ในช่วงไตรมาสที่สองของปี ตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองชายทะเล และภูเขามักเป็นช่วงที่มีอัตราการเติบโตที่ดี

จากข้อมูลดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยของ The Wall Street Journal และ Realtor.com กล่าวว่า กลุ่มผู้ซื้อบ้านระดับราคาแพง มีความนิยมในการพักผ่อนริมชายหาด ซึ่งทำให้ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยหรูริมชายหาดครองตำแหน่งตลาดที่ร้อนแรงที่สุดในสหรัฐอเมริกา ยกตัวอย่างเช่นพื้นที่อย่าง ฮิลตัน(Hilton, South Carolina) วิลมิงตัน(Wilmington, North Carolina) และซานดิเอโก(San Diego)  Danielle Hale หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์ของ Realtor.com กล่าวว่า ยังมีพื้นที่ริมหาดในบริเวณอื่นๆ ที่ดึงดูดความสนใจของนักลงทุนด้วยเช่นกัน เช่น โบลเดอร์ (Boulder, Colorado) แอชวิลล์ (Asheville, North Carolina) รวมถึง พอร์ตแลนด์ (Portland, Maine) และ ซีแอตเติล (Seattle)

ซึ่งข้อมูลดัชนีตลาดหรูหรา มาจากข้อมูลที่อยู่อาศัยท็อป 10%แรก ของตลาด 60 ตลาดในของสหรัฐฯ โดยเป็นการพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ มาตรการทางเศรษฐกิจ เพื่อจัดอันดับตลาดที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ที่มีการใช้งานมากที่สุด ซึ่งตัวชี้วัดจะวิเคราะห์ไปถึงการเติบโตของอุปสงค์และอุปทานที่อยู่อาศัย การวัดค่าครองชีพ ธุรกิจขนาดเล็ก ภาษีทรัพย์สินในท้องถิ่น สิ่งอำนวยความสะดวก การว่างงาน ค่าจ้าง และส่วนแบ่งของผู้อยู่อาศัยที่เกิดในต่างแดน โดยปกติแล้วเมืองชายทะเลจะได้รับความนิยมในช่วงไตรมาสที่สอง แต่ก็จะมีเมืองใหญ่เมืองอื่นๆได้รับความนิยมปะปนกัน และยังรวมไปถึงเมืองใหญ่ที่มีตลาดงานขนาดใหญ่ ซึ่งครึ่งหนึ่งของ 10 อันดับแรกเป็นพื้นที่เมืองใหญ่ที่มีผู้อยู่อาศัยมากกว่าล้านคน และเป็นเมืองที่มีอัตราการว่างงานโดยทั่วไปอยู่ในระดับต่ำ

โดยบทความนี้จะมาสรุปตลาดที่อยู่อาศัยระดับหรูริมชายหาดที่มีความร้อนแรง 5 อันดับ

ภาพจาก  https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/a/a4/Harbour_Town_July_2007.jpg/1280px-Harbour_Town_July_2007.jpg

โดยอันดับที่ห้า คือ “Hilton Head Island, Bluffton และ Beaufort, South Carolina”

พื้นที่ตากอากาศ ของ Hilton Head Island, Bluffton และ Beaufort ในรัฐ South Carolina อยู่ในเมืองชายหาดของ Hale เหมาะสมกับผู้ซื้อที่มองหาการอยู่อาศัยริมหาดที่มีราคาถูกกว่าพื้นที่อื่นๆของประเทศ แต่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับมากมาย เช่น ล่องเรือ กอล์ฟ พื้นที่หาดยาว รวมถึง อากาศที่อบอุ่น ซึ่งพื้นที่ตากอากาศแห่งนี้ลดระดับ Ranking ลงมาจากอันดับ 1 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2022  โดยค่าเฉลี่ยของราคาในช่วงเดือนมิถุนายน บนพื้นที่นี้จะอยู่ที่ประมาณ $622,450 หรือ ต่ำกว่าในช่วงปีที่แล้วอยู่ที่ 3.9% (อ้างอิงจากข้อมูล Realtor.com) อีกเหตุผลที่น่าสนใจของพื้นที่ South Carolina คือ เป็นพื้นที่ที่มีภาษีที่ต่ำ ทำให้ราคาภาษาโรงเรือนต่ำ สามารถดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อที่จะใช้ชีวิตในวัยเกษียณได้

ภาพจาก  https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/1/11/View_of_Dallas_from_Reunion_Tower_August_2015_13.jpg

อันดับที่สี่ “Dallas, Fort Worth and Arlington, Texas”

รัฐเท็กซัส(Texas) เป็นรัฐที่ดึงดูดผู้ซื้อจากทั่วประเทศ โดยเมือง Dallas มีประชากรประมาณ 7.76 ล้านคน Danielle Hale กล่าวว่า อัตราการว่างานใน Dallas ปกติค่อนข้างต่ำ เมื่อรวมกับเมืองขนาดใหญ่ทำให้มีโอกาสสำหรับครัวเรือนในการทำงานมากขึ้น จากข้อมูลของ Realtor.com ตลาดที่อยู่อาศัยหรูหราและไม่หรูหรา มีราคาซื้อขายเฉลี่ยในเมืองลดลง 3.5% ต่อปี โดยในช่วงเดือนมิถุนายน มีราคาอยู่ที่ประมาณ 473,000 ดอลลาร์ ในขณะเดียวกันอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ก็เพิ่มขึ้น 30.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทำให้มีทางเลือกมากขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่มีความสนใจในพื้นที่เมือง Dallas โดย เมือง Dallas เป็นตลาดที่อยู่อาศัยมูลค่าล้านดอลลาร์ที่เติบโตที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา โดย 22 % ของอสังหาริมทรัพย์จดทะเบียนมีราคามากกว่า 1 ล้านดอลลาร์

ภาพจาก  https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/0c/Runner_Fountain_and_Old_Courthouse_and_Arch_%285618845531%29.jpg/1280px-Runner_Fountain_and_Old_Courthouse_and_Arch_%285618845531%29.jpg

อันดับที่สาม “St. Louis, Missouri”

เมือง St.Louis, Missouri ตกอันดับลงมาอยู่ในอันดับที่ 3 ในไตรมาสนี้ หลังจากที่เดิมอยู่ใน Ranking อันดับต้นๆ ในไตรมาสแรกของปีนี้ 2023 ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงอันดับ แต่อสังหาริมทรัพย์ในเมืองก็ยังมีความต้องการที่มาก แต่อุปทาน(Supply) ในเมืองกลับมีน้อย นอกจากนี้ยังได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของการย้ายถิ่นฐานใหม่ด้วย Cassie Kramer ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า คนจากแคลิฟอร์เนีย(California) แอริโซนา(Arizona) และ ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ(Northeast) มีแนวโน้มย้ายมาอยู่ที่นี้ เนื่องจาก มูลค่าของบ้านพักอาศัยมีราคาตั้งแต่ $1.5 ล้านดอลลาร์ จนไปถึง $5 ล้านดอลลาร์

ภาพจาก 2 https://propy.com/browse/wp-content/uploads/2019/05/3.-SV-1-1024×5921.jpg

อันดับที่สอง “San Jose, Sunnyvale and Santa Clara, California”

เมือง San Jose, Sunnyvale และ Santa Clara ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะพื้นที่ส่วนหนึ่งของศูนย์กลางเทคโนโลยีอย่าง Silicon Valley โดยได้เลื่อนลำดับขึ้นมาจากลำดับที่ 6 ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2022 ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 4 ในไตรมาสแรกของต้นปี 2023 และล่าสุดปรับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 2 โดยราคาที่อยู่อาศัยอยู่ที่ประมาณ $1.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในเมืองนี้โดยปกติราคาค่าเฉลี่ยจะอยู่สูงที่สุดในประเทศ(อ้างอิงจาก Realtor.com) แต่จะมีการชะลอตัว ประมาณ 0.2% ของเดือนที่แล้ว และอาจจะเป็นข่าวร้ายของผู้ซื้อ เนื่องจากในปัจจุบันอุปทาน(Supply) ลดลงไปมากถึง 44.1% จากเดือนที่แล้ว ซึ่งลดลงมากกว่าเมืองใหญ่ๆทุกเมืองในสหรัฐอเมริกา

ภาพจาก 1 https://bouldercolorado.gov/sites/default/files/2021-10/boulder-aerial-2020-web.jpg

อันดับที่หนึ่ง “Boulder, Colorado”

อันดับ Ranking ของเมือง Boulder ในรัฐ Colorado ปรับขึ้นมาจากอันดับที่ 3 ในไตรมาสก่อน เมือง Boulder ถือเป็นเมืองยอดนิยม สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง เนื่องจากมีเส้นทางเดินเท้า ปีนเขา และขี่จักรยานหลายไมล์ รวมทั้งอยู่ใกล้กับภูเขา เมือง Boulder เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากเมืองอื่นๆ โดยห่างจาก เมืองเดนเวอร์(Denver) ไปทางทิศเหนือประมาณ 25 ไมล์

Douglas Elliman ผู้เชี่ยวชาญในตลาดหรูของเมือง Aspen, Vail, Denver และ Boulder กล่าวว่า เมือง Boulder เป็นเมืองเล็กๆที่ให้ความรู้สึกมีความลึกลับน่าค้นหา ซึ่งไม่สามารถพบเห็นในเมืองเล็กๆเมืองอื่นๆ โดยจากข้อมูล Compass ราคาเฉลี่ยในตลาดที่อยู่อาศัยหรู (Luxury) ช่วงเดือน เมษายน พฤษภาคม และมิถุนายน ของเมือง Boulder มีราคาอยู่ที่ประมาณ $2.5 ล้านดอลลาร์และมากกว่า ส่วนในช่วงเดือน มิถุนายน ราคาขายบ้านพักหรูปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.4% กับในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว หรืออยู่ที่ประมาณ $3.9 ล้านดอลลาร์

อ้างอิง:

Five of the Most Active Luxury Housing Markets in the U.S. – Mansion Global