“60 ปีรามาธิบดี กับการขับเคลื่อนวงการแพทย์ไทยสู่เวทีสาธารณสุขโลก ด้วยพลังแห่งการ ‘ให้’ จากมูลนิธิรามาธิบดีฯ สะพานบุญที่เริ่มต้นการรักษาเพื่อทุกคน”
นับเป็นหมุดหมายสำคัญในโอกาสครบรอบ 6 0 ปีของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ยืนหยัดในบทบาท “ที่พึ่งของคนไทย” และเป็นหนึ่งในสถาบันการแพทย์ชั้นนำของภูมิภาค ภายใต้พันธกิจหลักในการช่วยเหลือผู้ป่วย ผลิตบุคลากรทางการแพทย์คุณภาพ พัฒนางานวิจัย และนำนวัตกรรมการรักษาสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ เพื่อยกระดับมาตรฐานการแพทย์ไทยให้ทัดเทียมนานาชาติ ลดภาระของบุคลากรสาธารณสุข และเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลนิธิรามาธิบดีฯ เป็นพลังสำคัญเบื้องหลังที่คอยขับเคลื่อนทุกก้าวด้วยหัวใจแห่งการให้
จากจุดเริ่มต้นสู่ ‘ศูนย์กลางการรักษาผู้ป่วยซับซ้อน’ ระดับประเทศ
ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าย้อนว่า “คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาเมื่อสิงหาคม พ.ศ. 2508 และเปิดอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีในปี พ.ศ. 2512 ก้าวสู่บทบาทศูนย์กลางการรักษาและการศึกษาทางการแพทย์ของประเทศ ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา โดยได้ขยายศักยภาพผ่านการก่อสร้างอาคารสำคัญ อาทิ ศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ (พ.ศ. 2537) และอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ (พ.ศ. 2554) เพื่อรองรับผู้ป่วยซับซ้อนและใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ในปี พ.ศ. 2560 ได้เปิด สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ จ.สมุทรปราการ บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ รองรับ 400 เตียง และเป็นศูนย์เรียนรู้ของบุคลากรการแพทย์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2567 ได้เปิด ศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยา ใจกลางกรุงเทพฯ คาดว่าจะเปิดเต็มรูปแบบในช่วงปลายปี พ.ศ. 2568 และเตรียมก่อสร้าง อาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี เพื่อรองรับการให้บริการทางการแพทย์ที่ทันสมัยและครบวงจรในอนาคต
“ปัจจุบัน โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ให้บริการผู้ป่วยนอกปีละกว่า 2–2.5 ล้านครั้ง และผู้ป่วยในกว่า 60,000 ราย โดยมีค่าความซับซ้อนของโรค (Case Mix Index) เฉลี่ย 3.3 สูงที่สุดในประเทศไทย สะท้อนบทบาท “โรงพยาบาลปลายทาง” ที่รองรับผู้ป่วยที่เกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลทั่วไป”
60 ปีแห่งการให้ รามาธิบดีสร้างแพทย์–นวัตกรรมเพื่อชีวิต
ตลอด 60 ปี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ผลิตแพทย์กว่า 10,000 คน หรือราว 200 คนต่อปี รวมถึงแพทย์เฉพาะทางในสาขาสำคัญอย่างศัลยกรรมเปลี่ยนอวัยวะ โรคหัวใจ มะเร็ง และกุมารเวชศาสตร์ ส่งผลให้คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มีบทบาทสำคัญในการยกระดับศักยภาพการรักษาของไทยสู่ระดับนานาชาติ และผลงานวิจัยของคณาจารย์ยังได้รับการตีพิมพ์ในวารสารชั้นนำทั่วโลก และถูกนำไปพัฒนาระบบสาธารณสุขไทยอย่างต่อเนื่อง
ในด้านการรักษายังเป็นผู้นำด้านการปลูกถ่ายอวัยวะ โดยมีการปลูกถ่ายไตกว่า 3,000 ราย มากที่สุดในประเทศ และปลูกถ่ายไขกระดูกกว่า 2,000 ราย รวมถึงการผ่าตัดซับซ้อน เช่น การปลูกถ่ายหัวใจและปอดพร้อมกัน อีกทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกการนำเทคโนโลยีใหม่ อาทิ หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดและยีนบำบัด รักษาโรคทางพันธุกรรมอย่างธาลัสซีเมีย เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และในอนาคตยังมุ่งพัฒนานวัตกรรมการรักษาด้วยเซลล์และพันธุกรรม (ATMP) ผ่าน ศูนย์ CTMED ที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ เพื่อผลิตและเพาะเลี้ยงเซลล์ซึ่งใช้เป็น “อาวุธ” ในการรักษาโรค เช่น มะเร็ง และโรคทางพันธุกรรม โดยมีเป้าหมายคือการลดต้นทุนการรักษาให้ผู้ป่วยไทยเข้าถึงได้จริง