เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เสริมแกร่งแนวราบ เดินหน้าบาลานซ์พอร์ตตามแผน ปั้นแบรนด์ใหม่ “มิลฟอร์ด” มูลค่า 1,700 ล้านบาท เปิดน่านน้ำตลาดทาวน์โฮม
บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชูรีและคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Family Residences) วางแผนกลยุทธ์การตลาด ลุยโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบครึ่งปีหลัง ย้ำแนวคิด Crafting Lifescape to Excellence รังสรรค์คุณค่าใหม่แห่งการใช้ชีวิต พร้อมส่งแบรนด์น้องใหม่ “มิลฟอร์ด (MILFORD)” ไพรเวต ลักชูรี ทาวน์โฮม เสริมพอร์ต “เวลเนส ลักชูรี (Wellness Luxury)” กับ 2 โลเคชัน มิลฟอร์ด ลาดพร้าว–รามคำแหง (MILFORD Ladprao – Ramkhamhaeng) และ มิลฟอร์ด โฮม สตูดิโอ ลาดพร้าว (Milford Private Home Studio Ladprao) โดยล่าสุดประเดิมเปิดตัวแล้วที่ มิลฟอร์ด ลาดพร้าว-รามคำแหง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “English Eclectic Design” ผสมผสานกลิ่นอายความเป็นอังกฤษเข้าไปกับฟังก์ชันสุดครบครัน เพื่อคุณค่าชีวิตที่สมบูรณ์แบบ มูลค่าโครงการรวม 1,700 ล้านบาท เสริมโปรโมชันรับส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท เริ่มพรีเซล 17 – 18 สิงหาคมนี้
นางสาวนฑา กิตติอักษร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการนำเสนอรูปแบบที่อยู่อาศัยโครงการต่างๆ ภายใต้แนวคิด Crafting Lifescape to Excellence ที่ต้องการรังสรรค์คุณค่าใหม่แห่งการใช้ชีวิตเพื่อให้ลูกบ้านสัมผัสคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกวัน โดยเน้นย้ำแผนยุทธศาสตร์ Diversify Revenue ที่วางไว้ เพื่อสร้างให้แบรนด์มีความแข็งแกร่ง ยืดหยุ่น และสมดุลมากขึ้น โดยได้ดำเนินการขยายพอร์ตโครงสร้างของโครงการอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะโครงการแนวราบมากขึ้นและได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี”
“ทั้งนี้ ปัจจุบันลูกค้ามีความเชื่อมั่นในคุณภาพของโครงการภายใต้แบรนด์ต่างๆ ของบริษัทฯ ตามความตั้งใจที่จะส่งมอบตามมาตรฐาน MAJOR Craft & Quality บริษัทฯ ไม่หยุดยั้งในการพัฒนาเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยังมุ่งเน้นในการศึกษาการเติบโตของเทรนด์ที่อยู่อาศัย ปัจจัยความต้องการที่อยู่อาศัย พฤติกรรมของผู้บริโภค และแนวโน้มศักยภาพของพื้นที่ เพื่อนำมาวิเคราะห์และตกผลึกเป็นรูปแบบโครงการและกลุ่มเป้าหมาย อาทิ พื้นที่บริเวณกรุงเทพกรีฑาที่กำลังเติบโต โดยเมเจอร์ฯ มีโครงการอย่าง มอลตัน เกทส์ กรุงเทพกรีฑา (Malton Gates Krungthep Kreetha) แบรนด์บ้านเดี่ยวระดับลักชูรี เป็นแบรนด์หัวหอกในการทำการขาย โดยสามารถปิดการขายไปมากกว่า 60% และอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีความน่าสนใจและกำลังเติบโต นั่นคือ พื้นที่ลาดพร้าว – รามคำแหง เส้นทางที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย ได้แก่ สายสีส้มและสีเหลือง
อีกทั้งยังเชื่อมต่อถนนหลัก 3 สาย ได้แก่ ถนนรามคำแหง ถนนลาดพร้าว และถนนประดิษฐ์มนูธรรม โดยจากการวิเคราะห์ทำเล พบว่าในโซนนี้แทบไม่มี Supply เหลือขายสำหรับแนวราบ โดยเฉพาะโครงการจัดสรรประเภททาวน์โฮม นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เมเจอร์ฯ เล็งเห็นโอกาสทางการตลาดในการพัฒนา Product รูปแบบใหม่ ผ่านโครงการไพรเวต ลักชูรี ทาวน์โฮม ภายใต้แบรนด์ “มิลฟอร์ด (MILFORD)” แบรนด์ระดับ “เวลเนส ลักชูรี (Wellness Luxury)” ที่เข้ามาเติมเต็มสัดส่วนพอร์ตของบริษัทฯ ซึ่งได้วาง Brand Positioning ให้เป็นแบรนด์ที่มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว โดยเป็นการรังสรรค์ลีฟวิ่งไลฟ์สไตล์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในด้านของมาตรฐานที่อยู่อาศัยที่ดี และการใช้ไลฟ์สไตล์ได้อย่างเต็มที่ นำเสนอทางเลือกให้กับกลุ่มเป้าหมาย 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ มิลฟอร์ด ลาดพร้าว – รามคำแหง (MILFORD Ladprao – Ramkhamhaeng) และเร็วๆ นี้ กับโครงการ มิลฟอร์ด โฮม สตูดิโอ ลาดพร้าว (Milford Private Home Studio Ladprao) รวมมูลค่าทั้งสองโครงการกว่า 1,700 ล้านบาท”
นางสาวนฑา กล่าวต่อไปว่า “โลเคชันแรก กับ โครงการมิลฟอร์ด ลาดพร้าว – รามคำแหง (MILFORD Ladprao – Ramkhamhaeng) ที่สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “English Eclectic Design” สอดแทรกกลิ่นอายความเป็นอังกฤษทั้งภายในและภายนอกอาคาร บนพื้นที่เริ่มต้น 24.5 – 72 ตารางวา และพื้นที่ใช้สอยกว่า 237 – 498 ตารางเมตร มีเพียง 84 ยูนิต โดยพื้นที่ภายในถูกแบ่งสัดส่วนออกเป็น 3.5 ชั้น ฟังก์ชันครบ 3-5 ห้องนอน ที่สามารถเลือกรูปแบบการอยู่อาศัยได้ตามต้องการ ได้แก่ ชั้นหนึ่งกับการดีไซน์ห้องรับแขกที่เน้นความโปร่งสบาย ด้วยความสูงแบบ Double Volume ถึง 5.85 เมตร มาพร้อมพื้นที่อเนกประสงค์ที่สามารถปรับดีไซน์ให้กลายเป็นห้องทำงานหรือห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุได้อย่างลงตัว พร้อมการเปิดรับวิวแสงแดดและวิวสวนสีเขียวด้านข้าง สำหรับชั้นลอยหรือ Mezzanine ถึงชั้น 3 ถูกแบ่งพื้นที่เป็นสองส่วนทั้งห้องด้านหลังและด้านหน้า ความพิเศษของการดีไซน์รูปแบบบ้านที่แบ่งเป็นโซนด้านหน้าและด้านล่าง เพื่อนำเสนอให้เกิดการออกแบบพื้นที่สีเขียวหรือ Private Courtyard ให้ทุกชั้นสามารถสัมผัสความร่มรื่นของธรรมชาติ และเป็นการเพิ่มแสงสว่างให้ตัวบ้านในมิติเดียวกัน มาพร้อมลูกเล่นที่โดดเด่นของตัวบ้าน กับ Glass Sky Box ขนาดใหญ่ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถรับชมวิวบริเวณหน้าบ้านได้ตลอดเวลา นอกจากนี้