พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ประมวลผลประกอบการอสังหาฯ 9 เดือนแรก ปี 66 พร้อมลุ้นเศรษฐกิจไทยโค้งสุดท้ายปลายปี
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ รวบรวมผลประกอบการ 9 เดือนของปี 2566 (มกราคม-กันยายน) ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจไทยที่ตั้งความหวังที่จะฟื้นตัวขึ้นในช่วงสุดท้ายของปี ทำให้หลายภาคส่วนมองว่ากลุ่มอสังหาฯ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจไทย วันนี้พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จะพามาประมวลผลประกอบการ 9 เดือนแรกของ 9 บริษัทอสังหาฯชั้นนำในประเทศไทย ในรายละเอียดของยอดขาย ผลกำไร และอัตราการเติบโตจากปีที่แล้ว
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ทุกบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า “ในไตรมาส 3 ปี 2566 เริ่มเห็นทิศทางเศรษฐกิจไทยชัดเจนมากยิ่งขึ้น ด้วยมีปัจจัยบวกหลายส่วนในการสนับสนุนเศรษฐกิจ ในภาครัฐบาลมีนโยบาย Free Visa เป็นแรงบวกช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซัน ที่เดินทางเข้ามาเพื่อการพักผ่อนในระยะสั้น และหาที่อยู่เป็นที่พักอาศัยที่ 2 ในระยะยาว รวมถึงธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำต่างแข่งขันจัดแคมเปญใหญ่ๆเร่งการซื้อ และเตรียมโอนปลายปี ส่งเสริมให้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์โตขึ้นแบบประคองตัว ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลศูนย์อสังหาริมทรัพย์ พบว่ายังคงมีจำนวนหน่วยโอนฯห้องชุดของคนต่างชาติ 3,365 หน่วย มูลค่า 17,048 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 11.6% และ 21.1% ของการโอนฯห้องชุดทั้งหมด ตามลำดับ โดยมีการขยายในเชิงจำนวนหน่วย เพิ่มขึ้น 0.4% ส่งผลทำให้กิจกรรมตลาดของธุรกิจอสังหาฯมีแนวโน้มขยับในทิศทางที่ดี เพิ่มโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น อย่างไรก็ดียังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าติดตามและเตรียมรับมือในอีกหลายประเด็น ทั้งทิศทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ที่จะมีผลกระทบต่อประเทศไทย แนวโน้มราคาพลังงานและราคาค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น กดดันให้ต้นทุนและอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ของปี 2566 ว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 1.5% โดยลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งขยายตัวอยู่ที่ 1.8% อย่างไรก็ดี ผลสำรวจผู้ประกอบการผู้พัฒนาตลาดที่อยู่อาศัย ในไตรมาสที่ 3 ถือว่าภาพรวมของอสังหาฯ มีทิศทางที่ทรงตัวอยู่ อาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในระดับราคาปานกลางถึงราคาต่ำ แต่ในระดับราคาปานกลางค่อนข้างสูง ถึงราคาสูง ยังคงไม่กระทบต่อการตัดสินใจซื้อ ด้วยเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่มีความพร้อมในการขอสินเชื่อมากกว่า”