เปิด Sale Gallery แล้ว! ไอดีโอ รามคำแหง – ลำสาสี สเตชั่น
ไอดีโอ รามคำแหง – ลำสาลี สเตชั่น คือโครงการคอนโดใหม่แห่งแรกของอนันดาที่ชิงเปิดตัวอย่างเป็นทางการก่อนในปีนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่สองของอนันดาบนทำเลรามคำแหงต่อจากไอดีโอ พระรามเก้าตัดใหม่ (Ideo New Rama 9) โครงการนี้ทางพี่รัตน์บอกว่าเกิดมาจากความคุ้นเคยและทราบตลาดของทำเลรามคำแหงเป็นพิเศษ จากประสบการณ์ส่วนตัสที่เคยพัฒนาทั้ง UM Tower ทั้งชีวาทัยรามคำแหง ทั้ง Ideo New Rama 9 ซึ่งก่อนหน้านั้นทำเลรามคำแหงมีที่ดินถึง 3 แปลงบน Land Shelf ให้พี่รัตน์ได้เลือก แต่ในที่สุดก็มาจบที่การพัฒนาแปลงนี้ทำเลซึ่งเป็น Node สำคัญที่สุดของรามคำแหงอย่างจุดตัดแยกลำสาลี
ในอดีตแยกนี้มีฉายาว่าแยกลำสาหัส จากการที่ถนนรามคำแหงเป็นถนนหลักเส้นเดียวในการเดินทางจากมีนบุรีเข้าพระรามเก้า จึงทำให้รถติดหนักมาก แต่พอปัจจุบันมีเส้นมอเตอร์เวย์ – วงแหวนกาญจนภิเษก รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีส้ม สีเหลือง รวมไปถึงสีน้ำตาลในอนาคต จึงทำให้แยกลำสาลีมีความน่าสนใจในการพักอาศัยจากผู้คนทำงานในย่านรามคำแหงและใกล้เคียง ความมีสีสัน มี Energy แบบ Live – Work – Play – Learn ที่เป็นแก่นของแบรนด์ Ideo จะถูกถ่ายทอดให้ออกมาเป็นโครงการคอนโดภายใต้คอนเซปท์ The Multi Shade of Life ที่สื่อถึงจุดเชื่อมต่อเส้นทางจากรถไฟฟ้าสายสำคัญโดยเฉพาะสายสีส้มทั้ง 2 เส้นทางการเดินรถ ที่ลักษณะโดยรวมมีความคล้ายคลึงกับสายสีน้ำเงินมาก ซึ่ง Node ที่สำคัญของถนนรามคำแหง และรฟฟสายสีส้มมี 2 บริเวณที่มีความสมดุลทั้ง Supply และ Absorbsion Rate ที่ค่อนข้างเข้ากันนั่นคือ สถานีรามคำแหงบริเวณรามคำแหง 12 และบริเวณแยกลำสาลี ต้องบอกว่าราคาที่ ไอดีโอ รามคำแหง – ลำสาลี สเตชัน ขายในวันนี้คือราคาที่เท่าเทียมกับเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว นั่นคือเริ่มเพียงแค่ 1.69 ลบ. หรือราวๆตรม.ละ 7 หมื่นกว่าบาท ไปจนถึงตรม.ละแปดหมื่นกว่าๆ [กรณีถ้าคิดพท.ใช้สอยของห้อง Hybrid เฉพาะส่วนด้านล่างจะมีราคาสูงสุดที่ตรม.ละ 120,xxx บาท] โดยมีห้องเริ่มต้นเป็นสตูดิโอ 24 ตรม.ไปจนถึง 2 นอน 2 น้ำ 53.5 ตรม.ที่มีจำนวนน้อยมาก ซึ่งชั้นที่มีรูปแบบ Hybrid เพดานสูง 4.45 จะอยู่ที่ชั้น 26 – 35 ส่วน Simplex จะอยู่ชั้น 8 – 25 เพดานสูง 2.75 เมตร ขายแบบ Fully Fitted พร้อมตู้เสื้อผ้าและตู้รองเท้า
ความเปลี่ยนแปลงของทำเลลำสาลีกำลังจะถูกทำให้เปลี่ยนแปลงไปด้วยแนวคิดแบบ Multi Shade of Life ของโครงการที่ถูกพัฒนาให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์แบบ 24 ชม.ของลูกบ้าน ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางส่วนใหญ่จะถูกจัดวางไว้ที่บริเวณชั้นล่างเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานและบำรุงรักษา ซึงคีย์เวิร์ด Blue Product in the Red Ocean ได้ถูกนำมาใช้ในการต่อยอดพัฒนาโครงการให้แตกต่างกว่าชาวบ้าน นับตั้งแต่การตัดสินใจซื้อแปลงที่ดินที่ไม่ได้ใหญ่ยาวมากจนชิดคลองแสนแสบด้านหลัง ในขณะที่โครงการส่วนใหญ่เลือกทีจะนำส่วนกลางไว้ข้างบนอาคารทำให้ได้ส่วนกลางที่แม้จะวิวสวย แต่ว่าดูไม่ใหญ่ ไม่กว้างมากพอ โดยทีมงานเลือกทีจะพัฒนาพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ไว้บนแนวราบบริเวณหน้าอาคารเพื่อให้ได้พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ประมาณ 1,400 ตรม.พร้อม Green Fence ปรับระดับสูงถึง 3 เมตรเพื่อให้เป็น Buffer จากพื้นที่นอกโครงการ ซึ่งผลพลอยได้ก็คือด้วยระยะ Set Back จึงสามารถพัฒนาโครงการให้สูงได้ถึง 35 ชั้น