สรุปประเด็นอสังหาฯ ที่น่าสนใจตลอดปี 2025
มาพบกันอีกตามเคยกับคอนเทนต์สรุปประเด็นอสังหาฯ น่าสนใจตลอดปี ปีนี้เราก็มาเจอกันในเดือนธันวาคมของปี 2025 ที่ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างรวดเร็ว ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2025 กำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ต้องอาศัยการปรับตัวอย่างฉับไวและกลยุทธ์ที่คมชัดในการสร้างความเติบโต แม้ว่าภาพรวมจะยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากกำลังซื้อภายในประเทศที่อ่อนแอและปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มระดับกลางถึงล่าง โดยเฉพาะโครงการราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท ยังคงต้องต่อสู้กับอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่เข้มงวดและภาวะยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ซบเซาอย่างต่อเนื่อง แต่ในทางกลับกัน ตลาดกลับมีจุดสว่างและโอกาสใหม่ๆ ที่น่าจับตามองอย่าง มาติดตามไปพร้อมกันว่าในรอบปีที่ผ่านมามีประเด็นเด็ดๆ เกี่ยวกับด้านอสังหาฯอะไรบ้างกันเลย
1. แผ่นดินไหวช็อคประเทศไทย ฉุดความเชื่อมั่นในตลาดคอนโด
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมาร์ จนส่งผลกระทบถึงประเทศไทยในพื้นที่หลายจังหวัด โดยเฉพาะในกรุงเทพฯที่และอาคารสูงและคอนโดมิเนียมหลายแห่งเกิดความเสียหายหายทั้งในเชิงสถาปัตยกรรม และโครงสร้าง คือประเด็นสุดช็อคที่ส่งผลกระทบมหาศาลต่อธุรกิจอสังหาฯทั้งทางตรงและทางอ้อมในปีนี้ เรียกได้ว่าเป็นอะไรใหม่ๆ สำหรับคนไทยเลยก็ว่าได้ ไม่เพียงเท่านั้นยังถือเป็นปัจจัยลบใหม่ที่เข้ามาซ้ำเติมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มอาคารสูงในเมืองใหญ่ แม้ว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวในไทยจะเกิดไม่บ่อยนัก แต่เมื่อเกิดขึ้นก็ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาของผู้บริโภคทันทีประเด็นแผ่นดินไหวในไทยส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ เป็นอย่างมาก รวมไปถึงผู้อยู่อาศัยอีกด้วย เนื่องจากกระทบต่อ “ความรู้สึกปลอดภัย” ซึ่งเป็นพื้นฐานของการซื้อที่อยู่อาศัย ที่สามารถแบ่งเป็นผลกระทบด้านต่างๆได้ดังต่อไปนี้
– ความเชื่อมั่นสั่นคลอน: ผู้บริโภคเกิดความตระหนกต่อความแข็งแรงของ อาคาร High-Rise ทำให้เกิดการ ชะลอการตัดสินใจซื้อหรือโอนกรรมสิทธิ์ ส่งผลให้ ยอดขายและยอดโอนคอนโดมิเนียมลดลงทันที
– บ้านแนวราบเป็นทางเลือก: วิกฤตนี้ผลักดันให้ความต้องการ บ้านแนวราบ เพิ่มขึ้นชั่วคราว เนื่องจากถูกมองว่ามีความเสี่ยงจากภัยพิบัติน้อยกว่า
– งบประมาณในการเปิดตัวโครงการ ทำการตลาดน้อยลง เพราะดีเวลลอปเปอร์ต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปซ่อมแซมโครงการ โดยเฉพาะกับกลุ่มโครงการที่ยังอยู่ระหว่างการขายและการโอน
– มาตรฐานการก่อสร้างคือส่วนหนึ่งของการสร้างแบรนด์: ดีเวลลอปเปอร์ถูกเร่งให้สื่อสารเชิงรุก และนำเสนอข้อมูล มาตรฐานการออกแบบและก่อสร้างที่รองรับแรงสั่นสะเทือน โดยความปลอดภัยของโครงสร้างกลายเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้อของลูกค้ายุคใหม่
ซึ่งวิกฤตแผ่นดินไหวตอกย้ำความเปราะบางของตลาดคอนโดฯ และบีบให้ผู้ประกอบการต้องลงทุนด้านความน่าเชื่อถือทางวิศวกรรมอย่างหนัก เพื่อกอบกู้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับคืนมา และวิกฤตการณ์ดังกล่าวยังเป็นตัวเร่งให้ผู้พัฒนาโครงการต้องเร่งสื่อสารเชิงรุกเพื่อสร้างความเชื่อมั่น พร้อมยกระดับมาตรฐานการออกแบบและก่อสร้างให้สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนได้ตามมาตรฐานที่เข้มงวดขึ้น เพื่อทำให้ความปลอดภัยกลายเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคยุคใหม่ และเหตุการณ์ครั้งนี้ยังเป็นตัวชี้วัดได้ว่าดีเวลลปอเปอร์เจ้าไหน โครงการอะไร มีความใส่ใจต่อตัวและทรัพย์สินของลูกบ้านมาเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อเรียกคืนความมั่นใจและความปลอดภัยแก่ลูกบ้านในโครงการของตัวเองได้นั่นเอง
2. ห้างค้าปลีกยักษ์ แข่งกันปั้น Landmark ใหม่ทั่วเมือง
ปัจจุบัน โครงการเมกะโปรเจกต์ในกรุงเทพฯ ก็ผุดขึ้นรัวๆ ตามย่านต่างๆ ในกรุงเทพฯ โดยแต่ละโปรเจกต์ก็ถูกพัฒนาให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนกรุงเทพฯ และคนทั้งประเทศ เพื่อรองรับการใช้ชีวิตได้หลากหลายรูปแบบ และให้คนเข้ามาเดินจับจ่ายซื้อซื้อของได้ทุกวัน ทั้ง Dusit Central Park กับ สวนดุสิตอรุณ / Asiatique กับ Jurassic World และ Skyflyers รวมถึง Siam Paragon กับ Nextopia และ MeLand ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ของไทย กำลังระดมทุนและกลยุทธ์เพื่อยกระดับพื้นที่ค้าปลีกให้กลายเป็น แลนด์มาร์กใหม่ระดับโลก ที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมเมืองและนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพฯ อย่างคึกคัก โดยโครงการยักษ์ใหญ่อย่าง Dusit Central Park คือตัวอย่างของการผสมผสานระหว่างโรงแรมหรู อาคารสำนักงาน ที่พักอาศัยระดับพรีเมียม และพื้นที่ค้าปลีกเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวบนทำเลทอง ซึ่งถูกมองว่าจะเข้ามาพลิกโฉมย่านสีลมให้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ
ในขณะที่โครงการสร้างสรรค์อื่นๆ ก็เกิดขึ้นพร้อมกันเพื่อมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง เช่น การปรับปรุงพื้นที่ของ Asiatique The Riverfront ให้มีชีวิตชีวาขึ้นด้วยการนำเอาความบันเทิงระดับโลกอย่าง Jurassic World มาสร้างเป็นประสบการณ์เสมือนจริง และการเปิดตัว Skyflyers ซึ่งคาดว่าจะเป็นจุดชมวิวและประสบการณ์ทางอากาศที่น่าตื่นเต้นริมแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะเดียวกัน Siam Paragon ก็ไม่หยุดนิ่งในการตอกย้ำความเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ระดับอัลตราลักชัวรี ด้วยการประกาศแผนงานพัฒนาพื้นที่และประสบการณ์แห่งอนาคตผ่านแนวคิด Nextopia และ MeLand ที่มุ่งเน้นการสร้างพื้นที่สำหรับเทคโนโลยี นวัตกรรม และการสร้างสรรค์ที่เชื่อมโยงกับโลกเสมือนจริง เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการประสบการณ์ที่เชื่อมโยงระหว่างโลกจริงและโลกดิจิทัล การแข่งขันครั้งใหญ่ในการปั้นแลนด์มาร์กเหล่านี้จึงเป็นการยืนยันว่า ตลาดค้าปลีกไทยกำลังก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ครอบคลุมและสมบูรณ์แบบที่สุดแก่ผู้บริโภค
Nextopia
MELAND
Skyflyers
Jurassic World: The Experience
Dusit Central Park
สวนดุสิตอรุณ ณ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค
3. กำลังซื้ออ่อนแอและเศรษฐกิจชะลอตัว หนี้ครัวเรือนพุ่งกู้ไม่ผ่าน
ในปีนี้เรียกได้ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศไม่สู้ดีนัก สืบเนื่องมากจากการเกิดวิกฤติจากหลายอย่างรวมกัน ทำให้คนไม่กล้าใช้เงินก้อนใหญ่ในการซื้อสินค้า รวมถึงตลาดอสังหาฯ มาปีนี้ที่มีความตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด หลายฝ่ายมองว่าเป็นช่วงที่แย่ที่สุดในรอบหลายปี เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมเติบโตต่ำ ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคระดับกลางและล่างลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และในสภาวะที่เศรษฐกิจโดยรวมมีการขยายตัวที่ชะลอตัวและขาดแรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่ง กำลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศจึงอยู่ในภาวะอ่อนแออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อครัวเรือนต้องแบกรับภาระหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้นจนทำสถิติใหม่และยังคงเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญ ซึ่งภาระหนี้สินที่สูงนี้ได้กัดกินรายได้ส่วนใหญ่ ทำให้ความสามารถในการจับจ่ายสินค้าขนาดใหญ่ หรือแม้แต่การใช้จ่ายในชีวิตประจำวันลดลงเป็นอย่างมาก
ทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อ โดยเมื่อผู้บริโภคที่มีหนี้สูงยื่นขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย สถาบันการเงินจำเป็นต้องประเมินความเสี่ยงอย่างเข้มงวดและรัดกุมตามหลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ จนนำไปสู่อัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้กู้รายได้น้อยถึงปานกลางและกลุ่มที่ต้องใช้สินเชื่อเต็มวงเงิน ซึ่งปัญหาการกู้ไม่ผ่านนี้ไม่เพียงแต่เป็นอุปสรรคสำคัญที่ฉุดการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยและสร้างความกดดันให้ผู้ประกอบการต้องเร่งระบายสต็อก แต่ยังสะท้อนถึงความเปราะบางทางเศรษฐกิจในระดับฐานรากของครัวเรือนไทยอีกด้วย
4. ดีเวลลอปเปอร์ทยอยรุกตลาดรับสร้างบ้าน
ปัจจุบันนี้บริษัทดีเวลลอปเปอร์หลายเจ้าก็หันมารับสร้างเองแล้ว ต่างจากเมื่อก่อนที่มีการพัฒนาโครงการแนวสูงและแนวราบตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย แต่ในปัจจุบันที่ยุคสมัยได้เปลี่ยนไป คนหันมาจับปลาหลายมือเพื่อให้สามารถมีรายได้เข้ามาหลายทาง ดีเวลลอปเปอร์ก็เช่นกัน หันมาจับตลาดรับสร้างบ้าน ที่มีการออกแบบ ดูแลการก่อสร้างไปจนเสร็จสมบูรณ์ ไม่ได้เน้นขายเฉพาะโครงการของตัวเองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เนื่องจากตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบโครงการใหญ่เผชิญกับความท้าทายจากกำลังซื้อที่อ่อนแอและอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ หลายรายจึงได้เริ่มปรับกลยุทธ์เชิงรุกด้วยการขยายขอบเขตธุรกิจเข้าสู่ตลาดรับสร้างบ้าน ซึ่งเป็นการให้บริการสร้างบ้านบนที่ดินของลูกค้าโดยเฉพาะ (Custom-Built Homes) เพื่อกระจายความเสี่ยงและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงและมีที่ดินพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการกู้ไม่ผ่านมากนัก การเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของดีเวลลอปเปอร์ ทั้งในด้านความน่าเชื่อถือของแบรนด์ มาตรฐานการควบคุมคุณภาพการก่อสร้าง ประสบการณ์ในการบริหารจัดการซัพพลายเชน รวมถึงการออกแบบที่มีความทันสมัยและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัย ทำให้พวกเขาสามารถเข้ามาเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการแข่งขันกับบริษัทรับสร้างบ้านแบบดั้งเดิม โดยการรุกตลาดรับสร้างบ้านนี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่มั่นคงท่ามกลางความผันผวนของตลาดคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอบสนองต่อเทรนด์ของผู้บริโภคที่ต้องการความยืดหยุ่นและการสร้างบ้านที่สะท้อนรสนิยมเฉพาะตัวบนที่ดินเดิมของครอบครัว โดยการรุกตลาดรับสร้างบ้านของดีเวลลอปเปอร์เป็นการปรับตัวอย่างชาญฉลาดเพื่อกระจายรายได้ ใช้ประโยชน์จากความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงและต้องการความเป็นส่วนตัวและปรับแต่งเฉพาะ ในขณะที่ตลาดโครงการจัดสรรแบบเดิมเริ่มอิ่มตัวมากขึ้นนั่นเอง


















