ปรับอาคารเก่าอย่างไร ให้ตอบโจทย์ผู้เช่าคุณภาพในยุคผันจาก Co-working space เปลี่ยนมาเป็น Private Office
อาคารออฟฟิศเก่าจำนวนมากไม่ได้ขาดศักยภาพ แต่ขาดการตีความความต้องการของผู้เช่าใหม่ ผู้เช่ากลุ่มมืออาชีพในปัจจุบันไม่ได้มองหาออฟฟิศใหญ่หรู แต่กำลังมองหา private office พื้นที่ที่เงียบ เป็นส่วนตัว และช่วยให้ทำงานได้ดีจริง การปรับปรุงอาคารให้เหมาะกับกลุ่มนี้จึงไม่จำเป็นต้องรื้อใหม่ทั้งหมด แต่ต้องปรับให้ตรงจุด
จุดเริ่มต้นสำคัญคือการมองผังอาคารใหม่ จากเดิมที่ออกแบบมาเพื่อผู้เช่ารายใหญ่หรือสำนักงานแบบเปิด (open plan) แต่ควรปรับให้รองรับยูนิตขนาดเล็กถึงกลาง เช่น สำนักงานส่วนตัวขนาด 20–60 ตารางเมตร ออกแบบเป็นสัดส่วนชัดเจน ผู้เช่ากลุ่มนี้ต้องการพื้นที่ของตัวเอง มากกว่าพื้นที่ที่ต้องแชร์ขนาดใหญ่ การแบ่งยูนิตให้ชัด ช่วยขยายฐานลูกค้า ลดความเสี่ยงจากการพึ่งผู้เช่ารายเดียว และเพิ่มความยืดหยุ่นในการปล่อยเช่า
สิ่งที่ผู้เช่ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญมากกว่าที่หลายตึกคาดคิด คือ “ความเงียบ” อาคารหลายแห่งมีปัญหาเสียงทะลุผนัง เสียงจากโถง หรือเสียงจากภายนอก การลงทุนในผนังกันเสียง ประตูที่ปิดสนิท และการจัด zoning เสียง เป็นการลงทุนเพิ่มมูลค่าอาคารอย่างชัดเจน เพราะความเงียบคือเหตุผลหลักที่ทำให้ผู้เช่าย้ายออกจาก coworking space ที่วุ่นวาย มาเลือกสำนักงานส่วนตัว
อีกเรื่องหนึ่งที่มักถูกมองข้าม คือการควบคุมสภาพแวดล้อมภายใน ผู้เช่าต้องการปรับแสงได้เอง ปรับอุณหภูมิแอร์ตามใจตนเอง และจัดโต๊ะทำงานตามวิธีของตัวเอง อาคารเก่าที่เป็นระบบแอร์รวม ปรับไม่ได้ หรือแสงไฟที่ไม่สามารถหรี่เพิ่มได้จะเสียเปรียบทันที การแยกระบบควบคุมเป็นโซนเล็ก ๆ หรืออย่างน้อยเปิดโอกาสให้ผู้เช่าควบคุมได้บางส่วน เช่น ประยุกต์เอาอุปกรณ์ smart home มาใช้ จะทำให้อาคารดูทันสมัยโดยไม่ต้องลงทุนหนัก


