ASW โชว์ผลงานปี 2567 กวาดรายได้ 9,987 ล้าน พร้อมกำไร 1,457 ล้าน โต 33% ปี 2568 ปักธงเป้ารายได้ 10,500 ล้าน โชว์แบ็กล็อกแกร่ง จ่อโอนคอนโดใหม่อีก 7 โครงการ
ASW กางผลประกอบการปี 2567 กวาดรายได้ทะลุเป้าหมาย 9,987 ล้านบาท โต 39% คว้ากำไรสุทธิ 1,457 ล้านบาท เติบโต 33% สานต่อความสำเร็จ 20 ปี ชูกลยุทธ์ “Growing Success, Growing Happiness” เดินหน้าอย่างรอบคอบและมั่นคงท่ามกลางทุกสภาวะเศรษฐกิจ วางแผนปี 2568 เปิด 10 โครงการใหม่ทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูเก็ต 22,000 ล้านบาท พร้อมเป้ายอดขาย 19,500 ล้านบาท เป้ารายได้ 10,500 ล้านบาท หลังมีแบ็กล็อกสะสม 25,413 ล้านบาท พร้อมทยอยโอนโครงการสร้างเสร็จใหม่ปีนี้ 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 14,050 ล้านบาท
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” กล่าวว่า ผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทสามารถสร้างยอดขายรวม 19,330 ล้านบาท เติบโตราว 17% จากปี 2566 และเกินกว่าเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ที่ 17,800 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 9,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากปีก่อนหน้า เกินเป้าหมายรายได้เดิมที่เคยตั้งไว้ที่ 8,700 ล้านบาท และสามารถทำกำไรสุทธิ 1,457 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 33% ซึ่งถือเป็นสถิติรายได้และกำไรสุทธิที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท (New High)
ทั้งนี้ ความสำเร็จดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากโครงการที่มีกระแสตอบรับดีและมียอดโอนกรรมสิทธิ์โดดเด่นอย่างเคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ (Kave Town Island) มูลค่า 3,500 ล้านบาท และเดอะ ไทเทิล ฮาโล 1 (THE TITLE HALO 1) มูลค่า 1,537 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการแรกที่สามารถโอนกรรมสิทธิ์และทยอยรับรู้รายได้ หลัง ASW เข้าถือหุ้นในบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต
“ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 ที่ผ่านมาค่อนข้างผันผวนจากหลายปัจจัย แต่ ASW ยังสามารถรักษาการเติบโตด้านยอดขาย รายได้ และกำไรสุทธิได้อย่างต่อเนื่อง จากการวางแผนการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ ให้ความสำคัญกับวินัยทางการเงิน การขยายไปยังทำเลใหม่ที่มีศักยภาพสูงอย่างภูเก็ต และการส่งมอบโครงการได้ตามกำหนด ทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นไว้วางใจ นอกจากนี้ ASW ใช้กลยุทธ์ Lifestyle Marketing ซึ่งช่วยสร้างความแตกต่าง ตอกย้ำการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น” นายกรมเชษฐ์ กล่าว
นายกรมเชษฐ์ กล่าวอีกว่า แม้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 ต้องเผชิญความท้าทายจากมาตรการคุมเข้มในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน แต่ยังมีปัจจัยบวกจากภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งธนาคารโลก (World Bank) และกระทรวงการคลัง ประเมินว่า จีดีพีไทยจะเติบโตขึ้นราว 2.9-3.0% จากการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน การส่งออกและการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง การลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชน นอกจากนี้ ยังมีการเข้ามาลงทุน Data Center ของ Tech Company ระดับโลกในไทย ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เกิดการจ้างงานคนในประเทศและ Expats ส่งผลให้กำลังซื้อของคนในประเทศมีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้น รวมถึงกระตุ้นดีมานด์การเช่าและซื้อคอนโดมิเนียมของชาวต่างชาติ