แสนสิริโชว์ยอดขาย 4 เดือน ทะลุ 10,500 ลบ. มั่นใจปี 65 ผลงานตามเป้า โต 34% รุกไตรมาส 2 เปิดตัว 11 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 13,800 ล้านบาท แย้มแผน พันธมิตรประเทศญี่ปุ่น โตคิว กรุ๊ป เห็นศักยภาพทำเล “กรุงเทพกรีฑา” เตรียมจับมือพัฒนาโครงการแนวราบโครงการแรก จ่อคิวเปิดตัวปีนี้
– แสนสิริ (SIRI) โชว์ผลงานยอดขาย 4 เดือน ทะลุ 10,500 ล้านบาท คิดเป็น 30% จากเป้าหมายยอดขาย 35,000 ล้านบาท มั่นใจปี 65 ผลงานตามเป้า โตทะลุ 34% ยอดขายหลักจากโครงการแนวราบ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ทยอยสร้างเสร็จและส่งมอบลูกค้าได้อีกจำนวนมาก
– เผยไตรมาสแรก สร้างรายได้รวม 5,220 ล้านบาท กำไรสุทธิ 303 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 5.8% ของรายได้รวม โตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 5.6% ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายโครงการ
– พร้อมบุ๊ครายได้จากการบริหารโรงแรมในกลุ่มสแตนดาร์ดฯ ทั่วโลก นิวยอร์ก ลอสแองเจลิส ไมอามี ลอนดอน มัลดีฟส์ และ The Standard, Hua Hin (เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน) โรงแรมแรกในเมืองไทยและรีสอร์ตติดชายหาดแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รายได้โต 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
– โชว์มิกซ์โปรดักส์ บ้านและทาวน์โฮมแบรนด์ อณาสิริ รายได้โต โกยรายได้ 668 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เกือบ 10% จากช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยโครงการอณาสิริ ชัยพฤกษ์-วงแหวน, อณาสิริ กรุงเทพ-ปทุมธานี และอณาสิริ รังสิต โกยแชมป์รายได้สูงสุด รุกเปิดตัวเพิ่ม “อณาสิริ รามคำแหง” มูลค่าโครงการรวม 1,000 ลบ. สไตล์เมดิเตอร์เรเนียน บนทำเลแห่งอนาคต รามคำแหง-กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ 10 นาทีถึงสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้ม ราคา 3.69 – 8 ล้านบาท*
– รุกไตรมาส 2 เปิดตัว 11 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 13,800 ล้านบาท แย้มแผน พาร์ทเนอร์ต่างชาติ ประเทศญี่ปุ่น โตคิว กรุ๊ป เล็งเห็นศักยภาพทำเล “กรุงเทพกรีฑา” เติบโตสูง จากการเป็นทำเลที่อยู่อาศัยคุณภาพ แวดล้อมด้วยไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ดี เดินทางสะดวกด้วยเส้นทางคมนาคมที่หลากหลาย และเดินทางเข้าสู่ย่านธุรกิจง่าย เตรียมจับมือพัฒนาโครงการแนวราบโครงการแรก เปิดตัวปีนี้
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่าแสนสิริ ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจตามแผนการดำเนินงาน “SANSIRI STEP BEYOND” เติบโตอย่างแข็งแกร่งยั่งยืนในทุกมิติ ภายใต้ 3 กุญแจสำคัญขับเคลื่อนองค์กร PROFIT – PEOPLE – PLANET มุ่งสร้างรายได้และผลกำไรเพื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่วน และสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร ตามที่ได้วางไว้ ส่งผลให้มียอดขายในช่วง 4 เดือน ทะลุ 10,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% จากเป้าหมายยอดขาย 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 7,400 ล้านบาท คิดเป็น 70% และยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม อีก 3,100 ล้านบาท หรือ 30% โดยบ้านเดี่ยวแบรนด์เศรษฐสิริได้รับการตอบรับมากที่สุด รองลงมา คือไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่แบรนด์ XT และทาวน์โฮมดีไซน์ใหม่ สิริ เพลส ดรีม เดสติเนชัน สะท้อนถึงความต้องการที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์แสนสิริที่มีดีมานด์ครอบคลุมในทุกระดับราคา ทั้งบ้านเดี่ยวระดับบน คอนโดมิเนียมใจกลางเมืองจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ และแบรนด์ทาวน์โฮมระดับราคาเข้าถึงง่าย สิริ เพลส ที่ตอบโจทย์คนที่ต้องการมีบ้านหลังแรก
“แสนสิริมั่นใจว่า จะสร้างผลงานยอดขายได้ 35,000 ตามเป้าหมายที่วางไว้ เติบโตขึ้น 34% โดยในครึ่งปีหลังแสนสิริจะมีรายได้เติบโตขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ จากโครงการแนวราบที่ได้รับการตอบรับที่ดี รวมถึงบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ที่จะทยอยสร้างเสร็จและส่งมอบให้กับลูกค้าได้อีกจำนวนมาก ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปี 65 แสนสิริสามารถทำรายได้รวมได้ถึง 5,220 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขาย 4,288 ล้านบาทซึ่งมาจากการโอนโครงการแนวราบถึง 80% และโครงการคอนโดมิเนียมอีก 20% โดยรายได้จากการขายโครงการมิกซ์โปรดักส์ บ้านและทาวน์โฮมแบรนด์ อณาสิริ โกยรายได้ 668 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 10% จากช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยโครงการอณาสิริ ชัยพฤกษ์-วงแหวน โครงการ อณาสิริ กรุงเทพ-ปทุมธานี และโครงการอณาสิริ รังสิต โกยแชมป์รายได้สูงสุด ทั้งนี้ รายได้จากการตอบรับโอนที่อยู่อาศัยจากกลุ่มลูกค้าที่ดีอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรก ตอกย้ำถึง Real Demand และส่งผลให้แสนสิริมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งโดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 303 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 5.8% ของรายได้รวม โตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 5.6% โดยปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายโครงการ” นายอุทัย กล่าว
นอกจากนี้จากสถานการณ์โควิดที่เริ่มดีขึ้น การผ่อนคลายของมาตรการและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีทิศทางที่ดี ยังส่งผลให้แสนสิริมีรายได้ค่าบริหารโรงแรมจากจากการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนกว่า 62% ในสแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทแม่ของเครือโรงแรม The Standard (เดอะ สแตนดาร์ด) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกที่มีอิทธิพลที่สุดในธุรกิจบูทีคโฮเต็ล ที่สร้างเสียงชื่นชมทั้งในนิวยอร์ก, ไมอามี่, ลอนดอน และอีกหลายเมืองทั่วโลก สร้างรายได้จากการบริหารโรงแรมในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้อีก 106 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน