ไม่มีใครในวงการอสังหาฯ ที่ไม่รู้จัก AirBnB แพลตฟอร์มที่พักราคาดีอันโด่งดังและครองตลาดไปทั่วโลก ทีมงาน Propholic จะพาไปดูข้อมูลว่าสภาพตลาดของ AirBnB ที่อเมริกาเป็นอย่างไรกันบ้าง โดยสรุปมาจากรายงานเรื่อง A Look at Airbnb & Short Term Rentals จัดทำโดย Jamie Lane นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก CBRE

ส่องดูการเติบโตของ AirBNB

AirBNB มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2009 หลังจากการก่อตั้งธุรกิจ ปัจจุบันมีห้องพักกว่า 3 ล้านรายการ จากเจ้าของบ้านที่เข้ามาลงทะเบียนในระบบ 65,000 รายจากกว่า 191 ประเทศทั่วโลก

AirBNB กลายมาเป็นหนึ่งในชื่อที่ผู้คนนิยมเสิร์ชหาใน Google เมื่อต้องการมองหาที่พัก ตีตื้นขึ้นมาเทียบแบรนด์ดังอย่าง Expedia และ Marriott นับตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา

กิจกรรมและงานเทศกาลหลักๆ ก็เป็นอีกปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอัตราการเปิดให้บริการห้องพักเพิ่มสูงขึ้นเป็นครั้งคราว เช่นงานเทศกาลหนัง สื่อและดนตรี South by Southwest Festival ที่จัดขึ้นทุกปี หรือการเดินขบวนแสดงพลังความเคลื่อนไหวทางสังคม Women’s March

เรื่องของราคาห้องพัก AirBnB ในสหรัฐอเมริกา

AirBNB ยังมีราคาเฉลี่ยต่อห้องพอๆ กับราคาที่พักโรงแรมในสหรัฐอเมริกา คือ 127 ดอลลาร์สหรัฐต่อคืน (3,869 บาท) ในขณะที่โรงแรมอยู่ที่ 124 ดอลลาร์สหรัฐต่อคืน (3,777 บาท) แต่เมื่อเทียบกันกับโรงแรมในแคนาดาแล้ว AirBNB มีราคาเฉลี่ยต่ำกว่าเล็กน้อยคือ 98 ดอลลาร์สหรัฐต่อคืน (2,984 บาท) และโรงแรมอยู่ที่ 148 ดอลลาร์สหรัฐ (4,508 บาท)

*ADR ย่อมาจาก Average Daily Rate

ส่องพฤติกรรมของผู้บริโภคในการใช้ห้องพักใน AirBNB

นอกจากนี้อัตราการใช้ AirBNB ยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบปกติและนักเดินทางด้วยเหตุผลทางธุรกิจ (Business Travel) ซึ่งเมื่อคิดเป็นสัดส่วนแล้วพบว่า 11% จากแขกที่มาเข้าพักกับทาง AirBNB คือนักเดินทางด้วยเหตุผลทางธุรกิจ และหากเจาะดูเฉพาะตลาดในตัวเมืองพบว่ามีนักเดินทางด้วยเหตุผลทางธุรกิจเป็นลูกค้าของ AirBNB 30%

สัดส่วนของระยะเวลาการเข้าพักที่มากที่สุดคือ 1-6 วัน คิดเป็น 53.5% รองลงมาคือ 7-29 วัน คิดเป็น 29.2% และเข้าพักนานกว่า 1 เดือนขึ้นไปคิดเป็น 17.3%

แค่เงินเปลี่ยนที่

ข้อมูลจาก Morgan Stanley Research พบว่าโรงแรมได้เสียการเติบโตของ RevPAR ไป 0.9% คิดเป็นมูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบสี่หมื่นล้านบาท) ซึ่งรายได้จำนวนนี้ไม่ได้หายไปไหน แต่เข้าไปอยู่ใน 1 ใน 5 ของรายได้ทั้งหมดของ AirBNB สหรัฐอเมริกา

เจ้าของที่พักผู้มีห้องสำหรับปล่อยเช่ามากกว่า 1 ยูนิต (Multi-unit Host) คืออีกกุญแจสำคัญในการผลักดันการเติบโตของ AirBNB คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2016 โดยเฉพาะใน 13 เมืองหลักที่ทำยอดขายให้แก่ AirBNB ไป 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ Nashville มีอัตราการเติบโต +283% เร็วที่สุด ตามด้วย Oahu +187% New Orleans +144%, San Francisco +57% และ New York +39% และเจ้าของที่พักผู้มีห้องตั้งแต่ 10 ยูนิตขึ้นไปสร้างรายได้มุลค่า 175 ล้านดอลาร์สหรัฐ จาก 13 เมืองหลัก

AirBnB เติบโตแต่ก็มีหดตัว

ทางการได้มีการออกข้อบังคับโดยทั่วไปของ AirBNB ได้แก่

– ห้ามมิให้มีการปล่อยเช่าโดยปราศจากการปรากฎตัวเจ้าของบ้าน

– ไม่อนุญาตให้มีการเข้าพักระยะสั้น

– จำกัดจำนวนการเข้าพักต่อปี

– สัญญาการอนุญาตใช้สิทธิ์

โดยเมืองที่มีความเข้มงวดในการใช้ข้อบังคับได้แก่ Austin, Los Angeles, Miami, New York, San Francisco และ Chicago ส่วนเมืองที่ยังไม่เข้มงวดนักได้แก่ Dallas, Phoenix, San Diego, Atlanta และ Denver

ในปี 2017 จึงเห็นเป็นอัตราการเติบโตที่ลดลงในเมืองที่มีการบังคับใช้กฎอย่างเข้มงวด เช่น New York, San Francisco และ Miami

แหล่งข้อมูลและภาพ

A Look at Airbnb & Short Term Rentals
https://airdna-website-reports.s3.amazonaws.com/industry-reports/CBRE+A+Look+at+Airbnb+%26+Short-Term+Rentals.pdf