ออริจิ้น โฮเทล ปลื้ม ‘โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชาฯ’ โชว์ผลงานสวนกระแส แม้สภาวะตลาดที่นักท่องเที่ยวหดตัว
ออริจิ้น โฮเทล โชว์ผลงานสวนกระแสท่ามกลางสภาวะธุรกิจท่องเที่ยวหดตัว สะท้อนผ่านยอด Occupancy Rate โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา แหลมฉบัง สูงถึง 70% ต่อวัน และมีอัตรา Room Rate ต่อคืนสูงกว่าตลาดในย่านเดียวกัน ตอกย้ำความสำเร็จจาก 3 ปัจจัย “แบรนด์คุณภาพ-บริการมาตรฐาน-ทำเลศักยภาพใจกลาง EEC” มั่นใจแนวโน้มธุรกิจการท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโต
นายปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น โฮเทล จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI กล่าวว่า ถึงแม้ตลาดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยจะหดตัว และเผชิญกับความท้าทายกับหลายปัจจัย จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 11 พฤษภาคม 2568 นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยจำนวน 12.9 ล้านคน หดตัว 1% (YoY) แต่บริษัทฯ มองว่าแนวโน้มภาพรวมภาคการท่องเที่ยวจะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น โดยเห็นได้จากอัตราการเข้ามาพัก (Occupancy Rate) ของลูกค้าในโรงแรมเครือออริจิ้นค่อนข้างสูงเฉลี่ย 70% (BKK 76%) เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมการลงทุน และการท่องเที่ยวยังเป็นเซ็กเตอร์สำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยในปี 2568 และในอนาคตอย่างมาก
โดยเฉพาะในพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่มีทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวและนักลงทุนที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ แต่กลุ่มออริจิ้น โฮเทล ยังสามารถสร้างผลงานโดดเด่นสวนกระแสโรงแรมคู่แข่งในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี เห็นได้จากอัตราการเข้าพักของโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา แหลมฉบังที่ยังอยู่ในระดับสูง
สำหรับเครือฯ ออริจิ้น โฮเทล ที่ผ่านมาได้ขยายการลงทุนธุรกิจโรงแรมสู่ทำเลทองแถบภาคตะวันออก ร่วมกับพันธมิตรระดับ International Hotel Chains เช่น กลุ่มโรงแรม Inter Continental Hotels Group (IHG) ซึ่งเป็นบริษัทโรงแรมและรีสอร์ทข้ามชาติขนาดใหญ่ของอังกฤษ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองวินด์เซอร์ เข้ามาบริหารงานโรงแรมภายใต้แบรนด์ Holiday inn and suites สร้างความแข็งแกร่งอย่างดีมีลูกค้าทั้งจากชาวต่างชาติและชาวไทย ขณะเดียวกันยังมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นคอร์ปอเรทของบริษัทข้ามชาติที่มีสวัสดิการให้กับพนักงานและผู้บริหารระดับกลาง-สูง ที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมได้เข้ามาพักอาศัยต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดบริการอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นปี 2563