณ์ที่มีเรื่องราวซึ่งจะนำแขกย้อนเวลากลับไปในช่วงเวลานั้นๆ ในปัจจุบันแบรนด์ภายใต้ The Crest Collection มีทั้งโรงแรม และเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ เริ่มเปิดตัวครั้งแรกในปี 2559 ที่ฝรั่งเศส กับโครงการไฮไลท์ได้แก่ โรงแรม La Clef Champs-Élysées Paris, Château Belmont Tours, La Clef Louvre Paris และ La Clef Tour Eiffel [กำลังมีอีกโครงการที่ Saint-Germain-des-Prés, Paris] นอกจากนี้ยังมีที่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดไปอย่าง The Robertson House ที่สิงค์โปร์, Yuexiu Hotel Guangzhou ที่จีน และ The Crest Collection in Tay Ho, Hanoi เวียดนาม โดยที่กำลังจะรุกตลาดเอเชียเพิ่มเติมที่ จาร์กาตา, กรุงเทพฯ, โตเกียว และ โอซาก้า

สำหรับการเปิดตัวแบรนด์คอลเลกชันในประเทศไทย La Clef Bangkok by The Crest Collection ประกอบด้วยห้องพัก 115 ยูนิต ตั้งแต่ห้องพักแบบสตูดิโอไปจนถึงอพาร์ทเมนท์สองห้องนอน ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการผสมผสานวัฒนธรรมไทย เข้ากับมรดกทางวัฒนธรรมของฝรั่งเศส โครงการนี้ยังมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สระว่ายน้ำ ออนเซ็น เลานจ์ และฟิตเนสเซ็นเตอร์ รวมถึงบริการอื่นๆ ที่ครบครัน เช่น บริการทำความสะอาด บริการซักรีด และบริการเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบยังสามารถเข้าถึงศูนย์การค้า ศูนย์กลางความบันเทิงต่างๆ และโรงพยาบาลชั้นนำได้อย่างสะดวกสบาย

The Residences 38 โครงการคอนโดระดับ Ultra Luxury บนคอนเซปท์ “French Art de Vivre”

โครงการเดอะ เรสซิเดนเซส 38 (The Residences 38) เป็นโครงการที่พักอาศัยระดับ World Class ในรูปแบบ Ultra Luxury Residence บนทำเลที่ดีที่สุดในใจกลางกรุงเทพมหานครอย่างซอยสุขุมวิท 38 มีจำนวน 36 ชั้น และชั้นลอย 1 ชั้น ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 171 ยูนิต โดยชั้น 12 – 23 เป็นเซอร์วิสเรสซิเดนซ์แบบลักชัวรี่ La Clef Bangkok by The Crest Collection จำนวน 115 ยูนิต บริหารงานโดย ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด (The Ascott Limited) ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวแบรนด์ The Crest Collection ครั้งแรกในประเทศไทย ในขณะที่ชั้นบนตั้งแต่ชั้น 24 – 36 เป็น คอนโดมิเนียมที่พักอาศัย โดยมีรูปแบบห้องพักอาศัยตั้งแต่ 1 ห้องนอน (1 Bedroom) ไปจนถึงเพนท์เฮ้าส์ (Penthouse) ให้ผู้อยู่อาศัยได้พักผ่อนในบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟด้วยจำนวนห้องเพียง 56 ยูนิตเท่านั้น โดยมีรายละเอียดดังนี้

ห้องขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ 57-75.5 ตารางเมตร ราคา 20.4-28 ล้านบาท

ห้องขนาด 2 ห้องนอน (ไซส์ L) พื้นที่ 124.5 -151.5 ตารางเมตร ราคา 56.1 – 68.7 ล้านบาท

ห้องขนาด 2 ห้องนอน (ไซส์ M) พื้นที่ 107 ตารางเมตร ราคา 50.2-55.5 ล้านบาท

ห้องขนาด 2 ห้องนอน (ไซส์ S) พื้นที่ 84.5 – 97.5 ตารางเมตร ราคา 37.4 – 50.9 ล้านบาท

ห้องขนาด 3 ห้องนอน พื้นที่ 171.5 ตารางเมตร ราคา 71.4 – 73.4 ล้านบาท

ห้องขนาด 4 ห้องนอน พื้นที่ 210 ตารางเมตร ราคา 112.9 – 115.5 ล้านบาท

เพนท์เฮ้าส์ พื้นที่ 426.5 ตารางเมตร ราคา 239.9 – 243 ล้านบาท

ความพิเศษของโครงการเดอะ เรสซิเดนเซส 38 ยังอยู่ที่ตัวอาคารกระจก (Iconic Mirror Glass Building) ที่ได้รับการออกแแบบให้มีเอกลักษณ์อันโดดเด่น ราวกับชิ้นงานศิลปะชิ้นเอก โดยศิลปินระดับโลกอย่าง Antony Gormley และ ACPV ARCHITECTS Antonio Citterio Patricia Viel บริษัทสถาปนิกระดับโลก ผู้สร้างสรรค์อาคารสถาปัตยกรรมสุดหรูที่มีเอกลักษณ์และโด่งดังมาแล้วมากมาย อาทิ โครงการ Gate Central โครงการ Salaino 10 และโครงการ Via Principe Eugenio ที่มิลาน ประเทศอิตาลี โครงการ The Residences at 1428 Brickell ที่ไมอามี สหรัฐอเมริกา โครงการ Bulgari Lighthouse Dubai ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โครงการ La Bella Vita เมืองไถจง ประเทศไต้หวัน และโครงการ Printemps Haussmann กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ร่วมด้วยบริษัทด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบชั้นนำของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น Quintrix Architects, PIA Interior และฉมา (Shma) โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการผสมผสานวัฒนธรรมไทยเข้ากับมรดกทางวัฒนธรรมของฝรั่งเศส พร้อมมอบพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ สระว่ายน้ำ ออนเซ็น เลานจ์ และฟิตเนสเซ็นเตอร์ รวมถึงบริการทำความสะอาด บริการซักรีด และบริการเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกที่ได้รับการอบรมตามมาตรฐานระดับ World Class โดย La Clef ภายใต้การดูแลของ The Ascott

ภายใต้คอนเซปต์ “French Art de Vivre” หรือ “The Art of Living” พื้นที่ของคอนโดมิเนียม The Residences 38 ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางและการออกแบบภายในของคอนโดมิเนียมทั้ง 56 ยูนิตล้วนใส่ความเป็นศิลปะสไตล์ฝรั่งเศสผสมผสานความเป็นไทยให้ออกมาในรูปแบบโมเดิร์นทันสมัยอย่างลงตัว สะท้อนผ่านทั้งดีไซน์และการคัดเลือกวัสดุคุณภาพระดับโลก พร้อมมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยเหนือระดับทั้งในด้านอาหารและการบริการ พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย อาทิ

– เพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศโดยเชฟมิชลินสตาร์ในบรรยากาศส่วนตัว เจ้าของห้องภายในคอนโดมิเนียม The Residences 38 สามารถจองห้องอาหารและดื่มด่ำกับอาหารรสเลิศจากฝีมือเชฟระดับมิชลินได้แบบส่วนตัว ที่บริเวณชั้น 11 ซึ่งเป็นโซนสำหรับบริการอาหารและเครื่องดื่มสำหรับเจ้าของ The Residences 38 ดูแลคัดสรรและรังสรรอาหารรสเลิศโดย Chef Man Group นอกจากนี้ ยังสามารถแจ้งความประสงค์เพื่อจัดสรรนัดหมายให้เชฟมิชลินที่คุณชื่นชอบมาทำอาหารให้รับประทานได้ถึงที่ เสมือนมีเชฟระดับมิชลินอยู่ที่บ้าน ให้คุณได้เพลิดเพลินกับอาหารหลากหลายสัญชาติโดยฝีมือเชฟมิชลินสตาร์ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

– สัมผัสประสบการณ์การบริการมาตรฐานเดียวกับ La Clef ทั่วโลก ผู้อยู่อาศัยใน The Residences 38 ยังสามารถเลือกซื้อการบริการต่างๆ ได้เพิ่มเติมตามความต้องการ เช่น บริการทำความสะอาด บริการซักรีด และบริการเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก เป็นต้น โดยบริการเหล่านี้จะอยู่ภายใต้การดูแลของ The Ascott จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับการบริการคุณภาพในมาตรฐานเดียวกันกับ La Clef ทั่วโลก

– พื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเลานจ์ ออนเซ็นส่วนตัว สระว่ายน้ำ ฟิตเนสเซ็นเตอร์ และยังมีพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกที่แยกออกมาสำหรับผู้พักอาศัยของคอนโดมิเนียม The Residences 38 เท่านั้นอีกด้วย เช่น ลิฟต์สำหรับโซนคอนโดมิเนียมแยกจากโซนเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ ล็อบบี้ บิสสิเนสเลานจ์ พื้นที่จัดปาร์ตี้ และห้องประชุม เป็นต้น

สำหรับทำเลสุขุมวิท 38 นับว่าเป็นอีกหนึ่งทำเลยุทธ์ศาสตร์สำคัญของย่านทองหล่อ ที่ปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นดั่ง Billionaires’ Row เรียงรายไปด้วยที่พักอาศัยในระดับ Ultra Luxury Residences เหมาะกับการใช้ชีวิตอย่างเหนือระดับในย่านที่สมบูรณ์แบบที่สุด ท่ามกลางบรรยากาศแวดล้อมอันเงียบสงบของซอยสุขุมวิท 38 ที่สามารถเชื่อมต่อกับการใช้ชีวิตได้ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์กลางห้างสรรพสินค้าสุดหรูอย่าง  The Em District ทั้ง Emporium, EmQuartier และ Emsphere และยังอยู่ใกล้กับซอยทองหล่อ ศูนย์กลางความบันเทิงชั้นนำ ที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีทองหล่อ อีกทั้งยังเข้าถึงโรงพยาบาลชั้นนำบริเวณใกล้เคียงได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยที่ผ่านมาย่านทองหล่อนั้นถูกสร้าง smoke screen โดยสารพัดดีเวลลอปเปอร์ที่พัฒนาโครงการคอนโดบริเวณกลางซอยสุขุมวิท 55 ว่าจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดของทองหล่อ ไลฟ์สไตล์ทองหล่อจริงๆต้องฝั่งกลางซอย 55 นี้เท่านั้น

แต่ถ้าจะพิจารณาตามพื้นฐานของข้อเท็จจริงก็ต้องบอกว่าในปัจจุบันนี้ย่านทองหล่อช่วงกลางซอย 55 นั้นกำลังอยู่ในช่วง Transform จากการเป็นศูนย์รวมสถานที่แฮงค์เอ้าท์ ร้านสุดชิค กลายไปเป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดครับ โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาบริเวณทองหล่อ 13, 18, 20, 8, 10, 5 ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายจากอาคารพาณิชย์ ร้านอาหารขนาดใหญ่ มาเป็นโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ และคอนโดหรูกันจนหลายๆคนมองว่าแล้วที่เที่ยวในย่านทองหล่อเหลือน้อยลงทุกๆปี จนพื้นที่ริมถนน 2 ข้างทางกลายเป็นตึกสูงหมดแล้ว ในขณะที่ถ้าเราเลือกซื้อคอนโดติดสถานีรถไฟฟ้า ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไปมันก็ยังคงเป็นสถานีรถไฟฟ้าแบบเดิม ไม่มีวันเปลี่ยน โดยพื้นที่ดินติดรถไฟฟ้าใจกลางเมืองในทุกทำเลนั้นล้วนได้รับการยอมรับเป็นมาตรฐานจากคนทั่วโลกว่าเป็นจุดศูนย์กลางของย่านนั้นๆ และมีราคาประเมินที่สูงที่สุดในย่าน อีกทั้งกลุ่มชาวต่างชาติที่ซื้อคอนโดในเมืองไทย ไม่ว่าจะซื้ออยู่เอง หรืออยู่แบบครั้งคราว ไว้มาเที่ยวตอนหยุดยาวกับครอบครัว ส่วนใหญ่แล้วเค้าก็เลือกที่จะเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟฟ้า หรือแท๊กซี่กันทั้งนั้น ระยะห่างประมาณ  2 – 3 กม. เดินสู่ย่านช้อปปิ้งนี่ค่อนข้างเป็นเรื่องปกติมากครับ…การที่ในปัจจุบันนี้เราได้มีโอกาสเห็นคอนโดห้องขนาดใหญ่ที่มีราคาขายเกินกว่าตรม.ละ 4 – 5 แสนบาท และโครงการโรงแรมหรูเปิดใหม่ มาพัฒนาเกาะอยู่บริเวณสถานีทองหล่อ ไปจนถึงช่วงต้นซอยสุขุมวิท 38 ก็เป็นบทพิสูจน์ชั้นดีครับ ว่าในระยะยาวทำเลติดสถานีรถไฟฟ้ายังไงก็ได้รับการยอมรับในระดับนานาขาติมากกว่า

ผู้สนใจโครงการเดอะ เรสซิเดนเซส 38  (THE RESIDENCES 38) สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02 096 6511 หรือ https://www.theresidences38.com/