SCGD ดันผลประกอบการครึ่งปีโตเกินตลาด จากยอดขายสินค้า HVA ไทย-เวียดนาม กำเงินหมื่นล้านบาท ขยายธุรกิจเติบโตระยะยาว
บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Decor (SCGD) เผยเตรียมเงินลงทุนราวหมื่นล้านบาท เสริมการเติบโต 2 เท่าภายในปี 2573 ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2567 ดีเกินตลาดจากยอดขายสินค้า HVA กำไรสูงในเวียดนาม บวก 2 โครงการลดต้นทุนพลังงานที่แล้วเสร็จ ต้นไตรมาส 3 เตรียมส่งกระเบื้องเกลซพอร์ซเลนและกระเบื้องไซส์ใหญ่ที่โรงงานในเวียดนามป้อนตลาดเพิ่มอีกตามเป้า กว่า 11 ล้าน ตรม./ปี
นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Decor (SCGD) ผู้นำธุรกิจเซรามิก วัสดุตกแต่งพื้นผิว และสุขภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2567 บริษัทฯ มีกำไร 283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้จากการขาย 6,566 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ลดลง ร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ทั้งนี้ รายได้หลักมาจากธุรกิจเซรามิกทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม โดยในส่วนของเวียดนาม รายได้จากยอดขายเติบโตจากไตรมาสแรกถึงร้อยละ 22% เนื่องจากความสามารถในการเพิ่มยอดขายสินค้ามูลค่าสูง (HVA) ทำให้ราคาขายปรับตัวดีขึ้น และ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากตลาดเวียดนามเริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นด้วย
ด้านผลประกอบการครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 13,350 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย สามารถทำกำไรสำหรับงวดครึ่งปีได้ 541 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 36 ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากสามารถขายสินค้า HVA ที่มีกำไรสูงในสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม และรักษาระดับราคาขายสินค้าทั้งกระเบื้องเซรามิก และสุขภัณฑ์ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตผ่านโครงการต่าง ๆ ประกอบกับมีโครงการลดต้นทุนพลังงานที่แล้วเสร็จในในไตรมาสที่ 2 อีกจำนวน 2 โครงการ
นายนำพล กล่าวว่า “ภาพรวมในครึ่งปีแรก SCGD ยังเติบโตได้ สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มั่นใจว่าจะยังคงทำกำไรได้ตามเป้าหมาย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากโครงการลงทุนติดตั้ง Hot Air Generator ในประเทศไทยได้แล้วเสร็จอีก 2 แห่ง และเมื่อรวมกับโครงการที่แล้วเสร็จไปก่อนหน้านี้ จะทำให้บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนพลังงานลงได้ถึง 60-70 ล้านบาทต่อปี ที่สำคัญ SCGD จะมีรายได้เพิ่มเข้ามา จากโรงงานแผ่นปูพื้น SPC LT by COTTO ที่เริ่มเดินการผลิตแล้วในเดือนกรกฎาคม ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดกว่า 500 ล้านบาท รวมถึงการปรับปรุงและเพิ่มกำลังการผลิตของสินค้ากลุ่มกระเบื้องพอร์ซเลนและกระเบื้องขนาดใหญ่เพื่อขยายตลาดที่เวียดนามอีก กว่า 11 ล้านตารางเมตรต่อปี ซึ่งขณะนี้โครงการก่อสร้างมีความคืบหน้าไปมาก และคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มเดินการผลิตภายในปี 2567 คาดว่าโครงการต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยเพิ่มรายได้มากขึ้นด้วยอัตรากำไรที่สูงขึ้น เนื่องจากสินค้าแผ่นปูพื้น SPC LT by COTTO กระเบื้องเกลซพอร์ซเลนและกระเบื้องขนาดใหญ่ ล้วนเป็นสินค้าที่มีราคาขายเฉลี่ยสูงกว่าสินค้าปกติ และมุ่งขยายตลาดไปยังระดับกลางถึงบน