The Upper House โรงแรมหรูที่แสดงความมุ่งมั่นของสไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์ ทั้งในด้านดีไซน์และการบริการ

ชยางกูร กิตติธีรธำรง 25 March, 2025 at 00.23 am

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

The Upper House เป็นโรงแรมแห่งแรกของ Swire ในฮ่องกง

ภาพจาก: Swireproperties

The Upper House เป็นโรงแรมแห่งแรกของกลุ่มธุรกิจ Swire Hotels ในฮ่องกง ภายใต้ Brand Poftfolio ของ The House Collective (เดอะ เฮาส์ คอลเลกทีฟ) ซึ่งเป็นกลุ่มโรงแรมหรูที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ซึ่งประกอบด้วย The Upper House (ดิ อัปเปอร์ เฮาส์) ในฮ่องกง The Temple House (เดอะ เทมเพิล เฮาส์) ในเฉิงตู และ The Middle House (เดอะ มิดเดิล เฮาส์) ในเซี่ยงไฮ้ ทุกแห่งได้รับการออกแบบและสร้างสรรค์อย่างประณีต เพื่อมอบประสบการณ์หรูหราสำหรับนักเดินทางที่มองหาความแตกต่าง ความเป็นส่วนตัว และการตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล ด้วยการออกแบบจากสถาปนิกและดีไซเนอร์ชั้นนำ ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของแต่ละสถานที่ได้อย่างกลมกลืนและมีเสน่ห์เฉพาะตัว

ชื่อของโครงการ The Upper House สะท้อนถึงแนวคิด “การพักอาศัยเหนือระดับ” เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายของเมืองโดยตั้งอยู่เหนือโครงการ Pacific Place อันพลุกพล่านด้านล่าง โดยตัวโรงแรมได้รับการออกแบบโดย André Fu (อองเดร ฟู) สถาปนิกผู้ได้รับรางวัลมากมาย โรงแรมแห่งนี้โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมอบประสบการณ์ความหรูหราที่เรียบง่ายแต่มีระดับ ภายในประกอบด้วยห้องพักทั้งหมด 117 ห้อง รวมทั้งห้องสวีท 21 ห้อง ห้องเพนต์เฮาส์ และห้อง André Fu Suite ขนาดเริ่มต้นที่ 730 ตารางฟุต (67.8 ตารางเมตร) พร้อมด้วยห้องน้ำขนาด 366 ตารางฟุต (หรือประมาณ 34 ตารางเมตร) ซึ่งถือว่าเป็นขนาดห้องที่หาได้ยากในฮ่องกงพร้อมวิวอันงดงามของอ่าวและตัวเกาะ

และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยมากมาย โดยโรงแรมหรูหราทันสมัยแห่งนี้สร้างเสร็จในปี 2009 และเคยได้รับรางวัลโรงแรมที่ดีที่สุดในเอเชียจากนิตยสาร Ultra Travel /และโรงแรมยอดเยี่ยมจากนิตยสาร Monocle / ติดอันดับ 5 โรงแรมชั้นนำระดับโลกจากการจัดอันดับ The World’s 50 Best Hotels ในปี 2023 และ 2024 /รวมถึงติดอันดับ 11 ของรางวัล Tatler Best In Class จากงาน Tatler Best of Asia 2024 ในหมวด Hotel – Best Service

ภาพจาก: Swireproperties

โดยการออกแบบของ The Upper House จะเน้นสร้างบรรยากาศเชิญชวนให้แขกเขามา ตั้งแต่ทางขึ้นบันไดเลื่อนที่มีแสงสลัวๆ และมีพื้นที่หญ้าที่อยู่ติดกัน โดยการเดินขึ้นไปสู่ห้องพักจะถูกตกแต่งด้วย 2 โทนสี ได้แก่ ไม้ไผ่ และศิลาดล เพื่อเพิ่มความรู้สึกเงียบสงบ โดยไฮไลท์คือ โถง Sky Light Atrium ที่ชั้น 38 ที่มีทั้งงาน Artpiece, water feature และงานแกะสลักติดผนังรูป Water lily ที่เชื่อมต่อไปถึง Sky Bridge บนชั้น 49 ซึ่งมีช่องรับแสงเหนือห้องโถงสูง 40 เมตร และนำไปสู่ Sky Lounge และ Salisterra ซึ่งเป็นแนวคิดการรับประทานอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเมดิเตอร์เรเนียน

ชยางกูร กิตติธีรธำรง

สถาปนิกจบใหม่ กำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาโท มีความสนใจด้านอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภทตั้งแต่ที่อยู่อาศัย ออฟฟิศ คอนโด โรงแรม และชอบไปดูโครงการและงานออกแบบอยู่เสมอ เพื่อเก็บเกี่ยวองค์ความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ

เว็บไซต์

ผู้ออกแบบ Andre Fu สถาปนิกผู้มีชื่อเสียงชาวฮ่องกง

ภาพจาก: Swireproperties

Andre Fu สถาปนิกชาวฮ่องกง ผู้ได้รับการยกย่องจาก Vogue UK ว่าเป็น “design wunderkind” และ Condé Nast Traveller US ให้เป็น ” Asian design sensation” ซึ่ง Andre Fu เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบ The Upper House โดยทาง Andre Fu ได้กล่าวว่า “เขาความตั้งใจที่จะสร้างโรงแรมขนาดเล็กที่มีความเป็นกันเอง และให้ความรู้สึกถึงที่พักอาศัยส่วนตัว มีความเงียบสงบ สื่อสารผ่านงานออกแบบและบรรยากาศภายในโรงแรม”

พื้นที่ภายในถูกออกแบบด้วยวัสดุธรรมชาติและประดับประติมากรรมที่รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ พร้อมการจัดสรรพื้นที่อย่างลงตัว สร้างบรรยากาศที่มีความเป็นโมเดิร์นและประณีต สอดแทรกกลิ่นอายความเป็นเอเชีย โดยพื้นที่สีเขียวที่เรียกว่า The Lawn (เดอะ ลอว์น) มอบช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนให้กับแขก ไม่ว่าจะเป็นการนั่งจิบค็อกเทลหรือเข้าร่วมคลาสกิจกรรมเพื่อสุขภาพแบบกลุ่ม ส่วน Sky Lounge (สกาย เลานจ์) เป็นโซนรับรองที่อบอุ่นและเป็นกันเอง พร้อมเตาผิงกลางห้อง เปิดต้อนรับแขกตลอดทั้งวันและคืน อีกทั้งยังเป็นพื้นที่จัดอีเวนต์ Up Close (อัป โคลส) เวทีทอล์กระดับโลกที่ได้รับความนิยม

บริเวณชั้นบนสุดของโรงแรมเป็นที่ตั้งของ Salisterra (ซาลิสเทรรา) ร้านอาหารสไตล์บิสโทรสุดหรูที่นำเสนอรสชาติและกลิ่นอายแบบเมดิเตอร์เรเนียน The Upper House ตั้งอยู่ใน Pacific Place (แปซิฟิก เพลส) ศูนย์กลางธุรกิจและการค้าปลีกที่สำคัญในย่านธุรกิจใจกลางฮ่องกง ซึ่งยังมี The Continental (เดอะ คอนทิเนนทัล) คาเฟ่สุดชิคที่ตกแต่งในสไตล์ยุโรป ให้บริการเมนูคลาสสิกในบรรยากาศริมระเบียงที่เหมาะแก่การพักผ่อนตลอดทั้งปี

หลายคนอาจจะเริ่มสนใจที่นี่กันแล้ว ลองมาดูราคาห้องพักของที่นี่กันบ้าง โดยราคาพักต่อคืนของ The Upper House จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท ซึ่งจะเป็นห้องพักขนาดประมาณ 70 ตารางเมตร พร้อมเตียง King Bed แต่ถ้าเป็นห้อง Upper Suite Harbour View ขนาด 114 ตารางเมตร ราคาพักต่อ 1 คืน จะตกอยู่ที่ประมาณ 65,000 บาท