ญี่ปุ่นทำอย่างไรถ้าทั้งเมืองเต็มไปด้วยบ้านที่ปราศจากเจ้าของ
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่คนไทยหลายๆคนชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ และวัฒนธรรม จนติดอันดับประเทศในเอเชียที่คนไทยนิยมไปเที่ยวมากที่สุด แน่นอนว่าเมื่อมีดีมานท์ในการท่องเที่ยว ศึกษาต่อ หรือทำธุรกิจ ก็ย่อมเกิดดีมานท์ในการหาพักอาศัยในระยะยาว ซึ่งทางพร็อพฮอลิคเองก็ได้เคยจัดทริปในการไปดูโครงการอสังหาฯที่ญี่ปุ่นมาหลายครั้ง คลิกเพื่ออ่าน เก็บตกบรรยากาศ PropTrip: Tokyo Mission เมื่อคนไทยสนใจซื้อคอนโดที่โตเกียวเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง แต่ก็อย่างที่คุณผู้อ่านและผู้ที่เคยไปร่วมทริปกับเรารู้กันว่าการไปซื้ออสังหาฯที่โน้นนั้นถึงแม้จะไม่มีข้อจำกัดในการถือครองของคนต่างชาติ แต่คอนโดมือหนึ่งส่วนใหญ่มีราคาที่สูง มีค่าใช้จ่ายภาษี ส่วนกลางรายปีที่สูง กู้ธนาคารไม่ได้ อีกทั้งยังยากหากต้องการที่จะทำกำไรกิน Capital Gain จากการขายต่อ ที่ส่วนใหญ่แล้วโดนภาษี โดนค่าโอนไปก็ขาดทุน (เรียกได้ว่าถ้าไม่ได้อยู่เองกะซื้อมาลงทุนขายต่อ ยังไงก็ไม่คุ้ม เพราะราคาอสังหาฯของญี่ปุ่นมันนิ่งต่อเนื่องมาเกินสิบปีแล้ว)
ถึงกระนั้นก็ยังมีคนไทยหลายคนตัดสินใจไปซื้อคอนโดเพื่ออยู่เองที่นั่น หรือแม้กระทั่งซื้อที่ดินตามชานเมืองต่างจังหวัดที่มีราคาถูกกว่าที่ดินใจกลางเมืองของกทม.เยอะเพื่อปลูกบ้านเอง เพราะว่าหลงใหลในวัฒนธรรม และสภาพภูมิอากาศของญี่ปุ่นจนยากจะหักห้ามใจ…แต่มีไม่กี่คนนักที่จะรู้ว่าหากคุณคิดอยากที่จะใช้ชีวิตที่นี่จริงๆ ยังมีทางเลือกที่ให้คุณจ่ายน้อยกว่าที่คิดเอาไว้เยอะเลยทีเดียว และบางที่คุณอาจจะได้บ้านมาฟรีๆด้วยซ้ำ! เป็นที่รู้กันว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นสังคมสูงวัยอย่างเต็มตัว ซึ่งปัญหาที่ตามมาก็คืออัตราการเกิดมีน้อยลงมากขึ้นเรื่อยๆ (ในปี 2017 มีคนเกิด 946,060 คน ในขณะที่มีคนตายถึง 1,340,433 คน)แถมคนสูงวัยเหล่านั้นส่วนหนึ่งก็ไม่มีลูกหลานดูแล เมื่อเกิดการเจ็บป่วย หรือชรามากๆก็มักที่จะเสียชีวิตภายในบ้านพักของตัวเองในแบบที่ไม่มีใครรู้ จนทำให้บ้านและอพาร์ทเมนท์จำนวนมากตามชานเมือง และต่างจังหวัด ไม่มีคนอยู่ ไม่มีเจ้าของ หรือถ้าลูกหลานบังเอิญได้มรดกก็กลับอยากจะทิ้งบ้านไปซะเพราะไม่อยากจ่ายภาษี (ซะงั้น) หน่วยงานภาครัฐก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อดี จะปล่อยทิ้งร้างแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆก็กะไรอยู่ ซึ่งจากข้อมูลสถิติของกระทรวงกิจการภายในประเทศและการสื่อสารพบว่า เมื่อปี 2013 มีจำนวน “บ้านที่ปราศจากเจ้าของ” หรือที่เรียกในญี่ปุ่นว่า Akiya (空き家) เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2013 มีจำนวนสูงถึง 8.2 ล้านหลัง ซึ่งนับเฉพาะที่คาโงชิม่า โคจิ และวากายาม่า ก็กินจำนวนกว่า 10% เข้าไปแล้ว ส่วนใน 2018 ก็เพิ่มขึ้นมาเป็นมากกว่า 10 ล้านหลัง และมีการคาดการณ์จากสถาบันวิจัยกลุ่ม Fujitsu กันว่าในปี 2033 จำนวนบ้านกว่า 30% ของบ้านทั้งหมดในญี่ปุ่น รวมถึงในโตเกียวด้วยจะกลายเป็นบ้านที่ปราศจากคนพักอาศัย! ฟังดูแล้วมันน่าหดหู่ และสะท้อนผลเสียต่อตลาดอสังหาฯยังไงไม่รู้เหมือนกันครับ
ผลจากที่มี Akiya เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆนั้น ส่งผลชัดเจนในเรื่องสภาพแวดล้อมของทำเลนั้นๆครับ เพราะตัวบ้านเองก็ทรุดโทรม ปลวกกิน หลายแห่งเป็นแหล่งมั่วสุม เป็นเป้าหมายในการถ่ายรายการแนวล่าท้าผี หลายๆหลังฝนตกลมแรงหน่อยก็พังทลายลงมาเป็นภาระให้เทศบาลเมืองเค้าอีก แต่สิ่งที่เป็นผลกระทบในวงกว้างก็คือมันจะทำให้เมืองที่มี Akiya อยู่เยอะๆ ค่อยๆถูกลบออกไปจากแผนที่ครับ ก็แหงล่ะ เมืองที่มีแต่บ้านร้าง ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย มันจะเป็นเมืองไปได้ยังไง และจะส่งผลเป็น Domino Effect ต่อราคาอสังหาฯ และ Business Ecosystem ในเขตพื้นที่นั้นๆ อย่าลืมนะครับ Akiya บางแห่ง ไม่ได้เป็นแค่บ้านเดี่ยว แต่เป็นพื้นที่ฟาร์มเป็นหลายสิบหลายร้อยไร่ก็มีให้เห็นเช่นกัน