‘สีเบเยอร์’ คว้าฉลากเขียว ลดโลกร้อน ต่อเนื่องกว่า 15 ปี พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน
เบเยอร์ ภูมิใจ ในสีเบเยอร์ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ตามกรอบแนวคิด “Eco-Wellness Innovation” หรือ สีนวัตกรรม รักษ์โลก รักคุณ กว่า 1 ทศวรรษที่ผ่านมา เบเยอร์ไม่เคยหยุดนิ่งในการนำเอานวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาปรับใช้กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อแก้ไขปัญหาและขานรับความต้องการของผู้บริโภคอย่างรอบด้าน โดยสร้างสินค้ากลุ่มสีรักษ์โลกและถือเป็นผู้ผลิตสีรายแรกในประเทศที่ผลักดันให้เกิดสินค้าและผลิตภัณฑ์สีที่ช่วยสะท้อนความร้อน ประหยัดค่าไฟ และสีเบเยอร์คูล คือผลลัพธ์ที่ชัดเจนในห่วงโซ่อุปทานทางธุรกิจในวันนี้ ซึ่งทางเบเยอร์ได้เข้าร่วม รับรางวัลจากงาน TEI-Ecolabelling Forum 2024: Green Solution For Production “ตอบโจทย์การผลิตสีเขียวด้วยฉลากสิ่งแวดล้อม” นำโดย ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ได้มอบรางวัล ให้แก่ ดร.จารุรัตน์ ชัยยศบูรณะ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน ขึ้นรับรางวัล เกียรติบัตรผ่านการรับรองฉลากเขียวสำหรับผลิตภัณฑ์สี (TGL-4-R3-14)
ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ
เพื่อเป้าหมายการขับเคลื่อนสู่ธุรกิจสีเขียว (Green business) อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน พร้อมบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ จำนวน 5,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าภายในปี 2032 รวมถึงสร้างความตระหนักรู้ถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในสังคมไทย การเข้ารับ ฉลากลดโลกร้อน เปรียบเป็นบันไดขั้นสำคัญในการไปสู่เป้าหมายครั้งนี้ และเครื่องหมายนี้ยังเป็นความภาคภูมิใจในการทำงานในสายธุรกิจสี เนื่องจากเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้การทำงานของเบเยอร์อยู่ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมโลกอย่างยั่งยืนเพื่อผลักดันไปสู่การผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงานและวัตถุดิบสิ้นเปลืองลดปริมาณของเสียในกระบวนการผลิตหรือใกล้เคียงศูนย์ Zero Waste พร้อมนำของเสียกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และน้ำเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตกลับมาใช้ได้ 100% รวมไปถึงการลดใช้พลังงานไฟฟ้าต่อปี อีกด้วย
สำหรับสี “เบเยอร์คูล ยูวี ชิลด์” เป็นสีทาบ้านสูตรน้ำ ชนิดกึ่งเงา ช่วยให้อาคารและบ้านของคุณเย็นขึ้นด้วย “นวัตกรรมเซรามิกคูลลิ่ง” โดยสามารถสะท้อนความร้อนจากแสงยูวีได้สูงกว่า 94.2% และครอบคลุมแสงยูวีมากถึง 3 ชนิด ได้แก่อัลตราไวโอเลตเอ (UVA), อัลตราไวโอเลตบี (UVB) และรังสีอัลตราไวโอเลตซี (UVC) มากไปกว่านั้นเทคโนโลยีดังกล่าวยังช่วยให้อาคารและบ้านลดการใช้พลังงาน สามารถช่วยให้ผู้อยู่อาศัยประหยัดไฟสูงกว่า 25% และช่วยปกป้องบ้านได้ยาวนานกว่า 15 ปี