ตลาดคอนโดมิเนียมระดับราคา 200,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไปเริ่มมีให้เห็นมากขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ปีพ.ศ.2557  ที่มีโครงการที่มีราคาเริ่มต้น 200,000 บาทต่อตารางเมตรหรือว่ามากกว่านั้นเปิดขาย แม้ว่าก่อนหน้านั้นอาจจะมีบางโครงการที่มีราคาขายมากกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตรในบางยูนิต หรือว่าขายมาระยะหนึ่งแล้วราคาจึงปรับขึ้นมามากกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตร และประสบความสำเร็จทุกโครงการสามารถปิดการขายหรือว่ามีอัตราการขายมากกว่า 80% ขึ้นไป

สัดส่วนของคอนโดมิเนียมในระดับนี้แยกตามทำเล

ตลาดคอนโดมิเนียมระดับนี้มีจำนวนรวมทั้งหมดในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 10,040 ยูนิตจากทั้งหมด 27 โครงการโดยอยู่ในพื้นที่ตามแนวถนนสุขุมวิทตอนต้น (ซอย 1 – 39) มากที่สุดคือประมาณ 38% จากทั้งหมด 10,040 ยูนิต รองลงมาคือในทำเลรอบสวนลุมพินี 33% สอดคล้องกับราคาที่ดินในทั้งสองทำเลที่ปรับตัวขึ้นไปสูงกว่า 1.5 ล้านบาทต่อตารางวาไปแล้ว ในบริเวณนี้แม้ว่าจะเป็นที่ดินที่อยู่ในซอย หรือถนนสายรองก็ตาม อีกทั้งทำเลนี้ยังอยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้า BTS และมีศูนย์การค้าหรือว่าสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ มากมายรองรับ นอกจากนี้ในทำเลนี้ยังมีสถานฑูตของหลายประเทศสำคัญตั้งอยู่ โดยเฉพาะรอบสวนลุมพินีที่มีทั้งสถานฑูตประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น โดยอีกทำเลที่มีโครงการคอนโดมิเนียมระดับนี้เปิดขายมากขึ้นในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมาคือ ทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีโครงการเปิดขาย 3 โครงการในปีพ.ศ.2557 – 2558 ทำให้สัดส่วนของจำนวนรวมในทำเลนี้มีอยู่ 11% ครองลำดับที่ 3 ในตลาดทั้งหมด

Credit ภาพโครงการ Ashton Asoke

Credit ภาพโครงการ Marque Sukhumvit

โครงการที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาส่วนใหญ่จะมีแบรนด์โรงแรมระดับ 5 ดาวเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารโครงการหรือมีโรงแรมระดับ 5 ดาวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ซึ่งในบางโครงการมีราคาขายมากกว่า 300,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไปถึงมากกว่า 500,000 บาทต่อตารางเมตรสำหรับบางยูนิต

Credit ภาพ และภาพหน้าปก โครงการ  The Residences at Mandarin Oriental

อัตราการขายของแต่ละทำเล ณ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2558

ที่มา: ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

อัตราการขายเฉลี่ยของโครงการคอนโดมิเนียมระดับมากกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 74% ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับระดับราคา และกำลังซื้อส่วนใหญ่ของคนทั่วไปในประเทศไทย เพราะว่ากำลังซื้อส่วนใหญ่ของคนในประเทศไทยสามารถซื้อที่อยู่อาศัยที่ไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อยูนิตได้เท่านั้น โดยทำเลที่มีอัตราการขายสูงที่สุดคือ รอบสวนลุมพินีที่แม้จะมีโครงการเปิดขายมากกว่า 3,300 ยูนิตแต่ว่ามีอัตราการขายสูงถึงประมาณ 80% อีกทำเลที่มีอัตราการขายสูงคือ สุขุมวิทตอนต้น (ซอย 1 – 39) ที่มีจำนวนยูนิตรวมในพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 3,863 ยูนิตแต่มีอัตราการขายสูงถึง 75%

กำลังซื้อส่วนใหญ่ของคอนโดมิเนียมระดับนี้ในกรุงเทพมหานครยังคงเป็นคนไทยแต่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมามีผู้ประกอบการหลายรายที่ออกไปโรดโชว์ต่างประเทศเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมระดับนี้ในกรุงเทพมหานครมากขึ้น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทำให้อัตราการขายของคอนโดมิเนียมในกลุ่มนี้ค่อนข้างสูง อีกทั้งราคาขายคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครอาจจะยังต่ำกว่าประเทศที่พวกเขาไปโรดโชว์ทั้งในฮ่องกง สิงคโปร์เป็นต้น ทำให้ชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจ โดยเฉพาะโครงการในทำเลที่การเดินทางสะดวกอย่างเช่น รอบสวนลุมพินี และสุขุมวิทตอนต้น ในสวนของกำลังซื้อคนไทยผู้ประกอบการอาจจะเสนอส่วนลดพิเศษให้กับผู้ซื้อที่เคยซื้อโครงการของบริษัทมาก่อนหน้านี้แล้ว หรือว่าผู้ซื้อที่ลงทะเบียนแสดงความต้องการไว้ก่อนที่จะเปิดขายอย่างเป็นทางการซึ่งผู้ซื้อกลุ่มนี้อาจจะคาดหวังในเรื่องของกำไรที่จะได้รับจากส่วนต่างของราคาขายที่ต่ำกว่าราคาตอนเปิดขายอย่างเป็นทางการ

ตลาดคอนโดมิเนียมระดับนี้ในปีพ.ศ.2559 น่าจะยังคงขยายตัวต่อไป แต่ผู้ประกอบการต้องให้ความสนใจในโครงการแนวราบราคาสูงที่มีผู้ประกอบการหลายรายเปิดขายในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมาในทำเลเดียวกันกับคอนโดมิเนียมหรือว่าไม่ไกลจากเส้นทางรถไฟฟ้า และมีอัตราการขายค่อนข้างสูงได้รับความสนใจจากผู้ซื้อจำนวนมากบางโครงการขายหมดในเวลาไม่นานแม้ว่าจะมีราคาขายเริ่มต้นที่มากกว่า 20 ล้านบาทก็ตาม อีกทั้งกำลังซื้อของคนไทยในโครงการคอนโดมิเนียมระดับนี้ยังคงมีอยู่จำกัด บางส่วนต้องอาศัยกำลังซื้อชาวต่างชาติมาทดแทนกำลังซื้อของคนไทย