กฎเหล็กข้อหนึ่งของอสังหาริมทรัพย์ที่เรารู้จักกันดีก็คือ “ทำเล ทำเล และทำเล” ในปัจจุบันกฎข้อนี้ดูเหมือนจะถูกเอามาใช้ในเรื่องของสุขภาพปอดด้วยเช่นกัน

ทำเลชนบทอาจมีข้อได้เปรียบทางสุขภาพที่ดีกว่าทำเลในเขตเมือง

จากการศึกษาด้านทรวงอกของ Lisa lversen และคณะจากมหาวิทยาลัยอเบอร์ดีนพบว่า ผู้ที่อาศัยอยู่ในชนบท (Rural) ของสกอตแลนด์มักมีข้อได้เปรียบทางสุขภาพบางประการเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมประเทศคนอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ โดยพบว่ามีความเสี่ยงต่อการเป็นหอบหืดน้อยกว่า มีความเสี่ยงต่อการเกิดกลุ่มอาการทางระบบทางเดินหายใจน้อยกว่า มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเรื้อนกวางหรือผิวหนังอักเสบน้อยกว่า และมักจะบอกว่าตัวเองมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าในกลุ่มคนที่มีประวัติเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ถุงลมโป่งพอง อาการไอหรือมีเสมหะเรื้อรัง

แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ชาวเมืองทุกคนจะมีปัญหาที่ปอดและก็ไม่ใช่คนชนบททุกคนที่จะมีสุขภาพปอดดี แต่มันก็เป็นไปได้ที่การใช้ชีวิตในชนบทจะดีต่อปอดมากกว่าการใช้ชีวิตในเมืองที่เร่งรีบและเต็มไปด้วยมลพิษทางอากาศ ลองจินตนาการถึงอากาศบริสุทธิ์ที่ล่องลอยไปยังสุดขอบฟ้า ช่างตรงข้ามกับอากาศที่ถูกปล่อยออกมาจากปล่องควันหรือท่อรถยนต์ใช่ไหมล่ะ ฟังดูแล้วเห็นภาพขึ้นหรือยัง?

สำหรับในเมืองไทย การใช้ชีวิตในเขตชนบทที่มีคุณภาพอากาศดีก็เป็นอีกหนึ่งในความฝันของชาวเมือง แต่ทั้งนี้ไม่ได้รับประกันว่าการอาศัยในเขตชนบทจะมีผลดีต่อสุขภาพเพราะมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้ง สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ใกล้ ลักษณะภูมิประเทศ และปัจจัยภายในร่างกายและปัจจัยภายนอกอีกมากมาย เช่น สุขภาพร่างกายและพฤติกรรมการใช้ชีวิตส่วนบุคคล การอยู่ใกล้ไร่ที่จุดเผาชีวมวล เป็นต้น

ภาพสวนเกษตรแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม

ผลงานวิจัยที่ยังไม่สรุปไม่ได้แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการศึกษา

Lisa lversen และทีมของเธอได้ส่งอีเมลสำรวจสุขภาพปอดให้คนในสกอตแลนด์มากกว่า 4,500 คน มีประมาณ 2,600 คนส่งแบบสำรวจกลับมา เมื่อนำข้อมูลระหว่างกลุ่มตัวอย่างในชนบทและในเมืองมาเปรียบเทียบแล้วพบว่าทั้งสองกลุ่มมีความคล้ายคลึงกันในแง่ของอายุ เพศ การศึกษา และการสูบบุหรี่ แต่กลุ่มที่อาศัยอยู่ในชนบทมีแนวโน้มที่จะเกษียณแล้ว เป็นชนชั้นกลาง และไม่ค่อยพบว่าถูกจัดอยู่ในกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทางด้านเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้ไม่ได้พบว่ามีการบันทึกถึงดัชนีมวลกาย (BMI) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะแสดงถึงอาการของโรคปอด รวมถึงข้อมูลทางโภชนาการ ระดับมลพิษทางอากาศ และระดับความเสี่ยงของการเกิดโรคปอดจากการทำเกษตรหรืออาชีพอื่นๆ ก็ไม่ได้มีการบันทึกไว้เช่นกัน รวมทั้งในงานวิจัยยังไม่ได้มีการบอกชัดเจนถึงถิ่นกำเนิดของกลุ่มตัวอย่าง เนื่องจากบางรายอาจเติบโตที่ชนบทแต่ย้ายเข้าไปในตัวเมืองหรือในทางกลับกัน และสืบเนื่องจากการสำรวจนี้เป็นการสำรวจเพียงครั้งเดียวจึงไม่ได้มีการติดตามแนวโน้มของสุขภาพปอดเมื่อเวลาผ่านไป

แต่อย่างไรก็ตามชีวิตในชนบทก็ยังให้ผลดีต่อสุขภาพบางประการ มีงานวิจัยในยุโรปอื่นๆ ที่พบว่ากลุ่มเด็กที่ถูกเลี้ยงในฟาร์มมีอาการแพ้และโรคหอบหืดที่น้อยกว่า มีการพบหลักฐานบางประการที่บ่งชี้ว่าถ้าระบบภูมิคุ้มกันสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้มีค่าในระดับสูง (อย่างเช่นสภาพแวดล้อมในชนบท) คนก็จะมีภูมิต้านทานที่สูงขึ้นและส่งผลให้เกิดการแพ้น้อยลง

บทความนี้พยายามเสนอให้เห็นว่าความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Science) เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ควรให้ความสนใจ เพราะอาจนำมาสร้างเป็นจุดขายอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับโครงการและเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการและใส่ใจด้านสุขภาพ

#wellbeing

แหล่งข้อมูลและภาพ

https://www.webmd.com/asthma/news/20051010/live-rural-life-avoid-asthma

https://unsplash.com/photos/uFKEwCQnXq4

https://unsplash.com/photos/IUkADtlFbK0

https://unsplash.com/photos/3TQ8I-sR9a8