ผลสำรวจของฟิลิปส์ชี้ประชาชนส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สนับสนุนสาธารณสุขแบบยั่งยืน และต้องการให้เกิดการนำมาใช้อย่างเร่งด่วน
– ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมองว่าแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนในวงการสาธารณสุขเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน แต่มีเพียง 15% เท่านั้นที่เห็นว่ามีการนำไปใช้จริงในประเทศของตนแล้ว
– กว่า 90% มองว่าบทบาทของเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมในการบริการด้านสาธารณสุข
– คนไทยส่วนใหญ่เห็นว่าความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศและสุขภาพส่วนบุคคลมีความเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลรุ่นใหม่ (71%) และมิลเลนเนียลรุ่นเก่า (65%)
รอยัล ฟิลิปส์ (NYSE: PHG, AEX: PHIA) ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีสุขภาพ เผยผลสำรวจเกี่ยวกับ “สาธารณสุขแบบยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC)” ซึ่งจัดทำโดย Kantar Profiles Network โดยสำรวจความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสำรวจในภูมิภาค 3,040 คน จากประเทศออสเตรเลีย, เกาหลีใต้, อินโดนีเซีย และประเทศไทย การสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงมุมมองของประชาชนต่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมในวงการสาธารณสุข และนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดกลยุทธ์ให้กับระบบสุขภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อส่งมอบบริการสุขภาพที่ดีที่สุด ในขณะเดียวกันยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมในวงการสาธารณสุขควรได้รับความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ
เกือบ 9 ใน 10 (87%) ของผู้ตอบแบบสำรวจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ 97% ในประเทศไทยตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างผลกระทบของสภาพภูมิอากาศต่อสุขภาพส่วนบุคลล โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลรุ่นใหม่ (71%) และมิลเลนเนียลรุ่นเก่า (65%) โดย 85% ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเห็นความสำคัญในการนำแนวทางปฏิบัติด้านสาธารณสุขแบบยั่งยืนมาใช้ สำหรับประเทศไทย แม้ว่าส่วนมากจะเห็นความสำคัญต่อสาธารณสุขแบบยั่งยืน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการนำไปใช้จริงยังถือว่าต่ำมาก โดยมีเพียง 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสำรวจในไทยเท่านั้นที่เห็นว่ามีการนำสาธารณสุขแบบยั่งยืนมาใช้แล้ว นอกจากนี้ 65% ของผู้ตอบแบบสำรวจในประเทศไทยระบุว่าการรับมือกับความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ และผลกระทบจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงการทิ้งขยะอันตรายเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเขาเห็นความสำคัญของสาธารณสุขแบบยั่งยืน ในขณะที่ 59% ของผู้ตอบแบบสำรวจในไทยเห็นว่าสาธารณสุขแบบยั่งยืนจะช่วยให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยรักษาทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ในขณะที่ 56% เห็นว่าสาธารณสุขแบบยั่งยืนจะช่วยป้องกันสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และคนที่รักได้
ในกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจในประเทศไทย กลุ่มมิลเลเนียลให้ความสำคัญต่อสาธารณสุขแบบยั่งยืนมากที่สุดถึง 70% เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มช่วงอายุอื่น ในขณะเดียวกันกว่า 40% ของกลุ่มมิลเลเนียลยังเห็นว่าสาธารณสุขแบบยั่งยืนเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ควรนำมาปฏิบัติอย่างกว้างขวาง ในขณะที่กลุ่มอายุอื่นเห็นว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน
เกือบทั้งหมด (93%) ของผู้ตอบแบบสำรวจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเห็นว่าเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนแนวทางปฏิบัติด้านสาธารณสุขแบบยั่งยืน โดยผลลัพธ์จากการนำเทคโนโลยีมาใช้ในวงการสาธารณสุขที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ได้แก่ การจัดการทรัพยากรด้านสาธารณสุขได้ดีขึ้นผ่านการใช้งานและการจัดการที่มีประสิทธิภาพ (27%), การใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น (25%), ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยลดการใช้ทรัพยากรจากการเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล หรือการใช้โซลูชันคลาวด์ หรือการดูแลรักษาผ่านระบบออนไลน์ (20%)