สรุปประเด็นอสังหาฯ ที่น่าสนใจตลอดปี 2023
รู้สึกกันไหมว่า ในแต่ละปีนั้นช่างผ่านไปไวเหลือเกิน เผลอแวบเดียวก็จะหมดปี 2023 และเริ่มต้นปี 2024 แล้ว ใครมีแพลนที่ยังทำไม่สำเร็จหรือสำเร็จไปบ้างแล้ว ถึงปีหน้าก็มาลุยใหม่ อาจจะเป็นปีที่ดีกว่าเดิมก็เป็นได้ เรามาดูทางฝั่งของภาคอสังหาฯ กันบ้าง ต้องบอกเลยว่าภาพรวมของภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2023 นี้ ไม่ได้มีการเติบโตเท่าที่ควร ทั้งในแง่ของ Supply ใหม่ที่เปิดตัวน้อยลง และความเชื่อมั่นในด้านการซื้อทั้งจากคนไทยและต่างชาติ ท่ามกลางปัจจัยลบในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจ ที่คนไม่อยากควักเงินก้อนออกมาซื้อของใหญ่ๆ เรื่องของดอกเบี้ยขาขึ้นและหนี้ครัวเรืองที่คนผ่อนบ้านผ่อนรถต้องปาดเหงื่อ โดยที่ภาครัฐไม่ได้ออกมาตรการอะไรที่จะช่วยกระตุ้นตลาดเพิ่มเติม ทำให้ดีเวลลอปเปอร์ส่วนใหญ่ต่างก็รอคอยท่าทีจากรัฐบาลใหม่ในปีหน้ามากกว่า ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเชิงนโยบายเกี่ยวกับอสังหาฯ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเพิ่มโควตาลูกค้าต่างชาติ และปลด LTV เพื่อให้ตลาดอสังหาฯ มีความคึกคักเทียบเท่าก่อนช่วงปี 2019…มาดูกันว่าในปี 2023 ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปลายปีนี้มีประเด็นไหนน่าสนใจบ้าง ส่วนใครที่พลาดข่าวเด็ดๆ อะไรไป เราจะสรุปให้เข้าใจรวดเดียวในบทความนี้เลย
อสังหาฯ ภูเก็ตคึกคัก ดีเวลลอปเปอร์เมืองกรุงเดินหน้าเปิดตลาดทั้งวิลล่าหรู และคอนโด
ภูเก็ต เรียกได้ว่าเป็น Destination ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรวมไปถึงคนไทยใฝ่ฝันอยากไปเที่ยวทะเลสวยๆ หาดทรายขาวๆ รวมถึงทางภาครัฐบาลมีแผนจะส่งเสริมให้ภูเก็ตเป็นเมืองต้นแบบ หรือ Smart City นอกจากนี้ภูเก็ตยังเป็นตลาดอสังหาฯ ที่เหมาะสำหรับการลงทุน รวมถึงการอยู่อาศัยทั้งในระยะยาว และการพักผ่อนในระยะสั้นอีกด้วย ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะมีดีมานด์จากชาวต่างชาติเข้ามาจากหลายสัญชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ออสเตรเลีย อินเดีย จีน และคาซัคสถาน ทำให้ตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต ในทุกพื้นที่มีความคึกคักมากขึ้น ซึ่งกลุ่มต่างชาติที่เป็นผู้ซื้ออสังหาฯ หลักในภูเก็ตนั้น ก็จะเป็นชาวรัสเซีย มีสัดส่วนมากถึง 80% ส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยในกลุ่มบ้านมีราคาตั้งแต่ 6-100 ล้านบาท
จึงทำให้ภูเก็ตในตอนนี้มีโครงการเปิดขายใหม่เป็นจำนวนมาก จากทางพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสัดส่วนที่เป็นในส่วนของคอนโดมิเนียม และบ้านพักตากอากาศนั้น มีมูลค่าลงทุนมากกว่า 1 แสนล้านบาท เรียกได้ว่ามากที่สุดในรอบ 15 ปี โดยสามารถแบ่งออกเป็นคอนโดฯ เปิดใหม่ 15 โครงการ 6,831 ยูนิต มูลค่าลงทุน 37,880 ล้านบาท ส่วนของที่พักตากอากาศในภูเก็ต เปิดขายใหม่รวม 37 โครงการ จำนวน 589 หลัง มูลค่าลงทุนกว่า 53,230 ล้านบาท และข้อมูลศูนย์อสังหาริมทรัพย์ ยังให้ข้อมูงเพิ่มเติมว่ามีจำนวนหน่วยโอนฯ ห้องชุดของคนต่างชาติ 3,365 หน่วย มูลค่า 17,048 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 11.6% และ 21.1% ของการโอนฯ ห้องชุดทั้งหมด เนื่องด้วยปัจจัยหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนจากทางภาครัฐมีนโยบาย Free Visa ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น และเข้ามาพักผ่อนในภูเก็ตในระยะสั้นได้ พร้อมทั้งในด้านของการขยายสนามบินให้สามารถเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากหลายชาติได้เช่นกัน
จึงทำให้ตลาดที่อยุ่อาศัยของภูเก็ตฟื้นตัวเร็วขึ้นมาก เป็นเหตุผลให้ดีเวลลอปเปอร์ต่างพากันให้ความสนใจและเข้ามาพัฒนาโครงการใหม่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการ Pool Villa และคอนโดมิเนียม ที่ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย รวมถึงที่อยู่อาศัยหลายโครงการต่างแข่งขันจัดแคมเปญใหญ่ๆ เร่งการซื้อ และเตรียมโอนปลายปี อาทิ
บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) กับ Botanica Grand Avenue โครงการพูลวิลลาระดับลักชัวรี และมิกซ์ยูสจำนวนกว่า 400 ยูนิต บนขนาดที่ดิน กว่า 178 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 13,000 ล้านบาท
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดตัวคอนโดใหม่ THE BASE Bukit Phuket ตั้งอยู่ใจกลางเมืองภูเก็ต เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร จำนวน 609 ยูนิต บนพื้นที่ 4 ไร่ ทางบริษัทฯ ยังได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของตลาดภูเก็ต ภายในปี 2567 แสนสิริได้วางแผนเปิดตัว Sansiri Hub หรือออฟฟิศของแสนสิริขึ้นมาอย่างเป็นทางการ และจะเป็นฮับในภูมิภาคที่พร้อมดูแลและให้บริการลูกค้าในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง ทั้งชาวไทยและต่างชาติ
บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กับโครงการ ศุภาลัย เลค วิลล์ ภูเก็ต บ้านแฝดแบบใหม่ในสไตล์ Tropical บนที่ใช้สอยเริ่มต้นตั้งแต่ 134 – 330 ตารางเมตร 3 – 4 ห้องนอน 3 – 6 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2-3 คัน และสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ถึง 4 ไร่ บนพื้นที่กว่า 102 ไร่ ในตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมือง มูลค่าโครงการประมาณ 2,600 ล้านบาท
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผุดอาณาจักรมิกซ์ยูสระดับลักซูรี ออริจิ้น รีสอร์ท เวิล์ด ภูเก็ต บางเทา บีช บนพื้นที่กว่า 25 ไร่ รวม 6 โครงการ ทั้งคอนโดมิเนียม, ลักชูรี่ วิลล่า, โฮเทล วิลล่า, บีช คลับ, เรสซิเด้นท์ และโรงแรม 5 ดาว จุดเด่นคอนโดฯใกล้หาด พร้อม IP และบริการแบบเซอร์วิส เรสซิเดนซ์ เริ่มต้น 3.59 ล้านบาท มูลค่าการลงทุนกว่า 8,000 ล้านบาท
บริษัท โบทานิกา ลักซูรี่ วิลล่าส์ จำกัด ได้มีการร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ พัฒนาโครงการมิกซ์ยูสระดับซูเปอร์ไฮเอนด์บนชายหาดกมลา มอนท์เอซัวร์ (MontAzure) บนพื้นที่ 454 ไร่ รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ประกอบไปด้วยแบรนด์เรสซิเดนซ์หรู โรงแรมระดับ 5 ดาว วิลลาหรู รีเทล บีชคลับระดับเวิลด์คลาส ร้านอาหารมิชลินสตาร์ และบริการระดับเวิลด์คลาสอื่นๆ อีกมากมาย
โดยภูเก็ตกำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนอสังหาฯ ชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนชาวรัสเซียและชาวยุโรป ในช่วงต้นปี 2023 ที่ดินชายทะเลในภูเก็ตราคาพุ่งขึ้นถึงไร่ละ 70 ล้านบาท ในขณะที่พื้นที่อื่นๆ มีมูลค่าราว 30-40 ล้านบาท ซึ่งทำเลทองที่ได้รับการพัฒนาและมีโรงแรมและคอนโดขึ้นหนาแน่น ได้แก่ หาดป่าตอง กมลา กะตะ และกะรน คาดว่าภายในปี 2027 การเดินทางทั่วโลกจะเพิ่มมากกว่าก่อนช่วงการแพร่ระบาดถึง 31% โดยเฉพาะในภูมิภาคแอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชีย ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความต้องการที่พักระดับหรูในสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำอย่างภูเก็ตมากยิ่งขึ้น
รถไฟฟ้าเปิดใหม่ สายสีเหลืองและสายสีชมพู ปลุกตลาดอสังหาฯ ชานเมือง
เปิดให้ใช้บริการแล้วกับรถไฟฟ้า 2 สาย คือ สายสีเหลืองและสายสีชมพู โดยรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว – สำโรง ซึ่งในอนาคตอันใกล้ ที่ดินและที่อยู่อาศัยย่านลาดพร้าวจะยิ่งเพิ่มมูลค่าจากเส้นทางการเดินรถไฟฟ้าสายสีเหลือง โดยแนวเส้นทางเริ่มต้นที่จุดเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้ามหานคร สายสีน้ำเงิน ที่แยกรัชดา – ลาดพร้าว เชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายสีส้มที่สถานีลำสาลีและเชื่อมต่อกับสถานีหัวหมากของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อน ตามแนวถนนศรีนครินทร์ถึงถนนเทพารักษ์ สิ้นสุดจุดเชื่อมต่อกับสถานีสำโรงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน รวมระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร พร้อมยังทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์บนถนนศรีนครินทร์กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง ภายหลังจากการเปิดเดินรถของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเชื่อมเมืองกรุงเทพฝั่งตะวันออกแนวเหนือใต้ล่องไปตามแนวถนนศรีนครินทร์ ดังนั้นมูลค่าที่ดินเกือบตลอดทั้งเส้นราคาก็ไต่ขึ้นมา Developer หลายเจ้าก็เริ่มขยับตัวจับจองพื้นที่พัฒนาโครงการใหม่รับทำเลใหม่
และรถไฟฟ้าสีชมพูที่เปิดให้ประชาชนทดลองนั่งเวลา 06.00-20.00 น. จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง เป็นเส้นทางมีนบุรีแคราย ระยะทางรวม 34.5 กิโลเมตร จำนวน 30 สถานี สร้างความคึกคักให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้าอย่างเห็นได้ชัดเจน และช่วยให้ราคาที่ดิน 4 โซน ที่อยู่บริเวณโดยรอบของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูเติบโตขึ้นทุกปี อาทิ ถนนติวานนท์ มีโครงการคอนโดฯ เปิดขายจำนวนมากมาก่อนหน้านี้หลายแล้ว เพราะเป็นทำเลที่สามารถเข้าเมืองผ่านรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้ จึงมีคู่แข่งมากกว่าทำเลอื่น, ทำเลถนนแจ้งวัฒนะ เป็นทำเลที่มีทางเข้าเมืองหลายเส้นทาง ผ่านรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีเขียว ในอนาคตน่าจะพัฒนาอาคารชุดพักอาศัยได้อีกมาก, ถนนรามอินทรา ทำเลที่มีโครงการที่อยู่อาศัยหลากหลายและเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ในระดับราคาตั้งแต่ 2 ล้านบาท ไปจนถึงบ้านหรูในราคา 100 ล้านบาทก็มี เป็นการสร้างเพื่อรองรับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่วิ่งเข้าเมือง และผลพวงจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู และมีนบุรี ที่เป็นทำเลห่างจากตัวเมือง ทำให้ยังมีที่ดินที่จะพัฒนาโครงการแนวราบได้ และมีคอนโดมิเนียมรอขายเกาะไปตามแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู และเลยช่วงมีนบุรีไปไม่ไกลมากก็ยังมีห้องชุดที่สร้างตามแนวรถไฟฟ้าสายสีส้มอีกด้วย