การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทห้องเย็นในเอเชียแปซิฟิกมีศักยภาพเติบโตท่ามกลางปัจจัยลบในช่วงที่ผ่านมา
เจแอลแอล คาดว่ายอดการลงทุนซื้อขายอสังหาฯ ประเภทห้องเย็นจะมีมูลค่าสะสมสูงกว่า 2 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี พ.ศ. 2573 เนื่องจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นและนักลงทุนในธุรกิจห้องเย็นเพิ่มมูลค่าของทรัพย์สินจากการลงทุนในเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญในสินทรัพย์ประเภทนี้
ห้องเย็นหรือห้องแช่แข็ง (cold storage) ให้เช่า ยังคงเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพสูงสำหรับการลงทุนระยะยาวในเอเชียแปซิฟิก จากความสามารถในการให้ผลตอบแทนที่มั่นคง และระดับอัตราค่าเช่าที่สูงกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น จากข้อมูลของ ของ เจแอลแอล (NYSE: JLL) การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ห้องเย็นในเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มที่จะทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์ ก่อนปี พ.ศ. 2573 จากสถิติการลงทุนสูงสุดของสินทรัพย์ประเภทนี้เมื่อปี พ.ศ. 2564 ที่ 948 ล้านดอลลาร์ การเติบโตของการลงทุนในห้องเย็นมีปัจจัยสนับสนุนจากนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น และความต้องการของผู้เช่าที่มีความเฉพาะเจาะจงในการเช่าทรัพย์สินประเภทนี้มากขึ้น
จากนี้ไปจนถึงปี พ.ศ. 2573 เจแอลแอลเชื่อว่าจะมีปัจจัยหลายประการที่จะผลักดันการฟื้นตัวของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทห้องเย็น หลังจากที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากห้องเย็นนับเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนที่มีความผันผวนต่ำกว่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น ๆ สนับสนุนโดยความต้องการสำหรับห้องเย็นที่มีอยู่ต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดเก็บสินค้าที่เสื่อมสภาพได้ง่าย เช่น อาหารและยา นอกจากนี้ ค่าเช่าที่สูงกว่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทโกดัง คลังสินค้า และโรงงานให้เช่าทั่วไป ประกอบกับอายุสัญญาเช่าที่ค่อนข้างยาวกว่า จะเป็นปัจจัยหนุนที่จะช่วยดึงดูดนักลงทุนที่มองเห็นศักยภาพของสินทรัพย์ประเภทนี้
ผลการศึกษาของ เจแอลแอล เผยให้เห็นว่า ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ธุรกรรมการลงทุนซื้อขายห้องเย็นให้เช่าได้ชะลอตัวลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนประเภทอื่น ๆ อันมีสาเหตุมาจากปัจจัยเศรษฐศาสตร์มหภาค อาทิ ดอกเบี้ยและต้นทุนการเงินที่พุ่งสูงขึ้น ในปี พ.ศ. 2564 มูลค่าการลงทุนซื้อขายห้องเย็นในเอเชียแปซิฟิกพุ่งสูงขึ้น ทั้งประเภทที่ใช้เพื่อการกระจายและการจัดเก็บสินค้า มีมูลค่าเฉลี่ย 29.6 ล้านดอลลาร์ต่อรายการ เทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปีซึ่งมีระดับอยู่ที่ 19.1 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ พบว่าในปี พ.ศ. 2564 มีการลงทุนซื้อขายรายการใหญ่เกิดขึ้นมากถึง 32 รายการ สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมาที่การลงทุนซื้อขายรายการใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ 15 รายการต่อปี ส่วนในปีนี้ พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมานี้ ราคาซื้อขายมีมูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 16.3 ล้านดอลลาร์ต่อรายการ
เบน ฮอร์เนอร์ ผู้อำนวยการอาวุโสภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก หน่วยธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (JLL) กล่าวว่า “ตลาดการลงทุนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ประเภทห้องเย็นให้เช่าได้ชะลอตัวลงจากปี 2564 เป็นต้นมา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถกลับไปทำสถิติใหม่ได้อีก หลากหลายปัจจัยนับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างของรูปแบบการบริโภค ไปจนถึงการซื้อขายออนไลน์ และหลากหลายตัวแปรทางเศรษฐศาสตร์มหภาค จะกระตุ้นให้ตลาดการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้จะมาจากกลุ่มนักลงทุนที่มีความเฉพาะเจาะจงในการลงทุนมากกว่ากลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ทั่วไป”
อุปสรรคในการเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ประเภทห้องเย็นสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็สามารถดึงดูดนักลงทุนและผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้หันมาให้ความสนใจมากขึ้น เจแอลแอลวิเคราะห์ว่า นักลงทุนโดยทั่วไปเข้าใจมากขึ้นว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทห้องเย็น ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการทำห้องเย็นที่ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิ งานด้านโลจิสติกส์ และการปฏิบัติตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นนักลงทุนที่มีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจห้องเย็นจึงมีความได้เปรียบ ในขณะที่นักลงทุนอื่น ๆ ทั่วไปจะถูกกันออกไปโดยปริยาย