อัพเดทความคืบหน้าล่าสุด “Dusit Central Park” เตรียมเปิดเฟสแรกกลางปี 2567 พร้อมพาทัวร์ห้องตัวอย่าง The Residences at Dusit Central Park
โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค (Dusit Central Park) ถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนพัฒนาโครงการรูปแบบมิกซ์ยูสครั้งประวัติศาสตร์มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท บนที่ดินขนาด 23 ไร่ โดยเป็นการร่วมทุนกันพัฒนาระหว่าง บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) และบริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน) ภายใต้บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ได้รับสัญญาเช่าจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์รวม 60 ปี ไม่รวมเวลาก่อสร้าง 7 ปี รวมเป็น 67 ปี ซึ่งนับเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่สุดของกลุ่มดุสิตธานี ภายใต้แนวคิด Here for Bangkok บนพื้นที่หัวมุมถนนสีลม-พระราม 4 ซึ่งศักยภาพของทำเลดังกล่าวได้พัฒนาไปมากจากเมื่อครั้งสมัยโรงแรมดุสิตธานีเดิมยังอยู่เป็นแลนด์มาร์ค โดยแนวคิด Urban re-development ได้ถูกนำมาใช้กับการเปลี่ยนผ่านของดุสิตธานี ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพที่ได้ชื่อว่ามีราคาสูงที่สุดของกรุงเทพฯ และยังเป็นการพลิกโฉมศูนย์กลางธุรกิจถนนสีลม ให้มีความโดดเด่นเป็นไอคอนิคของกรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังเป็นโครงการเดียวที่มอบวิวของสวนลุมพินีแบบพาโนรามิค 100% พร้อมด้วยรูฟพาร์คกว่า 7 ไร่ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่สีเขียวธรรมชาติ 360 ไร่อย่างลงตัว ยกระดับการใช้ชีวิตเมืองให้มีความใกล้ชิดธรรมชาติเทียบเมืองชั้นนำระดับโลก โดยโครงการฯจะแบ่งเป็น 4 ส่วน มีพื้นที่อาคารรวมกันทั้งหมดประมาณ 403,000 ตารางเมตร ได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ, โครงการที่พักอาศัยระดับอัลตร้าลักชัวรี่ในรูปแบบ Leasehold Branded Residences ที่มีชื่อว่า The Residences at Dusit Central Park อันประกอบไปด้วย “ดุสิต เรสซิเดนเซส” (Dusit Residences) และ “ดุสิต พาร์คไซด์” (Dusit Parkside), อาคารสำนักงาน เซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศเซส และศูนย์การค้าเซ็นทรัล พาร์ค จากองค์ประกอบเหล่านี้ โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค จะกลายเป็นอสังหาริมทรัพย์ระดับเมกะโปรเจกต์ที่สามารถดึงดูดการลงทุนและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มหาศาล ในส่วนโรงแรมดุสิตธานีโฉมใหม่ ระดับ 6 ดาว จะพร้อมเปิดให้บริการเป็นเฟสแรกในครึ่งหลังของปี 2567 บนตึกความสูง 39 ชั้น ด้วยจำนวน 257 ห้องพัก ที่ออกแบบให้ทันสมัยและใหญ่ขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของความเป็น ‘ดุสิตธานี’ แบบดั้งเดิม โดยมีการนำวัสดุตกแต่งที่เป็น Signature Legacy มาจัดวางไว้ในพื้นที่หลายๆส่วนของอาคารใหม่ด้วย อาทิ ยอดชฎาที่มีการนำของเดิมมาครอบอีกชั้นให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีการประดับไฟ, Facade ลวดลายดอกสีทอง, ต้นไม้ที่ทางท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ได้มีการปลูกไว้, น้ำตก, ฝ้าประดับในห้อง Heritage Suite และเสาลวดลายเบญจรงค์หนักต้นละ 10 ตัน
สำหรับส่วนของออฟฟิศและศูนย์การค้าที่อาศัยความเชี่ยวชาญจากเซ็นทรัลพัฒนา จะเปิดให้บริการเป็นเฟสที่สองภายในปี 2568 และโครงการที่พักอาศัย ดุสิต เรสซิเดนเซส และ ดุสิต พาร์คไซด์ จะทยอยเริ่มโอนในช่วงปลายปี 2568
ดุสิต เซ็นทรัล พาร์คจะไม่อาจเป็นเซ็นทรัล พาร์ค ได้สมชื่อหากขาดจุดเด่นสำคัญ คือ การออกแบบพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เรียกว่ารูฟพาร์ค (Roof Park) สวนสาธารณะลอยฟ้าขนาด 7 ไร่ ภายในโครงการ ถูกโอบล้อมด้วยกลุ่มอาคารทั้งสี่ ซึ่งจะเป็นจุดเด่นสำคัญของโครงการที่แสดงให้เห็นการใช้ประโยชน์ที่ดินสูงสุดเพื่อสาธารณประโยชน์ และเอื้อต่อไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ของคนเมือง ในแง่การออกแบบพื้นที่ให้เอื้ออำนวยต่อชุมชนและสร้างการเชื่อมต่อระหว่างโครงการและย่านสีลม-พระราม4 คุณสมเกียรติ โล่ห์จินดาพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49) หนึ่งในสถาปนิกที่ร่วมพัฒนาและออกแบบโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ได้เปิดเผยเบื้องหลังแนวคิดการออกแบบกลุ่มอาคารมิกซ์ยูสว่า “จุดสำคัญที่คล้ายกันของ CBD ในกรุงเทพฯ ที่เป็นทำเลศักยภาพย่านธุรกิจ คือ ต้องมีการเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าบีทีเอสและเอ็มอาร์ที และอยู่ตรงหัวมุมถนน อย่างเช่น ทำเลแยกอโศก-สุขุมวิท และแยกสีลม-พระรามสี่ ตรงนี้ผมถือว่าเป็น Traffic ที่ชี้ให้เห็นศักยภาพการเติบโตและขยายตัวของเมืองและธุรกิจได้ดี แต่ความพิเศษของหัวมุมถนนสีลม ซึ่งเป็นทำเลของดุสิตธานี คือการมีสิ่งที่เรียกว่า Emotion จากมุมมองติดธรรมชาติของสวนลุมพินีซึ่งอยู่ตรงข้ามกับทำเลพอดิบพอดี และเราทุกคนต่างทราบว่าไม่มีทำเล CBD ไหนที่มีครบทั้ง Traffic และ Emotion เหมือนสีลม”