Privacy is the New Luxury Trend คุณค่าแห่งความเป็นส่วนตัวคืออีกนิยามแห่งความหรูหรา
[สนับสนุนบทความโดย Ideo Q Siam – Ratchathewi]
นิยามแห่งความหรูหรา
ผู้เขียนเคยเขียนบทความเกี่ยวกับความหรูหราในนิยามใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปจากการรับรู้เดิมๆ ของเรา เราอาจนิยามความหรูหราไว้ว่าเท่ากับอะไรก็ได้ที่มีราคาสูง ความหรูหราคือการเลือกใช้สิ่งของวัสดุที่หายากในธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่นการใช้หินอ่อนธรรมชาติในงานสถาปัตยกรรมเพื่อสื่อถึงความหรูหรา แต่ที่มาที่ไปของหินอ่อนธรรมชาติอาจเป็นแนวคิดที่ขัดแย้งกับกระแสรักษาสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly) ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในนิยามใหม่ของความหรูหราไปแล้ว ผู้คนชนชั้นนำในโลกมองถึงอนาคตของลูกหลานและให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อ่านบทความที่นี่ Eco-friendly is the new Luxury Trend เมื่อเทรนด์ความหรูหราที่แท้จริงเปลี่ยนไป
ความเป็นส่วนตัว คือหนึ่งในความหรูหรา
บทความใหม่นี้เป็นซีรีส์ New Luxury Trend ต่อจากเรื่อง Eco-friendly ครับ ครั้งนี้จะพูดอีกมิติหนึ่งของความหรูหรานั่นก็คือ ความเป็นส่วนตัว (Privacy) ทำไมความเป็นส่วนตัวถึงกลายมาเป็นความหรูหราได้นะ คำว่า Privacy หรือความเป็นส่วนตัว มีความหมายตามพจนานุกรมคือ the state of being apart from other people or concealed from their view หมายถึง สถานะเฉพาะตัวเราเองเท่านั้น ไม่มีคนอื่น เป็นสถานะที่ปกปิดอยู่โดยที่คนอื่นไม่รู้ไม่เห็น
ภาพจาก Pixabay
ปัจจุบันหลังจากที่กระแส Social Network และเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารสามารถเจาะลึกถึงความคิด รสนิยม ความต้องการของเราผ่านการ Data Mining, Big Data เก็บข้อมูลจาก platform การสื่อสารต่างๆ ทางอินเทอร์เน็ต ภาวะความเป็นส่วนตัวของเราก็เริ่มลดน้อยถอยลง บางกรณีที่เพิ่งเป็นข่าวใหญ่โตระดับโลกเกี่ยวกับการสามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้งานแล้วนำไปกำหนดข้อมูลข่าวสารที่ผู้ใช้ควรจะรับรู้เพื่อการปรับเปลี่ยนความคิดในสังคม (Social Manipulation) ให้เป็นไปตามที่ผู้กำหนดต้องการ ซึ่งประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ดูน่ากังวลมากเช่นกัน นักลงทุนชาวจีน main land หลายคนก็หันมาเก็บเงินและทรัพย์สินของตัวเองในรูปแบบ Bitcoin หรือ Cryptocurrency กันมากขึ้นเพื่อซ่อนเงินไม่ให้หน่วยงานรัฐเห็นและสะดวกสบายในการแลกเปลี่ยนแบบไม่ค่อยมีกฎเกณฑ์กำหนดมากนัก
ความเป็นส่วนตัวมีน้อยลง จึงมีคุณค่ามากขึ้น
ความเป็นส่วนตัวของเราในปัจจุบันมีน้อยลง และสิ่งใดก็ตามที่มีคุณน้อยลง หายาก มันจึงมีคุณค่ามากขึ้นนั่นเองตามหลักการ Demand-Supply ทั่วไป ในต่างประเทศมีกระแสการหยุดใช้งาน Social Networks นำตัวเองออกจากระบบเพื่อไปใช้ชีวิตจริงแบบที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น คนทำงานหลายคนลดการใช้ Social Networks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการบริหารจัดการเวลา วัยรุ่นหลายคนเลิกเล่น Facebook เพราะพ่อแม่ปู่ย่าตายายเล่นด้วยมากเกินไปจึงหันไปเล่น snapchat ซึ่งเป็นระบบที่มีความเป็นส่วนตัวสำหรับกลุ่มวัยรุ่นมากกว่า กรณีต่างๆ ทำให้เห็นว่า Demand ความต้องการด้าน Privacy นั้นเป็นสิ่งที่คนทั่วโลกกำลังต้องการเป็นอย่างมาก
ความเป็นส่วนตัวในวงการอสังหาริมทรัพย์
ภาพจาก Pixabay
ในวงการอสังหาริมทรัพย์ก็มีการคำนึงความเป็นส่วนตัวด้วยเช่นกัน เช่น ถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัวก็ต้องเลือกบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่อาณาเขตกว้างขวางและอยู่ห่างไกลจากสายตาคนอื่น แต่ความไกลจากผู้คนชุมชนก็ไม่ใช่วิสัยที่มนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์สังคมทำกันมากนัก และความห่างไกลก็มักจะสวนทางกับความสะดวกสบาย ปัจจุบันจึงมีความต้องการที่อยู่อาศัยที่เป็นรูปแบบคอนโดมิเนียมซึ่งอยู่ในทำเลที่มีคนอยู่เยอะ สะดวกสบาย แต่ต้องดำรงไว้ซึ่งความเป็นส่วนตัวด้วยการออกแบบรูปแบบโครงการ เช่น การตั้งห่างจากตึกอื่นๆ พ้นระยะที่ตามองเห็นได้ชัด การติดม่านติดฟิล์มหน้าต่างเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว คอนโดมิเนียมห้องไหนที่ได้วิวโล่งจะมีราคาแพงกว่าวิวบล็อก การจัดที่จอดรถครบทุกห้อง 100% การแบ่งสัดส่วนพื้นที่ส่วนตัวในพื้นที่ส่วนกลางด้วยเฟอร์นิเจอร์หรือฉากกั้น และอีกอย่างที่ช่วยเพิ่มระดับความเป็นส่วนตัวให้ผู้อยู่คอนโดมิเนียมก็คือ การออกแบบให้แต่ละยูนิตมีลิฟต์ส่วนตัว หรือ Private Lift ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ของคอนโดมิเนียมระดับ Luxury