Apple กับสินค้าแห่งอนาคต

ทุกคนรู้ว่าบริษัทที่ขึ้นแท่นเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและสมาร์ทโฟนที่ทั่วโลกต่างจับตามองอย่าง Apple นั้นไม่ได้เป็นผู้คิดค้นสิ่งที่เรียกว่า ‘สมาร์ทโฟน’ ขึ้นมาเป็นรายแรก บริษัทอย่าง Palm, Blackberry เคยขายสิ่งเหล่านี้มาก่อนแล้วนานนับปี แต่การมาของ Iphone จาก Apple ได้เปลี่ยนการใช้งานสมาร์ทโฟนของผู้คนไปอย่างสิ้นเชิง

สมาร์ทโฟนสร้างการเปลี่ยนแปลงมหาศาลแก่วงการเทคโนโลยี ก่อให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ๆ บริษัทสร้างแอปพลิเคชันที่ทำเงินเป็นร้อยล้านดอลลาร์ smart phone ทำได้หลายอย่างจนปัจจุบันเข้ามาแทนที่ของกล้องดิจิทัลไปจนถึงระบบ GPS ในรถยนต์

แต่วันนี้ยอดขายสมาร์ทโฟนลดลงอย่างต่อเนื่องมาสองปีติดเป็นครั้งแรก สิ่งที่เคยแปลกใหม่กลับกลายเป็นเรื่องธรรมดาของทุกคน สิ่งที่คนในแวดวงเทคโนโลยีกำลังจับตามองว่าจะมาเป็นผลงานเด่นชิ้นต่อไปตกไปที่สิ่งที่เรียกว่า AR (Augment Reality) คือภาพเสมือนจริงที่เกิดขึ้นจากการที่ผู้ใช้งานฉายมันผ่านคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ โดยที่ผู้ใช้งานยังสามารถมองเห็นโลกแห่งความเป็นจริงของพวกเขาได้อยู่ (ลองนึกภาพตอนที่คนฮิตเกม Pokemon Go เพียงแค่ฉายโทรศัพท์ไปสักแห่งบนพื้นที่ที่กำหนดก็จะเห็นภาพเสมือนจริงขึ้นมาอยู่รวมกับภาพในโลกจริง) ต่างจาก VR (Virtual reality) ที่จะพาผู้ใช้งานหลุดเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริงอย่างสิ้นเชิง

ตัวอย่างของการใช้งาน AR

ภาพจาก https://www.ft.com/content/76a8ae4c-75b6-11ea-90ce-5fb6c07a27f2

ผู้คนต่างจับตามองว่า Apple น่าจะเป็นผู้ปฏิวัติวงการ AR ได้อย่างที่เคยทำกับสมาร์ทโฟน แม้ว่า Apple ยังไม่เคยออกมายืนยันอย่างเป็นทางการว่ากำลังพัฒนาอะไรอยู่ แต่รายงานจาก Bloomberg เกริ่นว่า Apple จะปล่อยสินค้า AR อย่างเร็วที่สุดในช่วงปีหน้าที่ราคาราวแสนดอลลาร์ในปริมาณจำกัด และเหมาะสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์มากกว่าขายให้ตลาดแมส โดยปัญหาที่ Apple กำลังเผชิญและต้องแก้ไข ได้แก่ เทคโนโลยีเลนส์ ข้อจำกัดในเทคโนโลยีด้านการแสดงภาพที่ยังสว่างไม่เพียงพอต่อการใช้งานตอนกลางวันและยังไม่เหมาะต่อการสวมใส่ทั้งวัน

ในปี 2017 Apple ปล่อยชุดซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า ARkits ที่สามารถวัดระยะทางระหว่างวัตถุกับกำแพงได้ บริษัท เช่น Ikea, Target และ Amazon ได้นำ ARkits นี้ไปใช้ ส่วนใหญ่ใช้วางเฟอร์นิเจอร์แบบเสมือนจริงเพื่อดูความเหมาะสมของพื้นที่ Apple ยังเพิ่มฮาร์ดแวร์เข้าไปใน Iphone ที่เปิดตัวนับแต่ปี 2020 ซึ่งจะมี Radar sensor ที่ฝังอยู่ในกล้อง และ sensor นี้จะสามารถวัดได้ว่าวัตถุอยู่ห่างออกไปแค่ไหน ในปัจจุบันถูกนำมาใช้ในการสร้างฟิลเตอร์แต่งภาพสนุกๆ แต่แน่นอนว่าในอนาคตประโยชน์ของมันจะถูกนำมาใช้อย่างลึกซึ้งมากกว่านี้

อีกวิธีง่ายๆ ที่จะดูการลงทุนในเทคโนโลยีไหนของ Apple คือให้ดูว่าบริษัทเลือกเข้าซื้อกิจการอะไร Apple ได้ซื้อบริษัทที่สร้างเลนส์ใส ผู้ผลิต Headset และบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์และคอนเท้นต์เกี่ยวกับ AR ได้แก่ Akonia, Holographics, Vrvana, Metaio, Emotient, Flyby Media, Spaces และ NextVR

นอกจาก Apple แล้วบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ ที่กำลังพัฒนา AR เพื่อเข้ามาเป็นสินค้าที่น่าจับตามองต่อไปก็มี เช่น

การขยับตัวก่อนเพื่อนของ Google

Google คือ บริษัทแรกที่ปล่อย Headset สุดล้ำออกมาในปี 2013 Google Glass ที่ราคา 1,500 ดอลลาร์ในเวลานั้น หรือราวๆ สี่หมื่นหกพันบาทไทย แต่ Google Glass ก็ตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์อยู่ยกใหญ่เมื่อ Google ฝังกล้องบันทึกวิดีโอลงในแว่นของตัวเองทำให้ผู้ที่ไม่ได้ใส่แว่นรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกจ้องมอง ผู้ใช้งานแว่นคนหนึ่งบอกว่าเธอเคยถูกทำร้ายที่หน้าบาร์ในซานฟรานซิสโกเมื่อปี 2014 เพียงเพราะใส่ Google Glass

https://www.google.com/glass/start/

Google ระงับแว่นอัจฉริยะตัวนี้ไปปรับปรุงชั่วคราวในปี 2015 และกลับมาขายใหม่ในราคา 999 ดอลลาร์ (สามหมื่นบาท) โดยมีแอปพลิเคชันหลัก คือ Augmedix ที่ใช้ช่วยประหยัดเวลาในการตรวจประวัติคนไข้ในผู้ใช้งานแพทย์ โดยการแสดงรายละเอียดที่สำคัญของคนไข้ไว้ในบันทึกประวัติผ่านแว่น

Microsoft ก็เอากับเค้าด้วย

Hololens Headset ของ Microsoft พุ่งเป้าไปยังลูกค้าภาคธุรกิจ เช่น โรงงาน ที่ช่วยให้ข้อมูลการใช้งานหรือวิธีซ่อมของเครื่องจักรแต่ละประเภทแก่ผู้สวมใส่ หรือในห้างค้าปลีกที่ไว้ใช้แสดงสินค้าบนชั้นแบบเสมือนจริงแก่ลูกค้าแทนที่การสต๊อกของจำนวนมาก

ภาพจาก https://www.microsoft.com/en-us/hololens

Facebook ก็ไม่ยอม

ที่จริง Facebook เป็นผู้นำด้าน VR (Virtual Reality) มาตั้งนานแล้วจากการเข้าซื้อ Oculus ในราคา 2 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2014 อันเป็นสัญญาณแห่งการลงทุนในเทคโนโลยีนี้ โดยชุด Headset Oculus ล่าสุดรุ่นที่มีกล้องในตัว ราคา  300 ดอลลาร์ หรือเกือบๆ หนึ่งหมื่นบาทไทย ขายหมดไปแล้วกว่าล้านชิ้น

อุปกรณ์ Oculus

https://www.oculus.com/quest-2/

มาดูพี่ Amazon ทำอะไรบ้าง

Amazon เป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่กระตือรือร้นเรื่อง AR น้อยสุดเมื่อเทียบจากบรรดาบริษัทอื่นๆ ในที่นี้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีสินค้าอะไรเลย Echo Frames คือแว่นตาอัจฉริยะที่ Amazon มีขาย โดยใช้งานผ่าน Alexa และ Amazon’s voice assistant

ภาพจาก https://www.amazon.com/dp/B07W72XKPJ

นอกจากนี้ยังมี Amazon Augmented Reality แอปพลิเคชัน แต่ไม่ใช่แอปที่จริงจังและล้ำลึกอะไร เป็นเพียงแค่ QR code บนกล่องสินค้าของบริษัทที่สามารถเปิดออกมาเล่นเกมสนุกๆ ให้ลูกค้าที่สั่งของได้เล่นก่อนโยนกล่องทิ้งลงถังขยะ จะมีที่ดูจริงจังขึ้นมาหน่อยก็เป็นการใช้ AR เพื่อช่วยลูกค้าวางเฟอร์นิเจอร์เสมือนจริงในบ้านประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์จากทางบริษัท

ภาพจาก https://www.amazon.com/adlp/arview

แหล่งข้อมูลและภาพ

https://www.cnbc.com/2021/02/20/apple-facebook-microsoft-battle-to-replace-smartphone-with-ar.html

https://unsplash.com/photos/0TQa-Ur6Zqg