คอนโดห้องข้างๆ ปล่อยให้เป็นรังนก แล้วควรร้องใคร? นิติ? เจ้าของห้อง? รัฐ? หรือกฎหมายมันผิดเอง?
ภาพถ่ายจากสถานที่จริงในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง
วันนี้ Propholic.com จะพาไปดูปัญหาในคอนโดที่ถูกนกพิราบยึด และชวนคิดว่าเป็นปัญหาเงียบที่คอนโดไทยต้องป้องกันตั้งแต่วันแรกก่อสร้างหรือเปล่า
มุมสบายนก คือ จุดเริ่มต้นของอาณาจักรนกพิราบในคอนโด
ในคอนโดมิเนียมจำนวนมาก พื้นที่ที่แสงแดดส่องไม่ถึง ระเบียง มุมหลังอาคาร ตรง facade หรือที่ยื่นสำหรับนกเกาะ หรือห้องที่เจ้าของไม่ค่อยเปิดใช้งาน มักกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้มีใครใส่ใจ แต่กลับเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่นกพิราบเลือกเข้ามาอยู่อาศัยอย่างเป็นล่ำเป็นสัน พื้นที่แบบนี้ให้ความสงบ ปลอดภัย และปราศจากการรบกวน เป็นมุมสบายนก นกพิราบจึงเข้ามาสร้างรัง ขยายครอบครัว และสร้างอาณาจักรของมันอย่างสมบูรณ์แบบ โดยทิ้งมูลของเสียไว้จำนวนมากจนกลายเป็นปัญหาสกปรก กลิ่นเหม็น และเชื้อโรคที่มีผลโดยตรงต่อสุขภาพของคนทั้งอาคาร
อุจจาระนกพิราบที่สะสมจนแห้งแตกตัวเป็นฝุ่นสามารถลอยเข้าสู่ระบบอากาศได้ง่าย เชื้อราอย่าง Histoplasma หรือ Cryptococcus สามารถก่อโรคทางเดินหายใจได้โดยตรง (ตัวอย่างเช่นเคสเป็นข่าวดังล่าสุดที่ทารกนั่งกลางฝูงนกแล้วป่วย) นอกจากนี้เห็บไรจากรังนกก็สามารถแพร่เข้าสู่ห้องอื่นและรบกวนผู้พักอาศัยโดยไม่รู้ตัว ปัญหานี้จึงไม่ใช่เพียงเรื่องความน่ารำคาญ ไม่ใช่ปัญหาสุขภาพของบุคคลระดับ individual health แต่คือ “ปัญหาสาธารณสุข” เป็นปัญหาระดับ public health ที่ทำลายคุณภาพชีวิตของคนทั้งอาคารได้
เมื่อห้องว่างกลายเป็นหลุมดำที่ไม่มีใครแตะต้องได้ เพราะติดกฎหมาย
สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายอย่างมากหากห้องที่นกพิราบเข้าไปยึดเป็นห้องที่ไม่มีเจ้าของอยู่ ไม่มีผู้ดูแล ไม่เคยเปิดใช้งาน หรือเป็นห้องที่นิติบุคคลติดต่อเจ้าของไม่ได้ ห้องเหล่านี้กลายเป็นพื้นที่ปิดตาย นิติบุคคลแม้เห็นปัญหาอยู่ตรงหน้า กลิ่น อุจจาระ รังนก และเสียงรบกวน ก็ไม่สามารถเข้าไปจัดการได้ เพราะการเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการบุกรุกตามกฎหมายทันที
นี่คือภาพตัวอย่างให้เห็นถึงศักยภาพของนกที่เข้ามาทำรังและทิ้งมูลอุจจาระเอาไว้ ถ่ายภาพจากสถานที่จริงคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นห้องที่ปิดร้างไว้ไม่มีคนอยู่ ถึงแม้จะมีการติดตั้งตาข่ายแต่อาจไม่ได้มาตรฐานหรือถาวรมากพอ เกิดชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลาและทำให้นกบุกทะลุตาข่ายเข้ามาได้
ถ้าสภาพแบบนี้เกิดขึ้นกับห้องข้างๆ ของคุณ คุณคิดว่ามันเป็นปัญหาเชิงระบบหรือเปล่า หรือเป็นปัญหาเฉพาะบุคคล?
ความจริงที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงคือ ปัญหานี้ “แก้ไม่ได้เลย” หากเจ้าของห้องไม่เปิดประตู เพราะกฎหมายสิทธิในทรัพย์สินส่วนบุคคลมีน้ำหนักมากพอที่จะหยุดทุกการแก้ไข แม้ปัญหาจะกระจายไปยังห้องอื่นจนแทบอยู่ไม่ได้ก็ตาม
ในเวลาเดียวกัน รังนกพิราบไม่ได้จำกัดผลกระทบอยู่แค่ห้องที่ถูกยึด แต่ส่งอากาศปนเปื้อนออกมาสู่ระเบียงห้องข้างเคียง ระบบลม โถงลิฟต์ หรือแม้กระทั่งช่องว่างโครงสร้างที่ลมสามารถพัดผ่านได้ นี่จึงไม่ใช่ปัญหา “ของห้องใครห้องมัน” แต่เป็นปัญหาสุขภาพของอาคารทั้งหลังอย่างแท้จริง





